1.ประเด็นในการลปรร.
1.1.กำหนดแนวปฏิบัติในเรื่องการรับ - ส่งเอกสาร (workflow) ในระบบ WU eOffice (โดยพิจารณาจากร่าง
เอกสารที่จัดทำไว้แล้ว และร่วมกันพิจารณาต่อเติมเสริมแต่งเพื่อให้ได้แนวปฏิบัติที่ดีที่สุด)
1.2.เรื่องแนวทางการปฏิบัติงานในระบบ WU eOffice ของหัวหน้าหน่วยงานกับเลขานุการหรือธุรการ
1.3.กำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเครื่องสแกนเนอร์แก่หน่วยงานต่างๆ
1.4.ร่วมกันพิจารณา / ระดมความคิดเห็นเรื่องการคงไว้ซึ่งแนวปฏิบัติเดิมในการใช้เอกสารต้นฉบับจริงกับเรื่องบาง
ประเภท
1.5.เรื่องอื่นๆ ที่สมาชิกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการลปรร.และเกี่ยวข้องกับการ ”สร้างแนวปฏิบัติงานที่ดีใน
ระบบ WU eOffice ”
2.ขุมความรู้ที่ได้รับจากการลปรร. ( สรุปภาพรวมในทุกประเด็น)
2.1.ประเด็น : อธิการบดี/รองอธิการบดี/หัวหน้าหน่วยงานกับเลขานุการหรือธุรการควรมีตะกร้างานเพียง
1 ตะกร้างาน หรือควรแยกตะกร้างาน ออกจากกัน?
ข้อเสนอแนะ / ความคิดเห็น
เหตุผลสนับสนุนของการให้อยู่ตะกร้าเดียวกัน |
เหตุผลสนับสนุนของการแยกตะกร้างาน |
1.เกรงว่าผู้บริหาร /หัวหน้าหน่วยงานจะไม่มี เวลาเข้ามาใช้งานในระบบ 2.ในทางปฏิบัติ เลขานุการ / ธุรการจะเป็น ผู้อำนวยความสะดวกในการพิจารณา สั่งการของผู้บริหาร / หัวหน้าหน่วยงาน และเมื่อบันทึกงานหรือคำสั่งการในระบบๆจะแสดงชื่อของเลขานุการหรือธุรการ ทำให้ไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง และเมื่อมีการติดตามงานจะทำให้สับสน |
1.เป็นหน้าที่/ความรับผิดชอบของแต่ละคน ผู้บริหาร /หัวหน้าหน่วยงาน จะต้องดำเนินตามนโยบายของมวล. ต้องปรับตัว และต้องเข้ามาใช้ งานในระบบฯเพราะเมื่อผู้ที่ทำงานตัวจริง login เข้ามาใช้งานจริงระบบจะแสดงชื่อว่าใครเป็นผู้เข้ามาบันทึกงาน/สั่งการ ทำให้สามารถติดตามงานได้สะดวกและชัดเจน 2.สามารถติดตามงานได้ว่าอยู่ระหว่างการดำเนินงานของเลขานุการ / ธุรการ หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บริหาร / หัวหน้าหน่วยงาน 3.ในระบบฯ นี้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้บริหาร / หัวหน้าหน่วย งานในการใช้งาน ไม่ยุ่งยาก เพียงเลือกคลิ๊กข้อความ ( ทราบ อนุมัติ เห็นชอบ ดำเนินการตามเสนอ ฯลฯ) แต่จะมีการพิมพ์ข้อความเพิ่มเติม บ้างตามประเด็นที่มีการพิจารณา 4.สามารถเข้าใช้งาน / พิจารณาสั่งการในระบบ ฯ ได้ทุกสถานที่ที่มีการ เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต หรืออาจจะมีระบบให้เลขานุการฯ คอยสื่อ / ส่งข่าวสารให้หัวหน้าหน่วยงานกรณีที่หน่วยงานไม่อยู่ใน มวล. และ มี เรื่องสำคัญ / เร่งด่วนที่จะต้องพิจารณาเพื่อจะได้เข้ามาใช้งานในระบบฯ และสั่งการได้ 5.จัดหลักสูตรฝึกอบรมให้กับผู้บริหารเพื่อให้สามารถใช้งานในระบบฯ ได้ |
ข้อสรุป ขอให้แยกตะกร้าเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ของเจ้านายกับเลขานุการ หรือธุรการกับหัวหน้าหน่วยงานออกจากกัน
2.2. ประเด็น : กรณีที่มีผู้บริหาร / หัวหน้าหน่วยงานเป็นชาวต่างประเทศ จะต้องเสนอเรื่อง เป็นภาษา
อังกฤษ หรือไม่ อย่างไร ? (เช่น ศูนย์บรรณสารฯ ส่วนวิเทศสัมพันธ์ เป็นต้น)
ข้อเสนอแนะ / ความคิดเห็น
-ระบบมี / ภาษาให้เลือก แต่ในการบันทึกข้อมูล ฝ่าย / งานธุรการ หรือเลขานุการ จะต้องแปลหนังสือ / บันทึกข้อความที่จะนำเรียนหัวหน้าหน่วยงาน พร้อมการเสนอความคิดเห็น (ถ้ามี) เป็นภาษาอังกฤษ และเมื่อหัวหน้าหน่วยงานได้พิจารณาสั่งการออกมาแล้ว ฝ่าย / งานธุรการหรือเลขานุการ จะต้องแปลการสั่งการดังกล่าวเป็นภาษาไทย ก่อนที่จะเสนอเรื่องไปยังบุคคล / หน่วยงานต่างๆ ต่อไป
ข้อสรุป ขอให้ปฏิบัติตามแนวทางที่เสนอแนะไว้ข้างต้นทุกหน่วยงานที่มีชาวต่างชาติ
2.3 ประเด็น : จะมีระบบการรับ – ส่งเอกสารลับอย่างไร ? เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนของพนักงาน
เป็นต้น
ข้อสรุป ให้มีการรับส่งเอกสารในระบบได้โดยการบันทึกรายละเอียดของเอกสารตามปกติ และสรุปเรื่องสั้น ๆ แล้วให้กำหนดชั้นความลับของเอกสารในระบบไปด้วย แต่ไม่ควร scan หรือแนบไฟล์ในกรณีที่เป็นเรื่องที่ลับมาก ๆ สรุปว่าในการนำส่งเอกสารให้ส่งเรื่องทางระบบพร้อมส่งต้นฉบับควบคู่ ไปด้วย
- ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากส่วนสารบรรณฯ ทุกหน่วยงานควรมีการตั้งนายทะเบียนเอกสารลับของหน่วยงานเพื่อรับผิดชอบเอกสารลับโดยเฉพาะ และให้กำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลลับในระบบด้วย
2.4. ประเด็น : ระเบียบวาระการประชุม รายงานการประชุม และแบบตอบรับการเข้าประชุม / รับรอง2.4. : /
รายงานการประชุม จะทำอย่างไร และเอกสารสำคัญประเภทใดที่ยังคงต้องส่งหรือเสนอโดยใช้ต้นฉบับควบคู่กับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์
ข้อเสนอแนะ / ความคิดเห็น
1. เรื่องที่จะต้องใช้เอกสารจริงควบคู่กับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่
1.1. เรื่องที่สร้างขึ้นภายใน
- เอกสารเกี่ยวกับการเงิน / ทรัพย์สิน และพัสดุ
- เอกสารคำสั่ง ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ข้อตกลงร่วม รายงานการประชุมฉบับรับรอง
- หนังสือส่งออกภายนอก (ฉบับที่ส่งออก)
- สัญญาทุกประเภททำเอกสารและสำเนาตามที่กฎหมายว่าด้วยเรื่องนั้น ๆ กำหนด
- เอกสารสำคัญอื่นๆ ที่ทรงคุณค่าทางหอจดหมายเหตุ
1.2. เรื่องที่รับจากภายนอก (แต่เมื่อหนังสือมาถึง มวล.แล้ว จะนำเข้าสู่ระบบฯ โดยการสแกนหนังสือดังกล่าว
เว้นแต่เอกสารแนบที่เป็นเอกสารเย็บเล่ม จะต้องใช้เอกสารจริงควบคู่กับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ )
1.2.1 เอกสารด้านการเงิน/ ทรัพย์สิน/ งบประมาณ / พัสดุ
1.2.2 เอกสารสำคัญเชิงนโยบาย และเอกสารพิธีการสำคัญ เช่น พิธีพระราชทานปริญญา เอกสารอนุมัติโครงการอย่างเช่น โครงการสร้างหอเฉลิมพระเกียรติ โบราณสถานตุมปัง เป็นต้น (ให้พิจารณาเนื้อหาเป็นหลัก)
1.3 เรื่องที่รับมาจากภายนอกกรณีที่เข้าที่ส่วนสารบรรณฯ ๆ จะบันทึกรายละเอียด พร้อม scan เอกสารโดยเลือกปฏิบัติตามแนวทางข้างต้นในเรื่องของการส่งต้นฉบับตามไป แต่กรณีที่พิจารณาแล้วว่าจะส่งแบบไม่ส่งต้นฉบับตามจะเก็บต้นฉบับไว้เป็นหลักฐานที่ส่วนสารบรรณฯ
2.ขณะนี้ฝ่ายเทคนิคอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ eMeeting หากพัฒนาระบบฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไปการจัดส่งระเบียบวาระการประชุม รายงานการประชุม และแบบตอบรับการเข้าประชุม / รับรองรายงานการประชุม จะต้องผ่านระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ไม่ต้องจัดส่งเป็นเอกสาร เพียงแต่ฝ่ายเลขานุการที่ประชุมจัดทำเอกสารต้นฉบับไว้ 1 ชุดสำหรับใช้เป็นหลักฐาน แล้วสแกนเข้าสู่ระบบฯ เพื่อให้กรรมการเข้าไปเปิดอ่านรายละเอียด / แจ้งผลตอบรับ โดยในวันจัดประชุมฝ่ายเลขานุการฯ จะจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่กรรมการไว้ในห้องประชุม เช่น การติดตั้ง Notebook การนำเสนอวาระ / เรื่องต่างๆ ผ่านจอฉายภาพ เป็นต้น ทั้งนี้มหาวิทยาลัยมีนโยบายที่จะเริ่มใช้กับที่ประชุมบริหารในระยะแรกก่อน แล้วค่อยขยายผลสู่การประชุมสภาวิชาการ สภามหาวิทยาลัย และที่ประชุมคณะกรรมการชุดอื่นๆ ต่อไป
อนึ่ง สำหรับการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดประชุมในขณะนี้ ขอให้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติ หรือตามนโยบายเดิมของประธานที่ประชุม / ฝ่ายเลขานุการที่ประชุมกรรมการชุดนั้นๆ ไปก่อน
3.หนังสือเชิญประชุม และการเวียนเพื่อรับรองรายงานให้รับ-ส่งทางระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ควบคู่กับe mail ได้ทันทีที่เปดใช้ระบบโดยไม่ต้องรอระบบ eMeeting
4.เอกสารประกอบวาระการประชุม ที่เป็นรูปเล่ม / จำนวนเอกสารมาก เช่น หลักสูตร (ประมาณ 100 หน้า) เป็นต้น สามารถแนบเป็นไฟล์ได้โดยการแปลงเป็น.pdf
ข้อสรุป ขอให้ปฏิบัติตามแนวทางที่เสนอแนะไว้ข้างต้น
2.5. ประเด็น : เอกสารทางการเงิน / การจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีอยู่ในระบบ MIS แล้ว จะต้องดำเนินการ
อย่างไร ? ยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควรเนื่องจากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในการแลกเปลี่ยนจากผู้เชี่ยวชาญระบบ MIS
ข้อสรุป กรณีขออนุมัติจัดซื้อจัดจ้างในโครงการต่างๆ จะต้องเสนอเรื่องผ่านระบบ eOffice ทั้งนี้ เพื่อจะ
ได้ติดตามงานได้ว่า อยู่ระหว่างขั้นตอนไหน ใครรับผิดชอบ และต้องแนบไฟล์ข้อมูลที่อยู่ใน
ระบบ MIS มาประกอบเรื่องการขออนุมัติด้วย (ไม่ต้อง print ออกมาเป็นเอกสาร)
2.6. ประเด็น : แบบฟอร์มเอกสารต่างๆ เช่น ใบลา ขอใช้บริการห้องอบรม ขอยืมอุปกรณ์ เป็นต้น
จะต้องนำเข้าระบบ eOffice หรือไม่ อย่างไร ?
ข้อเสนอแนะ / ความคิดเห็น
1.ควรมีระบบ / แนวทางการดำเนินการรองรับไว้ด้วย หากเป็นไปได้ควรนำเข้าระบบฯ ให้ได้มากที่สุด แต่อย่างไร
ก็ตามจะขึ้นอยู่กับประเภทของแบบฟอร์มที่จัดทำขึ้นมาด้วย เช่น เป็นแบบฟอร์มทางเดียว / ไม่ซับซ้อน เป็นแบบฟอร์มที่
ซับซ้อน / ต้องผ่านความเห็น หรือการพิจารณาหลายขั้นตอน เป็นต้น
2.ผู้ประสานงานชุมชน eOffice และทีมงานจะไปพบปะพูดคุยกับหน่วยงานต่างๆ ว่ามีแบบฟอร์มอะไรบ้าง มีขั้นตอน /กระบวนการเสนอแบบฟอร์มอย่างไร แล้วจะพิจารณาว่ามีแบบฟอร์มอะไรบ้างที่สามารถนำเข้าระบบฯ ได้เพื่อจะได้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งมหาวิทยาลัย หากมีแบบฟอร์มไหนไม่สามารถนำเข้าสู่ระบบฯ ได้ ก็จะดำเนินการโดยใช้เอกสารแทน(ต้องพิจารณารายละเอียดร่วมกับเจ้าของงานด้วย) และเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้แบบฟอร์มจะทำเมนูรวบรวมแบบฟอร์มของหน่วยงานต่าง ๆ ไว้ที่หน้าจอ Main Menu ของระบบ WU eOffice
ข้อสรุป ผู้ประสานงานชุมชนคนทำ eOffice จะพยายามดำเนินการตามแนวทางที่เสนอแนะไว้ข้างต้น โดยจะนัดหารือกับสมาชิกชุมชนคนทำ eOffice เพื่อลงลึกในรายละเอียดประเด็นที่นำมาแลกเปลี่ยนทุกประเด็นอีกครั้ง รวมทั้งประเด็นอื่น ๆ ตามกลุ่มหน่วยงาน ดังนี้ กลุ่มสำนักวิชา กลุ่มศูนย์/สถาบัน กลุ่มส่วน/หน่วย/โครงการ (กำหนดการจะนัดกับสมาชิกภายหลัง)
2.7. ประเด็น : ในการแสดงความคิดเห็นของนักศึกษาต่อการสอนของอาจารย์ในแต่ละภาคการศึกษาจะ
ต้องนำเข้าระบบฯ ด้วยหรือไม่ ?
ข้อสรุป ยังไม่สามารถนำเข้าสู่ระบบฯ ได้ ขอให้ดำเนินการตามระบบเดิม (ใช้เอกสาร)ไปก่อน
2.8. ประเด็น : อาจารย์จะจัดทำบันทึกข้อความถึงหน่วยงานต่างๆ ภายใน มวล. จะต้องทำอย่างไร
สามารถลงนามและจัดส่งเองได้หรือไม่ ?
ข้อเสนอแนะ / ความคิดเห็น
อาจารย์สามารถส่งเอกสารกันได้ภายในสำนักฯ(ระหว่างบุคคล-บุคคลในระดับเดียวกันและบุคคลกับผู้บังคับบัญชาหน่วยงาน) แต่หากจะส่งข้ามหน่วยงานจะต้องเสนอบันทึกข้อความดังกล่าวเข้าสู่ระบบฯ และจัดส่งมาที่ฝ่ายธุรการของสำนักวิชา เพื่อจะได้เสนอให้คณบดีเป็นผู้ลงนามกำกับบันทึกข้อความดังกล่าวก่อน เมื่อคณบดีลงนามแล้ว คณบดีสามารถส่งเรื่องไปยังหน่วยงานดังกล่าวได้โดยตรง หรือส่งเรื่องออกมายังฝ่ายธุรการหรือเลขานุการ เพื่อจัดส่งไปยังหน่วยงานก็ได้ เนื่องจากการจัดส่งบันทึกข้อความไปยังหน่วยงานอื่นๆ ภายในมวล. ในระบบฯ ใหม่ บุคคลที่มีอำนาจส่งเอกสารข้ามหน่วยงานคือฝ่ายธุรการที่เป็น Supervisor User หรือเลขานุการ กับหัวหน้าหน่วยงาน(หัวหน้าส่วน/ หน่วยผู้จัดการโครงการ/ คณบดี/รองอธิการบดี/อธิการบดี) เท่านั้น และจะต้องออกเลขบันทึกข้อความนั้น ๆ ในระบบด้วย
ข้อสรุป ขอให้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะข้างต้นตามแนวทางข้างต้นทุกหน่วยงาน ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเรื่องต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในระบบฯ และดำเนินการถูกขั้นตอนการเสนอเรื่อง
2.9. ประเด็น : บางสำนักวิชามีการแต่งตั้งรองคณบดี ( เช่น ดร.ผดุงศักดิ์ สุขสอาด รองคณบดีสำนักวิชา
เทคโนโลยีการเกษตร เป็นต้น ) และมีอำนาจดำเนินการอนุมัติเรื่องต่าง ๆ ได้ตามที่
คณบดีมอบอำนาจไว้ จะต้องดำเนินการอย่างไร ?
ข้อสรุป ขอให้ฝ่ายธุรการของสำนักวิชาเสนอเรื่องไปที่ตะกร้างานส่วนตัว (ตะกร้าบุคคล) ของ ดร.ผดุงศักดิ์ สุขสอาด เพียงแต่ให้ระบุเพิ่มเติมว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องในฐานะรองคณบดีสำนักวิชา ส่วนเรื่องไหนที่ไม่ระบุไว้ จะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของ ดร.ผดุงศักดิ์ สุขสอาด ในฐานะอาจารย์คนหนึ่งในสำนักวิชาฯ
เพิ่มเติม : วิธีการระบุว่าเกี่ยวข้องในฐานะอะไรต้องเรียน ตำแหน่ง ที่กำลังทำเรื่องนั้นอยู่ว่าทำงานในตำแหน่งอะไรกล่าวคือในขั้นตอนการส่งเรื่องต้องมีการบันทึก(เกษียน)เรื่องเพื่อนำเสนอในระบบไปด้วย ให้ระบุ ” เรียน รองคณบดีสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร ” ไม่ระบุว่า “ เรียน ดร.ผดุงศักดิ์” แต่ในขั้นตอนส่งให้ส่งเรื่องไปที่ตะกร้า ดร.ผดุงศักดิ์ ส่วนดร. ผดุงศักดิ์เมื่อบันทึกคำสั่งการในระบบให้ระบุด้วยว่าดำเนินการในฐานะรองคณบดี ตัวอย่างเช่น ”มอบคุณจันทร์เพ็ญประสานงานกับฟาร์ม/รองคณบดีฯ ” และเมื่อมีการดำเนินการเรื่องใดแทนไปแล้วให้ ผู้ที่ได้รับมอบหมาย (ยกตัวอย่าง ดร.ผดุงศักดิ์) และ/หรือเลขานุการ/ธุรการ(แล้วแต่จะตกลงกัน) สรุปรายงานผลการปฏิบัติงานโดยการผูกเรื่อง(แนบ)ทั้งหมดที่ได้ดำเนินการไปส่งไปตะกร้าของคณบดีเพื่อทราบ ทั้งนี้ เพื่อจะได้รับทราบ ติดตาม และดำเนินการต่อเนื่องได้ต่อไป
ขอให้ทุกหน่วยงานใช้แนวปฏิบัตินี้ในกรณีการมอบหมายและการปฏิบัติหน้าที่แทนกัน ของผู้บริหารทุกระดับ
2.10. ประเด็น : ในการขออนุมัติไปปฏิบัติงานนอกพื้นที่ จะต้องดำเนินการอย่างไร ?
ข้อสรุป เนื่องจากในวันจัด f2fc มีข้อมูลประกอบการแลกเปลี่ยนน้อยจึงยังหาข้อสรุปของแนวทางปฏิบัติได้ไม่ชัดเจน แต่พอสรุปได้ว่าถ้าเป็น 1) รายงานการเดินทางที่ต้องรายงานเรื่องค่าใช้จ่าย(เงิน)ต้องมีเอกสารต้นฉบับแนบไปด้วย เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเรื่องการขอใช้งบประมาณ 2) แต่ถ้าเป็นรายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติงานนอกพื้นที่อย่างเช่น การไปอบรมสัมมนาแต่ละครั้งว่ามีเนื้อหาสาระอะไรบ้างนั้น อาจจะไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารต้นฉบับในขั้นตอนการเสนอต่อผู้บังคับบัญชาแต่ให้แนบไฟล์แบบฟอร์มที่บันทึกรายละเอียดไว้แล้วส่งไปรายงานทางระบบ (มีข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยพัฒนาองค์ที่เพิ่งทราบหลังวัน f2f ว่าจะมีการพัฒนาระบบการเก็บความรู้จากการไปอบรม สัมมนา ซึ่งรายละเอียดจะหน่วยพัฒนาองค์กรจะชี้แจงในโอกาสต่อไป)
ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะในประเด็นอื่นๆ
1.ควรมีระบบการติดตามงานที่สามารถตรวจสอบได้ว่า ขณะนี้หนังสือ / บันทึกข้อความเรื่องที่เสนออยู่ระหว่างการดำเนินการ
ในขั้นตอนใด และอยู่ที่ใคร หน่วยงานใด
2.ควรมีการกำหนดระยะเวลาไว้ว่า หากมีเอกสารไปถึงบุคคลใดแล้ว จะต้องดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้เสร็จเรียบร้อยภายในกี่วัน หากบุคคลนั้นไม่ดำเนินการ หรือดำเนินการไม่เสร็จภายในเวลาที่กำหนด ขอให้มีระบบสัญญานเตือนเป็นระยะๆ
3.ในกรณีที่มีเอกสารแนบเป็นจำนวนมากและใช้วิธีการสแกนไม่ได้ เช่น เป็นเอกสารเย็บเล่ม ระเบียบวาระการประชุม
เป็นต้น ควรมีมาตรการรองรับไว้ด้วย
นายบรรจงวิทย์ ยิ่งยงค์
เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป หน่วยพัฒนาองค์กร
“ คุณลิขิต ”
เก็บตก
1.กรณีที่บางหน่วยงานฝ่ายธุรการทำหน้าที่ทั้งเป็น Super User และเลขานุการด้วยให้ส่งข้ามไปยังหัวหน้าหน่วยงานได้เลย
2. กรณีบางหน่วยงานฝ่ายธุรการที่ทำหน้าที่เป็น Super User และเลขานุการแยกคนละคนกัน เมื่อเรื่องกลับจากหัวหน้าหน่วยงานให้ ฝ่ายธุรการที่ทำหน้าที่เป็น Super User เป็นผู้ส่งข้ามหน่วยงาน (หรือแล้วแต่จะตกลงกันในหน่วยงานโดยใช้วิธีswitchเข้าตะกร้าหน่วยงานเพื่อทำการส่งต่อก็ได้)
3. กรณีเร่งด่วนที่ หน.หน่วยงานต้องการส่งตรงเองต้องเปลี่ยนเข้าตะกร้างานของหน่วยงานก่อนแล้วค้นเลขที่เอกสารที่ต้องการส่งมาเพื่อทำการส่ง แต่ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการจัดการเอกสารของหน่วยงานควรส่งผ่านธุรการหรือเลขานุการเป็นผู้จัดการเอกสารของหน่วยงาน
ไม่มีความเห็น