ลมหายใจของลูกคือลมหายใจของเรา


เวลาวาดรูปคือเวลาที่เรามีให้ลูกและลูกมีให้เรา การวาดรูปจึงเป็นเวลาของเรา....เวลาของครอบครัว แท้ที่จริง...สติ สมาธิ และการวาดรูปคือสิ่งเดียวกัน คือการอยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับตัวเอง อยู่กับลมหายใจที่อ่อนโยนและเบิกบาน

           “ลูก” คือสิ่งมหัศจรรย์ของชีวิต เราทำทุกอย่างเพื่อลูก นี่คือพลังรักอันยิ่งใหญ่ หากถามว่าทุกวันนี้เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร สำหรับคนมีครอบครัว หนึ่งในคำตอบนั้นก็คือ “ลูก”

 

          ผมเองก็เช่นกัน ชีวิตเปลี่ยนไปค่อนข้างมากเมื่อมี “น้องซอมพอ” เขาได้สอนความเป็นชีวิตให้กับผมมากมาย การดูแลลูกสาวจึงเสมือนการฝึกฝนตัวเองที่ดียิ่งของเราสองคน (ผมและคุณแม่น้องซอมพอ)

 

ตั้งชื่อลูก...ตั้งเป้าหมายชีวิต 

เราคุยกันว่าอยากได้ชื่อของลูกที่สื่อถึงเป้าหมายของชีวิตเราสองคน นั่นคือการอยู่อย่างเรียบง่าย พออยู่ พอกิน ไม่ประมาทในชีวิต และเป็นชื่อพื้นเมือง จึงตั้งชื่อเล่นของลูกสาวว่า “ซอมพอ”

          “ซอมพอ” เป็นภาษาพื้นเมือง หมายถึงต้นหางนกยูง เป็นดอกไม้พื้นบ้านที่เห็นอยู่ทั่วไป มีดอกงดงาม สีสันละลานตา ที่สำคัญเราชอบที่มีคำว่า “พอ” อยู่ ซึ่งบางครั้งเราก็เรียกชื่อลูกสั้นๆ ว่า “พอ” เป็นการย้ำเตือนเราอยู่เสมอว่าให้รู้จักพอ

ส่วนชื่อจริง เราตกลงใจกันว่าต้องมีคำว่า “พอ” อยู่ด้วยเช่นกัน จึงตั้งชื่อว่า “พอลภัส” อ่านว่า พอ-ละ-พัด มาจากคำว่า พอ + ลภัส (ลภัสหมายถึงลาภ) มีความหมายว่า มีความพอในลาภยศสรรเสริญ เพื่อตอกย้ำให้เราฝึกตนให้พอเพียงนั่นเอง...

 

ครอบครัวเรียนรู้ 

สำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงอย่างเรา การเลี้ยงดูลูกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะความรักที่เรามีต่อลูก เราจึงพยายามสรรหาและทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก นี่กระมังที่เรียกว่า “รักลูก”

ผมโชคดีมาก เนื่องจากหลังน้องซอมพอคลอดมาได้เพียง 7 วัน ผมก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมเรียนรู้กับ “สถาบันครอบครัวรักลูก” ที่นำโดยคุณสุภาวดี หาญเมธี และทีมงาน ที่ได้ริเริ่ม “โครงการครอบครัวเข้มแข็ง” ในจังหวัดน่าน และดำเนินการต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้เป็นปีที่ 5 แล้ว

โครงการนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้เคล็ดวิชาการสร้างครอบครัวและการดูแลลูก ทั้งสมัยใหม่และภูมิปัญญาชาวบ้าน จนสามารถนำมาปรับใช้ในการดูแลน้องซอมพอ เพื่อให้เขาเติบใหญ่อย่างกล้าแกร่งได้

          ตลอดเวลาที่เลี้ยงดูน้องซอมพอ แน่นอนว่ามีทั้งสนุกสนานชื่นมื่น คละปนไปกับความทุกข์ยากและกังวลอยู่เสมอๆ

          ในวันที่เขาเริ่มหัดเดิน สิ่งที่ผมเห็นคือเขาลุกขึ้นพยายามเดินและก็ล้มลง แต่เขาก็ยังพยายามลุกขึ้นเดินใหม่ ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เคยถอย จนเขาเดินได้เองอย่างมั่นคง นี่เป็นปรัชญาชีวิตที่ลูกสอนผมว่าล้มแล้วให้รีบลุกอย่าท้อ วันนี้น้องซอมพอในวัย 5 ขวบกว่า สามารถเดินได้ด้วยตนเอง ช่วยเหลือตัวเองได้ ช่วยเหลืองานบ้านบางอย่างได้ เขาช่างคิด ช่างพูด วาดฝันต่างๆ นานา สรรหาอะไรใหม่ๆ มาเล่า มาทำ สร้างเสียงหัวเราะให้เราได้อยู่เสมอๆ นี่คือความสุขเล็กๆ ตามประสาครอบครัว แต่สิ่งหนึ่งที่เรายังคงดำเนินอยู่ คือต้องคอยดูแลบ่มเพาะให้เขารู้จักผิดชอบชั่วดี รู้เท่าทันโลก และพึ่งตนเองได้ นี่เป็นภาระอันยิ่งใหญ่ที่เราพึงกระทำโดยไม่มีวันหยุดพัก

 

ลูกคือระฆังแห่งสติ 

          แม้เราจะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันเพื่อสร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง แต่บางครั้งเราก็เผลอถกเถียงกันบ้างตามประสาลิ้นกับฟัน แต่ทุกครั้งน้องซอมพอจะรีบมาเบรกว่า “ทะเลาะกันอีกแล้ว หยุด หยุด หยุด” เป็นเสียงเล็กๆ แต่มีพลังยิ่งใหญ่ที่เตือนให้เรากลับมาอยู่กับตัวเอง กลับมาอยู่กับลมหายใจ มีสติกับคำพูด และการกระทำ เลิกถกเถียงกัน แล้วรีบบอกลูกว่า “ไม่ได้ทะเลาะกัน แค่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันเท่านั้นลูกจึงเป็นทูตน้อยที่คอยสมานฉันท์และเยียวยาความรักของเรา

หลายครั้งลูกจะตั้งคำถามสะกิดใจ นี่เป็นคำถามแห่งชีวิตเลยทีเดียว

ซอมพอ : “ทำไมคุณพ่อ หน้าบึ้ง?”

คุณพ่อ : “อ๋อเหรอ พ่อขอโทษ พ่อเผลอไป บางทีพ่อก็เหน็ดเหนื่อย หงุดหงิด เลยหน้าบึ้ง”

ซอมพอ : “ไม่หล่อเลย”

หรือ...

ซอมพอ : “ทำไมคุณพ่อไม่ยิ้ม?”

คุณพ่อ : “อยู่เฉยๆ ทำไมต้องยิ้มด้วยล่ะ?”

ซอมพอ : “ถ้าไม่ยิ้มหน้าจะหล่อได้อย่างไร?”

เออ....จริงแท้หนอ หล่อ ไม่หล่อ อยู่ที่ยิ้มหรือไม่ยิ้ม แล้วทำไมเราไม่ยิ้มให้กับชีวิตล่ะ

เราสอนลูกว่าไม่ควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่หลายครั้งเพียงแค่ใจเผลอแว๊บเดียว เราก็ไม่รู้เท่าทันใจแล้ว และเมื่อเผลอ ผมก็จะได้ยินเสียงลูกกระตุกให้กลับมาตื่นรู้ทุกครั้งไป

เย็นวันหนึ่งขณะที่ผมขี่รถจักรยานยนต์พาเขาไปเล่นที่สนามเด็กเล่น อันเป็นกิจวัตรที่ผมทำเป็นประจำเกือบทุกวัน ขณะที่รถกำลังติดไฟแดงที่สี่แยกอยู่นั้น เมื่อไฟแดงเหลือเวลาอีก 1 วินาทีสุดท้าย ก่อนไฟเขียวจะออก รถคันอื่นๆ ที่ติดไฟแดงด้วยกันได้ทะยานตัวออกไปทันที ผมก็ไม่รีรอทะยานรถตามคันอื่นๆ ไป

น้องซอมพอ :  “ไฟยังไม่เขียวเลยเด้อ จะรีบไปไหน เดี๋ยวจะไปบอกแม่เลย”

คุณพ่อ : “ ???? ”

ผมนึกได้อีกที สติกลับมา “พ่อขอโทษจ๊ะ พ่อได้แต่ตามคนอื่นไป”  

แต่ในใจผมกลับคิดว่า “แท้จริงเราก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร เราซึ่งพยายามฝึกทำตนเองให้ช้าลง แล้วทำไมเราต้องตามคนอื่นไปอย่างรีบเร่งด้วยล่ะ ชีวิตเป็นของเรา ทำไมต้องตามคนอื่น ช้าลงอีกนิดเราก็ถึงจุดหมายเช่นเดียวกันมิใช่หรือ”

          เราสอนลูกหรือลูกสอนเรา  หากพิจารณาอย่างลึกซึ้งแล้ว จะพบว่าแท้จริงแล้วไม่มีใครสอนใคร หากแต่ใครได้เรียนรู้อะไรจากใครมากกว่า

 

ศิลปะแห่งชีวิต

น้องซอมพอชอบวาดรูปเอามากๆ ผมจึงส่งเสริมให้เขาวาดฝัน แต้มแต่งสีสันในโลกจินตนาการของเขา

เรามักพาเขาไปเลือกซื้ออุปกรณ์วาดรูปเอง และชวนเขาวาดรูปแทบทุกวันเลย บางทีก็ชวนกันทำการ์ดในโอกาสต่างๆ เช่น วันเกิด วันแม่ วันพ่อ วันลอยกระทง วันคริสต์มาส วันปีใหม่ ฯลฯ ทุกครั้งเราจะไม่ลืมชมว่าเขาวาดได้สวย เป็นการเสริมกำลังใจ จนปัจจุบันเขาสามารถเขียนเรื่องเล่าประกอบภาพได้ แม้อักขระและภาษาจะผิดๆ ถูกๆ นั่นไม่สำคัญเท่ากับเขาได้คิด เขียน และวาดอย่างที่เขาต้องการ เขาเล่าเรื่องราวของชีวิตได้ดี หากเทียบกับวัยที่เขาตื่นมาดูโลก เรื่องเล่าประกอบภาพวาดของเขาจึงเป็นนิทานชีวิตที่บอกเล่าเรื่องราวความคิด ประสบการณ์ และจินตนาการของเขา เป็นเรื่องราวเล็กๆ แต่มันยิ่งใหญ่สำหรับผู้เป็นพ่อและแม่อย่างเรา

เราได้เรียนรู้การวาดภาพจากน้องซอมพอ ได้ฝึกการมีสติและสมาธิจากการวาดรูป ทำให้ใจสงบ ร่มเย็น และเป็นสุข ....เวลาวาดรูปคือเวลาที่เรามีให้ลูกและลูกมีให้เรา การวาดรูปจึงเป็นเวลาของเรา....เวลาของครอบครัว แท้ที่จริง...สติ สมาธิ และการวาดรูปคือสิ่งเดียวกัน คือการอยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับตัวเอง อยู่กับลมหายใจที่อ่อนโยนและเบิกบาน

 

การเดินทางสู่เป้าหมาย

          การดูแลลูกเป็นการฝึกฝนตนเองที่สำคัญยิ่ง ฝึกฝนในการที่จะรัก มีสติกับความคิด คำพูด การกระทำ และสร้างบรรยากาศที่ดีในครอบครัว เพื่อให้เราได้เดินทางไปสู่เป้าหมายของชีวิตได้ตามที่มุ่งหวังไว้ เราสองคนต้องฝึกฝนตนเองอยู่เสมอๆ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูก โดยมีน้องซอมพอเป็นเสมือนระฆังแห่งสติที่คอยกระตุ้นเตือนเราสองคนได้กลับมาอยู่กับตัวเองให้มากขึ้น

ทุกๆ วันเกิดของน้องซอมพอ (4 ธันวาคม) เราจะกลับมาทบทวนการเดินทางสู่เป้าหมายของชีวิตร่วมกัน และเรายังได้มีโอกาสรับฟังพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงประทานให้ปวงชนชาวไทย เพื่อน้อมนำมาปฏิบัติในครอบครัว นี่คือพรอันยิ่งใหญ่ของชีวิตเรา

          การเดินทางของชีวิตเราที่มีลูกน้อยและครอบครัวเป็นกำลังใจให้เราก้าวเดิน เป็นเพียงการเริ่มต้นก้าวเดินไปสู่เป้าหมาย หนทางยังยาวไกล แต่ทุกๆ ขณะของชีวิต ทุกๆ ขณะของลมหายใจ เราจะไม่ประมาทกับการใช้ชีวิต นี่คือปณิธานร่วมกันของเรา

          ... ลมหายใจของลูกคือลมหายใจของเรา...ลมหายใจแห่งชีวิต....

..............................................................

จากบทความของพ่อน้องซอมพอในคอลัมน์ เรื่องเล่าจากทางบ้าน” ที่ลงในนิตยสารเพื่อการเลี้ยงลูกฉบับหนึ่ง ฉบับเดือนธันวาคม ๒๕๕๒

หมายเลขบันทึก: 317878เขียนเมื่อ 3 ธันวาคม 2009 16:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

น้องซอมพอ น่ารักจังค่ะ พ่อหน้าบึ้ง ไม่หล่อเลย อิ อิ

อย่างนี้พ่อมิเขินแย่หรือคะ อารมณ์ดีทุกวี่วัน หล่อทุกเวลา

สุขสันต์วันพ่อนะคะคุณพ่อน้องซอมพอ

กิจกรรมวันคล้ายวันเกิดน้องซอมพอ เป็นยังไงบ้างค่ะ

พาน้องเก็บตังค์น้อยมาเยี่ยมค่ะ ...

 เก็บตังค์น้อยจ๋า พี่ซอมพอบอกว่า ยิ้มหน่อยสิ เดี๋ยวไม่สวยนะ ;)

มาอวยพรวันเกิด น้องซอมพอ ล่วงหน้า นะคะ  เอาขนมเค็กพี่พอมาให้ด้วย เน้อเจ้า 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท