พฤติกรรมนี้ จะพบบ่อยครั้ง พบเจอได้ง่ายครับ ลองสังเกตในการอบรม ในการประชุมสัมมนา ในห้องเรียน ในช่วงที่พูดคุยถึงประเด็นอะไรที่เป็นเรื่องใหม่คนยังไม่คุ้นเคย หรือว่าเป็นเรื่องเก่าแต่มีความสลับซับซ้อนของมิติความเชื่อมโยง คนส่วนใหญ่มักจะไม่คุ้นชิน กับสถานการณ์เช่นนี้ และจะรู้สึกเครียด อยากให้ผู้รู้มาเฉลยเลยดีกว่า ไม่ยากคิด และไม่ค่อยเชื่อมั่นกับคำตอบที่หามาได้ด้วยตัวเอง หรือทีมงานด้วยกันเอง ต้องให้คนที่มี "คำนำหน้าชื่อ" น่าเชื่อถือมาบอกแล้วจึงจะเชื่อ
ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าเรากำลังทำเรื่องการพัฒนาคนในองค์กร หรือ ชุมชนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ อาจจะต้องมานั่งขบคิดเรื่องการพัฒนาวิธีการ "ทำอย่างไรที่จะให้ เขาเรียนรู้จากข้างในของตัวเอง" มากกว่า ติดวิธีการเรียนรู้ ที่คอยให้คนอื่นมาบอก มาอธิบาย แล้วคิดว่าตัวเองจะเข้าใจ ต้องคิดสร้างกุศโลบายสร้างความมั่นใจ กล้าโง่ (เพื่อที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้น)
ไม่อย่างนั้น แม้จะใส่ความรู้อะไรลงไป เท่าไร เขาก็จะได้เพียงเปลือกของความรู้เอาไปหลงไหลว่าเข้าใจกันแล้ว
แต่อนิจจา ผลที่จะเกิดการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจเชื่อมโยงไปถึงการงาน ชีวิตส่วนตัวได้นั้นมักเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
การพัฒนาคน จึงน่าจะมีสนามซ้อม ให้ทดลองนำสิ่งที่เรียนรู้มา ลองเอาไปใช้งานให้ได้ เรียนมาแล้ว รู้มาก รู้น้อยไม่สำคัญ ขอแค่ เอามาใช้กับการงาน ชีวิตได้เพียงเรื่องเดียวก็น่าจะคุ้มค่าแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น เรื่อง การปฏิบัติธรรม ในชีวิตประจำวันของคนเรา ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม เรามีหลักคำสอนกันทุกศาสนา เราเรียนกันจนท่องจำกันได้ว่ามีอะไรบ้าง เราอาจจะวิเคราะห์กันได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่ "การปฏิบัติ" เท่านั้น ที่จะบอกเราได้ว่าเราเข้าใจ เข้าถึงธรรมะตามหลักศาสนานั้นๆ ได้มากน้อยเพียงใด ไม่ใช่แค่คำอธิบาย
1 แสนล้านคำ(พูด) หรือจะนำมาเทียบได้แค่ 1 การกระทำ
"ยกตัวอย่างเช่น เรื่อง การปฏิบัติธรรม ในชีวิตประจำวันของคนเรา ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม เรามีหลักคำสอนกันทุกศาสนา เราเรียนกันจนท่องจำกันได้ว่ามีอะไรบ้าง เราอาจจะวิเคราะห์กันได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่ "การปฏิบัติ" เท่านั้น ที่จะบอกเราได้ว่าเราเข้าใจ เข้าถึงธรรมะตามหลักศาสนานั้นๆ ได้มากน้อยเพียงใด ไม่ใช่แค่คำอธิบาย"
คำคมทีเดียวครับพี่ธวัช
สวัสดีครับ เคยได้ยินสำนวนของท่านไร้กรอบ(http://gotoknow.org/blog/ariyachon) กล่าวไว้ว่า "เรียนรู้วิธีการเรียนรู้" หาหนทางที่จะได้ซึ่งความรู้นั้นมา ผมคิดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีทีเดียวเลยครับ