เนื้อหาของพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551


เนื้อหาสาระรวม 69 มาตรา ใน 9 หมวดและบทเฉพาะกาล ดังนี้ หมวด 1 สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หมวด 2 สมาชิก หมวด 3 คณะกรรมการ หมวด 4 การดำเนินการของคณะกรรมการ หมวด 5 การกำหนดข้อบังคับของสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หมวด 6 การส่งเสริมการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หมวด 7 การควบคุมการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโลยีควบคุม หมวด 8 การกำกับดูแล หมวด 9 บทกำหนดโทษ และบทเฉพาะกาล

เนื้อหาของพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 แบ่งออกเป็น 9 หมวด และบทเฉพาะกาล ดังนี้ หมวด 1 สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หมวด 2 สมาชิก หมวด 3 คณะกรรมการ หมวด 4 การดำเนินการของคณะกรรมการ หมวด 5 การกำหนดข้อบังคับของสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หมวด 6 การส่งเสริมการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หมวด 7 การควบคุมการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโลยีควบคุม หมวด 8 การกำกับดูแล หมวด 9 บทกำหนดโทษ และบทเฉพาะกาล

ทั้งนี้ ใน 9 หมวด และบทเฉพาะกาล ประกอบด้วยเนื้อหาสาระรวม 69 มาตรา ที่มีสาระสำคัญสรุปโดยสังเขปได้ ดังนี้

1. กำหนดกลุ่มวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ออกเป็น 4 กลุ่มวิชา เพื่อให้ได้รับการส่งเสริม ตามที่ปรากฏในมาตรา 5 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 ได้แก่ (1) กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (2) กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ (3) กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร และ (4)กลุ่มวิชาสหวิทยาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การกำหนดกลุ่มวิชาดังกล่าวจำแนกตาม ISCED/OECD/UNESCO และยังได้เทียบเคียงกับตำแหน่งกลุ่มสายงานของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน จึงทำให้การกำหนดกลุ่มวิชานี้กว้างขวางและครอบคลุมทุกสาขาวิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทุกคนสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกและรับสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมจากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ทั้งหมด จากเดิมที่การดูแลผู้ประกอบวิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการโดยสมาคมต่าง ๆ ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมทุกสาขาวิชาชีพ

2. กำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สำหรับสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนี้ หากปล่อยให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ความสามารถเข้ามาดำเนินการ จะมีความ เสี่ยงสูงในการทำให้เกิดความเสียหายหรืออุบัติภัยร้ายแรงที่เป็นอันตรายโดยตรงกับประชาชนและสังคมโดยรวมได้ ดังนั้นในพระราชบัญญัติฉบับนี้ จึงได้มีการกำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมไว้ในมาตรา 3 เป็น 4 สาขา ได้แก่ (1) สาขานิวเคลียร์ (2) สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์ และการควบคุม-มลพิษ (3) สาขาการผลิต การควบคุม และการจัดการสารเคมีอันตราย และ (4) สาขาการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ และการใช้จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค นอกจากนี้ในอนาคต หากปรากฏว่ามีสาขาวิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งเกิดขึ้นใหม่ และมีลักษณะอันควรควบคุมเช่นเดียวกับที่ได้กล่าวแล้วข้างต้นสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็สามารถเสนอแนะต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้กำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมเพิ่มเติมได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ดังปรากฏในมาตรา 6 ประกอบกับมาตรา 10 อนุมาตราที่ 5 ของพระราชบัญญัติฉบับนี้

3. ไม่ใช้บังคับแก่ผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีกฎหมายวิชาชีพอื่นอยู่แล้ว อาทิ วิศวกร แพทย์ เภสัชกร ฯลฯ ซึ่งวิชาชีพเหล่านี้ แม้จะมีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ก็มีสภาวิชาชีพของตนเองทำหน้าที่ควบคุมและดูแลอยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อป้องกันการทับซ้อนกันของการควบคุม ในพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงมีการยกเว้นการบังคับใช้ดังปรากฏในมาตรา 4 4. กำหนดให้มีสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคล ตามมาตรา 8 โดยกำหนดวัตถุประสงค์ อำนาจหน้าที่ ที่มาของรายได้ และองค์ประกอบของสมาชิกไว้ดังนี้

(1) วัตถุประสงค์ของสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปรากฏในมาตรา 9 โดยมีสาระสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สนับสนุนผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสให้สามารถเข้าเป็นสมาชิกของสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ ส่งเสริมความสามัคคี และผดุงเกียรติ ตลอดจนควบคุมดูแลความประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ถูกต้องตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ความรู้ และสร้างจิตสำนึกด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่ประชาชน ตลอดจนให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายและปัญหาด้านวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกด้วย

(2) อำนาจหน้าที่ของสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปรากฏในมาตรา 10 โดยมีสาระสำคัญในการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยกำหนดแผนการส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เป็นที่สนใจแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป เพื่อเสริมสร้างเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมนั้น สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตทั้งการออก การพักใช้ และการเพิกถอนใบอนุญาต ตลอดจนการเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการกำหนดกลุ่มวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดังที่ได้กล่าวถึงแล้วในข้อ 1 และการกำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ดังที่ได้กล่าวถึงแล้วในข้อ 2 นอกจากนี้สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังมีอำนาจหน้าที่ในการออกข้อบังคับต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสมาชิก ใบอนุญาต และมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ การฝึกอบรม สิทธิประโยชน์ของสมาชิก การประชุม การเลือกตั้ง การสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกิจการอื่นๆ ตามที่ได้มีการกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติฉบับนี้

(3) ที่มาของรายได้ ปรากฏในมาตรา 11 โดยกำหนดให้สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีรายได้จากค่าจดทะเบียนสมาชิก ค่าบำรุง ค่าธรรมเนียม เงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ ตลอดจนผลประโยชน์จากการจัดการเงินและทรัพย์สินและการดำเนินกิจการของสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งที่เป็นดอกผล และรายได้อื่น ๆ

(4) องค์ประกอบของสมาชิกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปรากฏในมาตรา 13 โดยแบ่งสมาชิกออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

- สมาชิกสามัญ เป็นบุคคลธรรมดาที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ สัญชาติไทย มีความรู้ในวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่เป็นผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณ ไม่เคยถูกจำคุก และไม่เป็นผู้มีจิตฟั่นเฟือนหรือเป็นโรคตามที่กำหนดในข้อบังคับ

- สมาชิกวิสามัญ เป็นสมาคมที่มีวัตถุประสงค์หลักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยตรง หรือเกี่ยวข้อง

- สมาชิกกิตติมศักดิ์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นผู้แต่งตั้ง 5. กำหนดให้มีคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งคณะกรรมการก่อตั้งสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามที่ปรากฏในบทเฉพาะกาลมาตรา 66 และคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามที่ปรากฏในมาตรา 21 ดังนี้

(1) คณะกรรมการก่อตั้ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นประธานกรรมการ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานที่ประชุมคณบดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน และผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกรรมการและเลขานุการ ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ จนสามารถก่อตั้งสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขึ้นได้

(2) คณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบด้วย

- นายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

- กรรมการซึ่งสมาชิกเลือกตั้งจากสมาชิกสามัญจำนวน 12 คน โดยต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมไม่น้อยกว่า 4 คน

- กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

 - กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 4 คน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งตามคำแนะนำของกรรมการทั้ง 3 ประเภทข้างต้น นอกจากนี้นายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังต้องเลือกกรรมการซึ่งสมาชิกเลือกตั้งจากสมาชิกสามัญให้ทำหน้าที่เป็น อุปนายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เลขาธิการ และเหรัญญิก อีกด้วย ดังปรากฏรายละเอียดในมาตรา 23

หมายเลขบันทึก: 302061เขียนเมื่อ 30 กันยายน 2009 12:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2012 11:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท