เอกสารประกอบการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมพื้นฐาน
รหัสวิชา ส 41101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
หน่วยการเรียนที่ 10
กฎหมายอาญาสำหรับเด็กและเยาวชน
------------------------------------------------------
หัวเรื่อง
1. หลักกฎหมายอาญา
2. ความรับผิดของเด็กและเยาวชนในการทำผิดทางอาญา
3. กรณีที่มีผู้กระทำความผิดต่อเด็กและเยาวชน
4. ความผิดเกี่ยวกับชีวิต และร่างกาย
5. ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพ
6. ความผิดเกี่ยวกับเพศและฐานทำให้แท้งลูก
สาระสำคัญ
กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความผิดและโทษ โดยกำหนดว่าการกระทำใดบ้างเป็นความผิด ซึ่งผู้กระทำจะต้องได้รับโทษ กฎหมายอาญามีความมุ่งหมายโดยตรงที่จะคุ้มครองผลประโยชน์ของส่วนรวม โดยควบคุมมิให้บุคคลกระทำการอันเป็นภัยต่อผู้อื่นหรือต่อสังคม เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม
จุดประสงค์ปลายทาง
เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน
จุดประสงค์นำทาง
1. รู้และเข้าใจกฎหมายอาญา รวมทั้งโทษที่จะได้รับตามกฎหมาย
2. เห็นความสำคัญของกฎหมายอาญาและปฏิบัติตนตามหลักกฎหมาย
กฎหมายอาญาสำหรับเด็กและเยาวชน
1. หลักกฎหมายอาญา
1.1 ความหมายกฎหมายอาญา
กฎหมายอาญา หมายถึง กฎหมายที่ว่าด้วยความผิดและโทษ กล่าวคือ เป็นกฎหมายที่บัญญัติว่า การกระทำหรือไม่กระทำการใดเป็นความผิด และกำหนดโทษไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วยเช่น กฎหมายกำหนดว่า การฆ่าคน หรือการลักทรัพย์ เป็นความผิด และกำหนดโทษไว้สำหรับผู้กระทำการนั้น ๆ และโดยหลักแล้ว กฎหมายย่อมใช้บังคับแก่บุคคลทุกคนโดยเสมอหน้า ไม่เลือกว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่
1.2 ความผิดทางอาญา
ความผิดทางอาญา คือ การกระทำที่มีผลกระทบการเทือนต่อสังคม รัฐจึงต้องลงโทษผู้กระทำผิดโดยมีหลักสำคัญคือ
1.2.1 การกระทำนั้นต้องมีกฎหมายกำหนดไว้ชัดแจ้ง
1.2.2 โทษที่ลงต้องเป็นโทษที่กฎหมายกำหนดไว้
1.2.3 กฎหมายต้องไม่มีผลย้อนหลัง
โทษอาญาที่ใช้ลงโทษแก่ผู้กระทำผิด มี 5 ประการ คือ
1. โทษประหารชีวิต
2. โทษจำคุก จำเลยจะถูกจองจำไว้ในเรือนจำ การคำนวณระยะเวลาจำคุกจะนับวันเริ่มจำคุกรวมเข้าด้วย และนับเป็น 1 วันเต็ม โดยไม่คำนึงถึงจำนวนชั่วโมง ถ้าระยะเวลาจำคุกกำหนดเป็นเดือนก็นับ 30 วันเต็ม เป็น 1 เดือน ถ้ากำหนดเป็นปีคำนวณปีปฏิทิน
3. โทษกักขัง จำเลยจะถูกกักขังไว้ในสถานที่กักขัง ซึ่งกำหนดไว้อันมิใช่เรือนจำ สถานีตำรวจ หรือสถานที่ควบคุมผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน
4. โทษปรับ จำเลยต้องชำระเงินตามจำนวนที่ศาลมีคำพิพากษา หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาจำเลยอาจถูกยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับหรือถูกกักขังแทนค่าปรับ อย่างไรก็ตามหากศาลมีเหตุสงสัยว่าจำเลยจะไม่ชำระค่าปรับ ศาลอาจสั่งให้กักขังจำเลยแทนค่าปรับไปก่อนก็ได้ โดยการกักขังแทนค่าปรับจะถืออัตราสองร้อยบาทต่อหนึ่งวัน และหากจำเลยเคยถูกควบคุมตัว มาก่อนไม่ว่าจะเป็นชั้นสอบสวนหรือชั้นศาล ศาลจะนำวันที่จำเลยถูกควบคุมตัวมาหักวันขังด้วย การกักขังแทนค่าปรับนั้นกฎหมายห้ามมิให้กักขังแทนค่าปรับเกินกำหนดหนึ่งปี เว้นแต่กรณีศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่ 80,000 บาทขึ้นไป ศาลจะสั่งกักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินกว่าหนึ่งปี แต่ไม่เกินสองปีก็ได้ นอกจากนี้ หากศาลพิพากษาลงโทษปรับไม่เกิน 80,000 บาทและจำเลย (เฉพาะบุคคลธรรมดา) ไม่มีเงินชำระค่าปรับ จำเลยอาจยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นที่พิพากษาคดีเพื่อขอทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับได้ เมื่อศาลพิพากษาและเห็นควรก็จะอนุญาตให้จำเลยทำงานบริการสังคมฯ แทนค่าปรับ โดยกำหนดจำนวนชั่วโมงการทำงานที่ถือเป็นหนึ่งวันทำงานต่อไป
5. โทษริบทรัพย์สิน หากเป็นทรัพย์ซึ่งบุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือเป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจริบเสียได้ เว้นแต่ทรัพย์เหล่านั้นเป็นทรัพย์ซึ่งผู้อื่นมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด เจ้าของทรัพย์ที่แท้จริง อาจยื่นคำร้องขอคืนต่อศาลได้ ในกรณีที่เป็นทรัพย์สินซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดไม่ว่าทรัพย์นั้นจะเป็นของผู้ใด ศาลจะสั่งริบทั้งสิ้นและเจ้าของที่แท้จริงก็ไม่อาจร้องขอคืนได้คำพิพากษาของศาลจะทำเป็นหนังสือ ยกเว้นในศาลแขวง คำพิพากษาจะทำด้วยวาจาก็ได้ โดยบันทึกไว้พอได้ใจความจำเลยจะต้องมาฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งตามวันเวลาที่ศาลนัด ถ้าจำเลยไม่มาและศาลมีเหตุสงสัยว่าจำเลยจะหลบหนีหรือจงใจไม่มาศาลศาลจะออกหมายจับจำเลย ถ้ายังไม่ได้ตัวจำเลยมาศาลภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันออกหมาย ศาลอาจอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นลับหลัง จำเลยได้โดยถือว่าได้ฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นแล้ว
1.3 ความรับผิดทางอาญา
ความรับผิดทางอาญา คือ ผู้กระทำการที่กฎหมายกำหนดว่าเป็นความผิดจะต้องรับผิดทางอาญาเมื่อได้กระทำโดยเจตนาเท่านั้น เว้นแต่มีกฎหมายกำหนดไว้ว่าแม้ไม่ได้กระทำโดยเจตนาก็เป็นความผิด เช่น การกระทำโดยประมาท การกระทำความผิดลหุโทษ
ผู้กระทำการที่กฎหมายกำหนดว่าเป็นความผิดจะแก้ตัวว่า ไม่รู้กฎหมายไม่ได้ เว้นแต่ศาลเห็นว่ามีเหตุผลสมควร
1.4 ข้อยกเว้นที่ไม่ต้องรับผิดในทางอาญา
เหตุยกเว้นความผิด ถือว่าผู้กระทำไม่มีความผิดอาญาเลย เช่น
1.4.1 การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
1.4.2 ผู้เสียหายยินยอมให้กระทำ
1.4.3 มีกฎหมายประเพณี
1.4.4 มีกฎหมายอื่นให้อำนาจกระทำได้
1.5 เหตุยกเว้นโทษทางอาญา
เหตุยกเว้นโทษทางอาญาที่ถือว่ายังเป็นความผิดอยู่แต่ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษทางอาญา
1.5.1 การกระทำความผิดด้วยความจำเป็น
1.5.2 การกระทำความผิดเพราะความบกพร่องทางจิต
1.5.3 การกระทำความผิดเพราะความมึนเมา
1.5.4 การกระทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน
1.5.6 สามี ภริยา กระทำความผิดต่อกันในเรื่องทรัพย์
1.5.7 เด็กอายุไม่เกิน 10 ปี กระทำความผิด
1.6 เหตุลดหย่อนโทษ
เหตุลดหย่อนโทษ ซึ่งเป็นเหตุที่ศาลอาจลงโทษสถานเบาได้คือ
1.6.1 ศาลเชื่อว่าบุคคลนั้นไม่รู้กฎหมาย
1.6.2 การกระทำโดยบันดาลโทสะ
1.6.3 บุพการีกับผู้สืบสันดาน หรือพี่น้องที่กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
ขอบคุณครับที่มาเยี่ยม
ขอบคุนสำหรับ ความรู้ดีดีค่ะ