*** เหตุเกิดเพราะสงคราม***
- ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันมะพร้าว เป็นที่นิยมใช้ในการปรุงอาหาร และในผลิตภัณฑ์อาหารของคนทั้งโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำมันมะพร้าวเป็นที่รังเกียจของผู้ใช้ทั่วโลก ทั้งนี้ เกิดเพราะ ผลของสงคราม 2 สงคราม คือ
*สงครามมหาเอเชียบูรพา
- ระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา(พ.ศ 2484-2488)กองทัพญี่ปุ่น เข้ายึดครองประเทศฟิลิปปินส์ และหมู่เกาะต่างๆในย่านมหาสมุทรแปซิฟิก จึงตัดทาง ลำเลียง น้ำมันมะพร้าวไปสู่สหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ผลิตอาหารและร้านค้าอาหารจำเป็นต้องขวนขวายหาน้ำมันอื่นมาทดแทน จึงได้มีการพัฒนาน้ำมันพืชไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เช่น น้ำมันถ่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด น้ำมัน คาโนรา น้ำมันถั่วลิสงฯลฯ และก่อให้เกิดผลประโยชน์ มหาศาลต่อวงการอุตสาหกรรมน้ำมันพืชของสหรัฐอเมริกา
*สงคราม น้ำมันเขตร้อน
- ครั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ได้มีการนำน้ำมันมะพร้าวกลับไปจำหน่ายยังสหรัฐอีกครั้งหนึ่งจึงเกิดการแข่งขันกับน้ำมันไม่อิ่มตัวที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมา ระหว่างทศวรรษปี พ.ศ 2503-2512 มีการรายงานผลงานวิจัยว่าน้ำมันอิ่มตัวบางประเภท (เช่น น้ำมันจากส้ตว์ และน้ำมันที่ถูกเติมไฮโดรเจน)ไปเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ซึ่งรวมทั้งน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์ม(รวมเรียกว่าน้ำมันเขตร้อนหรือTropical Oils) แล้วหันไปบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัว โดยเฉพาะ น้ำมันถั่วเหลือง
- ในทศวรรษ ปี พ.ศ. 2523-2532 ASAใช้เรื่องนี้เป็นกลยุทธรณรงค์อย่างหนักให้คนอเมริกันเปลี่ยนมาบริโภค น้ำมันถั่วเหลือง โดยนำประเด็นความเสี่ยงต่อโรคหัวใจมาอ้าง ทำให้คนที่กลัวเป็นโรคหัวใจ พากันเลิกบริโภคน้ำมันมะพร้าว การรณรงค์ได้ผลดีเกินคาดทำให้การบริโภคน้ำมันมะพร้าวลดลงอย่างฮวบฮาบ
-ในทศวรรษพ.ศ.2533-2542 จน ASA ประกาศชัยชนะ และตัวผู้ชนะ ก็คือ กสิกรผู้ปลูกถั่วเหลือง และอุตสาหกรรมเกี่ยวกับถั่วเหลีองอเมริกัน ส่วนผู้แพ้ ก็คือ ผู้ปลูกมะพร้าว ทั่วโลก และอุตสาหกรรมน้ำมันมะพร้าว แต่สิ่งที่คนอเมริกันได้รับเพิ่มขึ้น หลัง จากที่บริโภคน้ำมันถั่วเหลืองก็ คือ น้ำหนักตัวและความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคอ้วนฯลฯ
- ซึ่งมีกรณีเกิดขึ้นอย่าง มีนัยสำคัญไม่นาน หลังจากการบริโภคน้ำมันถั่วเหลือง และยังทำให้ คนทั่วโลกที่บริโภคน้ำมันถั่วเหลืองพลอยรับปาบไปด้วย เพราะน้ำมันถั่วเหลืองเป็นน้ำมันไม่อิ่มตัว ที่หากนำไปหุงต้มที่อุณหภูมิ สูงจะถูกเติมไฉโดรเจน แล้วเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน ทรานส์ ที่เป็น อันตรายต่อสุขภาพไปเพิ่มคอเลสเตอรอล ในกระแสโลหิต และเกิด สารก่อมะเร็ง
- ยิ่งไปกว่านั้นน้ำมันถั่วเหลืองซึ่งประกอบด้วย กรดไขมันโมเลกุล ยาว ไม่เปลี่ยน เป็นพลังงานเมื่อบริโภคเข้าไปในร่างกาย แต่กลับเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกาย ทำให้เป็นโรคอ้วน ไม่เหมือนน้ำมันมะพร้าวซึ่งเป็น น้ำมันอิ่มตัว ไม่เกิดอนุมูลอิสระ และไขมัน ทรานส์เมื่อถูกกับอุณหภูมิสูง
-และเนื่องจากมีขนาดโมเลกุลปานกลาง จึงเคลื่อน ย้ายได้รวดเร็ว จากกระเพราะไปยังลำไส้ เข้าสู่กระแสเลือด และถูกใช้เป็นพลังงานใน ตับ จนหมดสิ้น จึงไม่เหลือ เป็นไขมันสะสมในร่างกาย
- ตอนนี้หลายประเทศออกกฏหมายห้ามขายอาหารที่เป็นทรานส์ เช่น แคนาดา ฯ รวมทั้งประเทศสหรัฐฯ บางรัฐก็ออกกฏหมายห้ามเช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย ฯ
**** บทความข้อมูลนี้ จาก
- หนังสือ มห้ศจรรย์ น้ำมันมะพร้าว
- หนังสือ พิมพ์ เดลินิวส์ 10 มีนาคม 2551
โดย ดร. ณรงค์ โฉมเฉลา ประธาน อนุรักษ์และ พัฒนา น้ำมันมะพร้าว แห่งประเทศไทย
ผัด มะระใส่ไข่ขาว ด้วย น้ำมันมะพร้าว ของผู้ใหญ่
ผัด กุ้งใส่ไข่แดง ด้วย น้ำมันมะพร้าว ของเด็กๆ หรือ
ผู้ที่ไม่กลัวคอเลสเตอรอลจากกุ้งและไข่แดง
กานาด แสนมณี