แม้ว่าปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะยอมรับและใช้คำว่า "ล้านนา" แทนคำ
"ลานนา" แต่ก็ยังมีข้อสงสัยและถกเถียงกันอยู่บ้างสำหรับบุคคลบางกลุ่ม
เนื่องจากไม่ทราบที่มาของคำดังกล่าว
คำว่า "ล้านนา" แปลมาจากคำศัพท์ภาษาบาลีคือ "ทสลกฺขเขตฺตนคร " อ่านว่า
(ทะ-สะ-ลัก-ขะ-เขด-ตะ-นะ-คะ-ระ) แปลว่า " เมืองสิบแสนนา" (ทส = สิบ,
ลักข = แสน, เขตต = ที่ดิน ที่นา, นคร = เมือง)
หมายถึงดินแดนที่มีที่นาจำนวนนับล้าน คู่กับคำว่า "ล้านช้าง" หรือ
"ศรีสตนาคนหุต" คือ ดินแดนที่มีช้างนับล้านตัว หรือช้างร้อยหมื่น (สต
= ร้อย, นาค = ช้าง, นหุต = หมื่น)
ในการเขียนเอกสารโบราณล้านนาแต่เดิมมา
จะไม่เคร่งครัดเรื่องการใส่รูปวรรณยุกต์ โดยเฉพาะในยุคแรกๆ นั้น
แทบจะไม่ใช้วรรณยุกต์เลย ดังนั้น ในคัมภีร์ใบลานจำนวนมาก
จึงมีทั้งคำว่า "ล้านนา" และ "ลานนา" ปรากฏอยู่
ทำให้ผู้คนในสมัยนั้นคุ้นเคยกับการใส่หรือไม่ใส่วรรณยุกต์
และเป็นที่เข้าใจตรงกันว่า คำไหนก็ตาม
ที่ต้องออกเสียงเหมือนมีวรรณยุกต์กำกับอยู่ แม้จะไม่ใส่รูปวรรณยุกต์
ก็ให้อ่านออกเสียงเช่นนั้น กระทั่งช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 21
หรือสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ในระบบการเขียนอักษรธรรมล้านนาจึงมีการใช้รูปวรรณยุกต์อย่างชัดเจน
พ.ศ 2526 ปรากฏหลักฐานที่ยืนยันได้อย่างชัดเจน เมื่อ ดร.ฮันส์ เพนธ์
ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และจารึกล้านนา
ได้นำเสนอบทความต่อที่ประชุมวิชาการเกี่ยวกับศิลาจารึกวัดเชียงสา
พ.ศ.2097 ว่าข้อความในจารึกนั้น คำว่า "ลานนา" ใส่ไม้โท ด้วย
โดยเขียนคู่กับ คำว่า "ล้านนา" ทำให้นักวิชาการเสนอให้ใช้ คำ "ล้านนา"
แทน "ลานนา" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และเมื่อจังหวัดเชียงใหม่จัดพิมพ์หนังสือ "ล้านนาไทย"
เพื่อเป็นอนุสรณ์เนื่องในพิธีเปิด พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์
เมื่อ พ.ศ.2527 คำ "ล้านนา" ก็เป็นที่รู้จักและยอมรับกันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วง พ.ศ.2530
ได้มีการโต้เถียงในเรื่องนี้กันอีกครั้งหนึ่ง
แต่เมื่อคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยซึ่งมีศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ
ณ นคร เป็นประธาน ได้ให้ข้อสรุปว่า คำ "ล้านนา" เป็นคำที่ถูกต้องแล้ว
จึงเป็นอันยุติปัญหา และใช้คำว่า "ล้านนา"
กันอย่างกว้างขวางมาจนปัจจุบัน
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
ไม่มีความเห็น