ครั้งที่แล้วเราทราบควาทุกข์ของคลินิกเบาหวานแล้ว วันนี้เรามาดูกันนะคะ ว่า คลินิกของเรามีการปรับกระบวนการดูแลใหม่อย่างไร...โดยคลินิกเบาหวานร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพได้เห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้ประชุมทีมสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อพัฒนาการดูแลผู้ป่วยเบาหวานให้ได้ตามมาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุข ตามมาตรฐาน TCEN และตามมาตรฐานที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกำหนด จึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเพื่อเพิ่มคุณการดูแลผู้ป่วยเบาหวานแบบองค์รวมขึ้น
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานที่มารับบริการที่คลินิกเบาหวานเกิดภาวะแทรกซ้อนลดลง
2. เพื่อให้ผู้ป่วยบาหวานได้รับการดูแลตามมาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขและตาม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกำหนด
3. ผู้ป่วยที่มารับบริการที่คลินิกเบาหวานเกิดความพึงพอใจในบริการ
4. เพื่อให้เครือข่ายจิตอาสามีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน
5. เพื่อเพิ่มความสุขในการทำงานของเจ้าหน้าที่
วิธีการดำเนินงาน
1.จัดประชุมทีมสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง
2.จัดตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน ด้วย แพทย์ พยาบาล เภสัชกร พยาบาล ทันตแพทย์ นักกายภาพ เจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ ทีมสุขศึกษาประชาสัมพันธ์ ผู้ช่วยเหลือคนไข้ รวมทั้งจิตอาสา
3.ประชุมชี้แจงคณะทำงานในการปรับกระบวนการทำงานดังนี้
กระบวนการเดิม |
กระบวนการที่ปรับแล้ว |
ผลลัพธ์ |
ห้องบัตรค้นบัตรในตอนเช้าวันที่มีคลินิกเบาหวาน |
จัดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ห้องบัตรในเวรบ่ายวันจันทร์และวันอังคารเพื่อเตรียมบัตรเพื่อให้บริการวันอังคาร และวันพุธ
|
การค้นบัตรเร็วขึ้น จะไม่รวมกับบัตรผู้ป่วยทั่วไป |
ผู้ป่วยมารับบัตรคิวตั้งแต่เวลา เช้ามืด(บางวัน ตั้งแต่ 6 ทุ่ม )
|
ผู้ป่วยนำบัตรนัดมารับบัตรคิว ณ จุดดัดกรองกับประชาสัมพันธ์ ด้วยตนเอง เริ่มเวลา 6.30 น. |
จำนวนผู้ป่วยที่มารับบริการตั้งแต่เช้ามืดลดลง |
พยาบาลซักประวัติ ประเมิน V/S ขณะซักประวัติ เวลา 8.30 น.
|
จัดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่เพื่อ ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต วัดรอบเอว ตั้งแต่เวลา 6.30 น. |
การให้บริการรวดเร็วขึ้น |
เจ้าหน้าที่ห้องแลป ให้บริการตรวจเลือดเวลา 6.30 น.วันละ 2 คนรวมทั้งลงผลเลือดในคอมพิวเตอร์
|
จัดอัตรากำลังพยาบาลเพื่อช่วยเจาะเลือดในตอนเช้า เวลา6.30- 8.30 น.เพิ่มอีกวันละ 2 คน |
ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารเร็วขึ้นและผลเลือดออกเร็วขึ้น ก่อน 8.30 น. |
การตรวจตามลำดับคิวทำให้ผู้ป่วยรอนาน |
เวลา 8.30น. แยกกลุ่มผู้ป่วยตาม FBSถ้ามากกว่า 200 และน้อยกว่า 70 เพื่อทำกิจกรรม self help group โดยจิตอาสา และพยาบาล หลังจากนั้นจึงซักประวัติและส่งพบแพทย์ เพื่อตรวจรักษา
|
การให้บริการรวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอคิวเพื่อซักประวัติ และรอคิวเพื่อส่งไปพบแพทย์ ที่ OPD |
ไม่มีกระบวนการนี้ |
กลุ่มที่ FBS ไม่เกิน 200 จะมีจิตอาสานำออกกำลังกาย โดยวิธีดุลยภาพบำบัดทุกวันเวลา 9.00 – 9.30 น.(6 เดือนแรกออกกลังกายทุกวันอังคาร 6 เดือนหลังนำออกกำลังกายทุกวันพุธ )
|
ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมออกกำลังกาย และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง |
มีการให้ความรู้แต่ไม่สม่ำเสมอ |
จัดตารางให้ความรู้เป็นรายเดือนในวันที่ไม่มีกิจกรรมออกกำลังกาย (6 เดือนแรกให้ความรู้ทุกวันพุธ 6 เดือนหลังให้ความรู้ทุกวันอังคาร )
|
ทีมสหวิชาชีพมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยได้รับความรู้ที่หลากหลาย |
ไม่มีกระบวนการนี้ |
กลุ่มผู้ป่วยที่ฉีดอินสุลิน จะแยกกลุ่มไปทบทวนวิธีการฉีดอินสุลิน โดยเภสัชกร ตั้งแต่เวลา 8.00 -9.00 ทุกวัน
|
ผู้ป่วยที่ฉีดอินสุลินได้รับการทบทวนวิธีการฉีดทุกคนครบ 100% |
พยาบาลที่ทำหน้าที่ตรวจ มีเฉพาะพยาบาลที่คลินิกเบาหวาน เพียง 2 คน |
เพิ่มทีมตรวจรักษาจากพยาบาลห้องผ่าตัด 1 คน และเภสัชกรอีก 1 คน รวม 4 คน โดยแบ่งระดับ FBS ถ้าน้อยกว่า 160 พบพยาบาล ถ้า FBS มากกว่า 160 พบเภสัชกร
|
การให้บริการตรวจรักษาและคำแนะนำผู้ป่วยรายบุคคล เร็วขึ้นผู้ป่วยจะตรวจเสร็จก่อนเวลา 12.00น. |
ไม่มีการตรวจสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยเบาหวาน |
มีเจ้าหน้าที่จากห้องทันตกรรมมาตรวจสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยเบาหวานทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.30 -12.00 น.
|
ผู้ป่วยได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากเพิ่มขึ้นนอกจากการมาตรวจเบาหวาน |
มีการตรวจเท้าผู้ป่วยแต่ไม่สม่ำเสมอ |
มีนักกายภาพร่วมกับพยาบาล และผู้ช่วยเหลือคนไข้ ในการดูแลสุขภาพเท้า ตรวจเท้า เพื่อป้องกันการเกิดแผล และดูแลแผลในผู้ป่วยที่มีแผลที่มีแผล รวมทั้งติดตามอาการ ทุกสัปดาห์หรือแล้วแต่ความสะดวกของผู้ป่วย
|
มีการดูแลผู้ป่วยได้ตามมาตรฐาน และมีการทำงานร่วมกันเป็นทีมผู้ป่วยที่มีแผลได้รับการดูแลเอาใจใส่เพิ่มขึ้น |
ไม่มีการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ในผู้ป่วยเบาหวาน |
จัดทำโครงการคัดกรองจอประสาทตาในผู้ป่วยเบาหวานทั้งอำเภอ โดยเชิญแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มาตรวจให้และมีการเตรียมผู้ป่วยโดยให้เจ้าหน้าที่แต่ละสถานีอนามัยเตรียมผู้ป่วยในพื้นที่รับผิดชอบมารับการตรวจที่โรงพยาบาล และในรายที่มีปัญหาส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น และ โรงพยาบาลศรีนครินทร์
|
ผู้ป่วยเบาหวานได้รับการตรวจจอประสาทตาตามมาตรฐาน และส่งตัวรักษากรณีที่มีความผิดปกติ |
มีการตรวจเลือดเพื่อหาภาวะแทรกซ้อนประจำปี เฉพาะรายที่แพทย์สั่ง |
ประสานงานกับห้องชันสูตร เพื่อเตรียมในเรื่องงบประมาณ และน้ำยาในการตรวจเพิ่มขึ้น และดำเนินการนัดตรวจผู้ป่วย เพื่อหาภาวะแทรกซ้อนประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง (lab ที่ตรวจได้แก่ HbA1C ,Cr , LDL ,Uric ,urine albumin )
|
ผู้ป่วยได้รับการตรวจเลือดหาภาวะแทรกซ้อนประจำปีเพิ่มมากขึ้น |
ไม่มีการติดตามเยี่ยมบ้าน |
มีการส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยที่มีปัญหาซับซ้อน เช่น Admit บ่อยๆ ด้วยภาวะHypo- Hyperglycemia และมีภาวะแผลเรื้อรัง
|
ผู้ป่วยได้รับการดูแลติดตามเยี่ยมบ้าน เพื่อค้นหาปัญหาของผู้ป่วย |
-เป็นรูปแบบขั้นตอน เห็นภาพชัดเจนดีครับ
-อย่าลืมดึง PCU เข้ามามีส่วนร่วมด้วยนะครับ
ขอบคุณค่ะคุณวัชรพงษ์ จากการประชุมแนวทางร่วมกันในปีนี้เราจะการประสานงานและส่งต่อผู้ป่วย จากโรงพยาบาลไป สอ. และจากสอ.มาโรงพยาบาลให้ชัดเจนและ เป็นรูปธรรมมากขึ้นค่ะ