การเคลื่อนที่แนวตรง
ระยะทาง คือ
ระยะทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
ระยะกระจัด(S) คือ
ระยะห่างจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
เช่น
ระยะทางจากจุดAไปจุดCเป็นได้ทั้ง AB+BC และ
ACระยะกระจัดจากจุดAไปจุดCเป็นได้แค่ AC เท่านั้น
การหาระยะกระจัด เราใช้เพียงจุด 2 จุดเท่านั้นคือ จุดเริ่มต้น
กับจุดปลายแล้วเราก็ลากเส้นเชื่อมจุดไปเลยเส้นที่ได้นั้นคือระยะกระจัดนั่นเอง...เช่น
นายสมชายอยู่บนตึกชั้น2
ต้องการออกไปหน้าบ้านระยะทางคือการเดินของนายสมชายทั้งหมดคือ
จากชั้นสอง เดินลงบันได
เดินออกจากบ้านแต่ระยะกระจัดคือระยะที่สั้นที่สุดคือ
บินทะลุกำแพงไปเลย
นายสมชายต้องการไปหานางสมถวิล
สาวที่ตนรักแต่นายสมชายและนางสมถวิลอยู่คนละหมู่บ้านกันมีภูเขาลูกใหญ่เป็นอุปสรรคขวางกั้นระยะทางที่นายสมชายต้องเดินคือ
เดินข้ามเขาไปยังอีกหมู่บ้านนั้นแต่ระยะกระจัดคือ
เดินทะลุเขาไปเลย
Ex.1
นายสมชายเดินไปทางทิศเหนือ 5 เมตรแล้วเดินต่อไปทางทิศตะวันออก 6
เมตร
แล้วจึงเดินไปทางทิศเหนือต่ออีก 3 เมตรระยะทาง
และระยะกระจัดเป็นเท่าใด
วิธีทำ
ระยะทาง = 5 + 6 + 3 = 14 เมตร
ระยะกระจัด2 = 62 + 82
= 36 + 64
= 100
ระยะกระจัด = 10 เมตร
อัตราเร็ว คือ
ระยะทางที่เคลื่อนที่ได้ในหนึ่งหน่วยเวลา
ความเร็ว คือ
ระยะกระจัดที่เคลื่อนที่ได้ในหนึ่งหน่วยเวลา
เช่น
สมชายวิ่งรอบสนามหญ้ารูปสี่เหลี่ยมจัตตุรัส6รอบซึ่งกว้างด้านละ25เมตร
ใช้เวลา5นาทีจงหาความเร็วและอัตตราเร็ว
ความเร็ว = 0(เพราะจุดเริ่มต้น และจุดสุดท้ายอยู่ณจุดเดียวกัน
ระยะกระจัดจึงเป็น 0)
อัตราเร็ว = ระยะทาง(เมตร) / เวลา(วินาที)
= (25x4 x6) / (5x60)
= 600 / 300
= 2 เมตร/วินาที
ความเร่ง(a) คือ
ความเร็วที่เปลี่ยนไปในหนึ่งหน่วยเวลามีหน่วยเป็น
ระยะทาง/เวลา2เช่น สมชายวิ่งด้วยความเร็ว 2 เมตร/วินาที5
วินาทีต่อมาความเร็วของสมชายเปลี่ยนเป็น 7
เมตร/วินาทีจงหาความเร่ง
ความเร่ง = ความเร็วที่เปลี่ยนไป(เมตร/วินาที) / เวลา(วินาที)
= ( v - u ) / t
= ( 7 - 2 ) / 5
= 5 / 5
= 1 เมตร/วินาที2
ที่มาของสูตร
ความเร่งเฉลี่ย = (ความเร็วปลาย - ความเร็วต้น) / ช่วงเวลา
a = (v - u) / t - 0
a = (v - u) / t
v = u + at
เมื่อ s = vt
หากมีความเร่ง ระยะกระจัดจะหาได้จาก
ระยะกระจัด = ความเร็วเฉลี่ย x เวลา
= (ความเร็วต้น+ความเร็วปลาย)/2 x t
s = ( u+v ) / 2 x t
เอา v จาก 1 มาแทน s = [ u+ ( u+at ) ] / 2 x t
s = ( 2u + at ) x t /2
s = ( 2ut / 2 ) + (at2 / 2)
s = ut + at2/2
จาก 1 จะได้ว่า t = (v - u) / a
นำค่า t นี้ไปแทนใน 2 ได้
s = [ (u + v) / 2 ] [(v - u) / a]
s = (v2 - u2) / 2a
v2 = u2 + 2as
การเคลื่อนที่แนวดิ่ง
กาลิเลโอ ได้ทำการทดลองให้เห็นว่า วัตถุที่ตกลงสู่พื้นโลกอย่างอิสระ จะเคลื่อนที่ภายใต้แรงดึงดูดของโลก ต่อมานิวตันสังเกตุเห็นว่า ทำไมดวงจันทร์ไม่ลอยหลุดออกไปจากโลก ทำไมผลแอปเปิ้ลจึงตกลงสู่พื้นดิน นิวตันได้ทำการศึกษาค้นคว้าต่อ จนในที่สุดก็สามารถพิสูจน์ในเรื่องกฎแห่งการดึงดูดของ สสาร โดยโลกและดวงจันทร์ต่างมีแรงดึงดูดซึ่งกันและ กัน แต่เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก จึงมีแรงหนีสู่ศูนย์กลางซึ่งต่อต้านแรงดึงดูดไว้ ทำให้ดวงจันทร์ลอยโคจรรอบโลกได้ แต่ผลแอปเปิ้ลกับโลกก็มีแรงดึงดูดระหว่างกัน ผลแอปเปิ้ลเมื่อหลุดจากขั้วจึงเคลื่อนที่อิสระตามแรงดึงดูดนั้น
การตกอย่างอิสระนี้ วัตถุจะเคลื่อนตัวด้วยความเร่ง ซึ่งเรียกว่า
Gravitationalacceleration หรือ g
ซึ่งมีค่าประมาณ 9.8m/s
การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งนี้จึงเป็นไปตาม
กฎการเคลื่อนที่ ดังนี้
ตัวอย่างเช่น ขว้างหินจากชั้น 4 ของตึกขึ้นไปในแนวดิ่ง ด้วยความเร็ว 10 m/s ณ จุดที่มีความสูง 14 เมตร จงหาว่าก้อนหินใช้เวลาอยู่ในอากาศนานเท่าใดจึง ตกถึงพื้น และความเร็วขณะถึงพื้นเป็นเท่าใด
ระยะทาง
จากการคำนวณหาความเร็วสุดท้ายแทนค่าได้ v = u + 2gs
เมื่อทราบความเร็วต้น และความเร็วสุดท้ายv = (10) + 2(-9.81) x (-14) =374.7
ความเร็วต้นมีทิศเป็นลบ
v = 19.36
ความเร็วปลายมีทิศเป็นบวก
อัตราเร่ง g มีทิศตรงข้ามกับทิศทางที่ขว้าง
จึงมีค่าเป็นลบ
การเคลื่อนที่แบบวงกลม
เป็นการเคลื่อนที่โดยมีแรงกระทำเข้าสู่ศูนย์กลางของวง กลม และจะเกิดความเร่งเข้าสู่ศูนย์กลาง ความเร็วจะมีค่า ไม่คงที่ เพราะมีการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ โดยความ เร็ว ณ ตำแหน่งใดจะมีทิศสัมผัสกับวงกลม ณ ตำแหน่งนั้น
สูตรการเคลื่อนที่เป็นวงกลม
1. ความเร็วเชิงเส้น (v) และความเร็วเชิงมุม ( )
v = x r ---> v = ความเร็วเชิงเส้น หน่วยเป็น เมตร/วินาที
= ความเร็วเชิงมุม หน่วยเป็นเรเดียล/วินาที
T= คาบการเคลื่อนที่ หน่วยเป็นวินาที
f = จำนวนรอบที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ใน 1 วินาที หน่วยเป็น เฮิรตซ์ (Hz)
2. ความเร่งสู่ศูนย์กลาง
ac =ความเร่งสูศูนย์กลาง หน่วยเป็น เมตร/วินาที2
r = รัศมี หน่วยเป็น เมตร
F = แรงสู่ศูนย์กลาง หน่วยเป็น นิวตัน (N)
3. แรงสู่ศูนย์กลาง
วัตถุผูกเชือกแล้วแกว่งให้เป็นวงกลม
การเคลื่อนที่เป็นวงกลมในแนวดิ่ง ( โดยแตก mg )
การโคจรของดาว
r + h = รัศมีวงโคจร , T = คาบการหมุนของดาว
การเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาโมนิค
เป็นการเคลื่อนที่ของวัตถุกลับไปมา ผ่านตำแหน่งสมดุล เช่น การ สั่นของวัตถุที่ผูกกับสปริง หรือการแกว่งของลูกตุ้ม นาฬิกา ที่แกว่ง เป็นมุมน้อยๆ เป็นต้น
สปริง
การแกว่งลูกตุ้ม
การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์
การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไทล์
เป็นการเคลื่อนที่บนระนาบแบบหนึ่งที่มีแนวการเคลื่อนที่เป็นแนวโค้ง ซึ่งจะมีการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งและแนวระดับเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน โดยที่
การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์(Motion of a Projectile) คือการเคลื่อนที่ของวัตถุเป็นแนวโค้ง
ในกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่อย่างเสรีด้วยแรงโน้มถ่วงคงที่ เช่น วัตถุเคลื่อนที่ไปในอากาศภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก ทางเดินของวัตถุจะเป็นรูปพาราโบลา
1) ความเร่งในแนวระดับ (แกน x) = ศูนย์ นั่นคือ vx = คงที่ = ux ไม่ว่าวัตถุจะอยู่ที่ตรงไหนก็ตาม
พิสูจน์ ไม่มีแรงในแนวแกน X กระทำที่วัตถุ
จาก Fx = max
O = max
ax = 0
จาก vx = ux + axt; ได้ vx = ux
2) ความเร่งในแนวดิ่ง (แกน Y ) = g
พิสูจน์ มีแรงกระทำที่วัตถุคือ w = mg ในทิศดิ่งลงตามแกน Y
จาก Fy = may
mg = may
ay = g ทิศดิ่งลง
3) เวลาที่วัตถุใช้เคลื่อนที่ตามแนวโค้ง = เวลาที่เงาของวัตถุใช้เคลื่อนที่ตามแนวแกน X = เวลาที่เงาของวัตถุใช้เคลื่อนที่ตามแนวแกน Y
ตามรูปข้างบน สมมุติวัตถุวิ่งจาก O ไปตามทางโค้ง (เส้นประ) ถึง A (ทางโค้ง OA)
เงาทางแกน X จะวิ่งจาก O ไปถึง B
เงาทางแกน Y จะวิ่งจาก O ไปถึง C
ดังนั้น tOA = tOB = tOC
4) ความเร็ว v ณ จุดใด ๆ จะมีทิศสัมผัสกับเส้นทางเดิน (เส้นประ) ณ จุดนั้น และ
(1) หาขนาดของ v โดยใช้สูตร
เมื่อ vx = ux = ความเร็วในแนวแกน X vy = ความเร็วในแกน Y
(2) ทิศทางของ v หาได้โดยสูตร
เมื่อ x = มุมที่ v ทำกับแกน X
5) ณ จุดสูงสุด
vx = ux
vy = 0
ไม่มีความเห็น