เคยเข้าประชุมอภิปรายกันบ้างไหมครับ มีสักกี่ครั้งที่เราได้เข้าร่วมแล้วเกิดแรงบันดาลใจที่จะอยากจะทำให้เกิดสิ่งดีๆขึ้น
จากที่เคยเห็นและพบเจอประสบการณ์ด้วยตนเอง การอภิปรายโดยเฉพาะในทางการแพทย์มักสร้างบรรยากาศแห่งความน่ากลัวและการจับผิดกันอยู่เสมอๆ ถ้าพลาดขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว เช่นพิมพ์ผิด พูดผิด คุณก็พร้อมที่จะดับอยู่ตรงนั้น แม้ว่าการที่มีคนคอยช่วยบอกว่าเรามีข้อผิดพลาด จะทำให้ผลงานของเราผิดพลาดลดลง แต่เราก็ต้องสูญเสียความคิดสร้างสรรค์ การแบ่งปันความรู้ แล้วก็สร้างวัฒนธรรมแห่งการจับผิด และจ้องทำลายกัน
ถ้าในแวดวงการศึกษามีวัฒนธรรมเช่นนี้ เราคงคาดเดาได้อย่างแน่นอนว่าเด็กที่ออกมาจากระบบเช่นนี้ เขาจะมีท่าทีอย่างไร
สำหรับผมใฝ่ฝันอยู่เสมอจะทำอย่างไร วัฒนธรรมการฟังอย่างลึกซึ้ง ไม่ตัดสินและแบ่งปันจะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันและการทำงาน
สำหรับHalf day conference ระหว่างรพ.ขอนแก่นและรพ.ศรีนครินทร์ ประจำวันที่ 21 ต.ค.52 ที่นำเสนอโดยพญ.วรุณยุพา และะพญ.สิริวรรณ ผมก็คาดหวังเช่นกัน
ในฐานะ Moderator ผมใช้เทคนิค Before action review (BAR) ที่ทางสคส.และแวดวง KM ใช้กันประจำ นำมาทดลองใช้ โดยให้แต่ละคนพูดถึงความคาดหวังจากการอภิปรายในวันนี้ และช่วยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ประทับใจหรืออยากเล่าให้ฟังที่เกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ไม่ได้พบเจอกัน
แต่ละคนก็จะเล่าให้ฟังว่าไปทำอะไรกันบ้าง ไปเรียนรู้อะไรบ้าง มีงานอะไรบ้าง บางคนก็พูดถึงความรู้สึกของตนเองที่มีความสุขมากขึ้น ทั้งจากที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ความสุขจากงานที่ทำได้สำเร็จรวมทั้ง ความสุขจาการเข้าใจตนเองมากขึ้น และทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันก็คือเรียนรู้แนวทางในการดูแลผู้ป่วย Paraplegia ในแง่ความรู้ทางการแพทย์ และการเข้าใจชีวิตผู้ป่วย
case ที่นำเสนอ เป็นผู้ชายวัยกลางคน ได้รับอุบัติเหตุเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว และมีอาการอ่อนแรงตั้งแต่ระดับ C6 ลงไป ได้ admit และเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น Pressure sore , Neurogenic bladder , Flexion contracture สุดท้ายผู้ป่วยต้องกลับมารักษาตัวที่บ้านตั้งแต่ช่วงต้นปี และได้รับการดูแลโดยภรรยาที่ตนเองเคยทอดทิ้งไปหลายปี
ประเด็นที่พูดถึงในการอภิปรายกันก็คือ
และประเด็นที่สำคัญที่พูดกันเยอะมากในวันนี้ ซึ่งถูกตั้งคำถามจากพญ.วริสราว่า ในการเยี่ยมบ้านครั้งแรก เราจะทำอย่างไร เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด ข้อมูลที่ได้เราจะเชื่อดีหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา เมื่อเราไปเยี่ยมผู้ป่วยในครั้งต่อมา ก็มักจะพบว่า ข้อมูลที่ได้ในครั้งแรก ไม่ตรงกัน และก็จะรู้สึกโกรธคนไข้ ซึ่งในวงก็ให้ความคิดเห็น
สุดท้ายก็ทำ After action review (AAR) โดยให้แต่ละคนสะท้อนว่าได้เรียนรู้อะไรบ้าง บรรลุความคาดหวังที่แต่ละคนตั้งไว้แต่แรกหรือไม่ และชอบหรือประทับใจตรงจุดไหนบ้าง
หลายคนชอบการเรียนรู้แบบนี้ที่เปิดโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยน้องๆก็ตั้งคำถามจากประสบการณ์ที่ตนเองพบโดยตรง อาจารย์ทุกท่านก็เอาประสบการณ์ที่แต่ละคนมีขึ้นมาพูดคุย การเรียนรู้มิใช่จะเรียนรู้เฉพาะเรื่องราวภายนอกเท่านั้น ต้องกลับมาเรียนรู้ที่ตัวเราเองด้วย สำหรับผมในฐานะ Moderator รู้สึกดีมากๆและเหนือความคาดหมาย อาจจะเป็นเพราะว่าผู้เข้าร่วมไม่เยอะเกินไป (9 คน) มีการนำประสบการณ์ตรงของแต่ละคนมาแลกเปลี่ยนพูดคุย และการที่ไม่มีการจับผิดกัน ช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น
อ.อมรได้พูดเป็นคนสุดท้ายและได้สรุปดีมากว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ก็คือ การมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งต่างๆ เห็นความซับซ้อน(Complex) ที่เกิดขึ้นที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยหรือแม้กระทั่งตัวเราเอง ซึ่งถ้าพิจารณาคนเดียวก็อาจจะมองไม่เห็น แต่ถ้าช่วยกันมองหลายๆคน ช่วยกันคิด เราก็จะมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องสรุปเรื่องราวเลย
สวัสดีค่ะคุณหมอ
เป็นไปได้มั๊ยครับที่ผมจะได้มีโอกาสนั่งฟังหรือร่วมแลกเปลี่ยนเรื่องราวแบบนี้ผ่านช่องทาง Internet เช่น Camfrog ,Skype หรืออื่นๆ