หน่วยที่ 11 ข้อแตกต่างระหว่างการคำนวณกำไรสุทธิตามหลักบัญชีกับกำไรสุทธิตามประมวลรัษฎากร
ข้อแตกต่างระหว่างการคำนวณกำไรสุทธิตามหลักบัญชีกับกำไรสุทธิตามประมวลรัษฎากร
1. หลักเกณฑ์การบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายตามหลักการบัญชี
ธุรกิจแต่ละประเภทมีลักษณะการประกอบกิจการที่แตกต่างหัน จึงจำเป็นต้องมี การกำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อการบันทึกรายได้และรายจ่ายที่เหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจ ดังนั้นหลักเกณฑ์ในการบันทึกรายได้และรายจ่ายซึ่งเป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปมีดังนี้
1.1 เกณฑ์เงินสด (Cash Basis) วิธีการบัญชีที่บันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายต่อเมื่อได้รับเงินหรือจ่ายเงินไปจริง ทั้งนี้โดยไม่คำนึงถึงงวดเวลาที่เกี่ยวข้องของเงินที่ได้รับมาหรือจ่ายไปนั้น (สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย, 2538)
ตัวอย่าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด รินคำ ทำโฆษณาให้ลูกค้ารายหนึ่งเป็นเงิน 40,000 บาท ในปี 25X6 ได้ส่งบิลไปเรียกเก็บเงินจากลูกค้า แต่ลูกค้าจ่ายเงินให้ในปี 25X7 ถ้ากิจการใช้เกณฑ์เงินสดในการบันทึกรายได้จะถือว่ารายได้เป็นของปี 25X7การบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์เงินสดนี้นิยมปฏิบัติสำหรับกิจการให้บริการหรือการประกอบวิชาชีพอิสระ เช่น สำนักงานบัญชี ทนายความ การประกอบโรคศิลปะ แต่ไม่เป็น ที่นิยมสำหรับกิจการผลิตกรรมและการขายสินค้า
1.2 เกณฑ์สิทธิหรือเกณฑ์คงค้าง (Accrual Basis) วิธีการบัญชีที่ใช้เป็นหลักในการพิจารณาบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายให้อยู่ในงวดเวลาต่าง ๆ โดยคำนึงถึงรายได้ที่พึงรับและค่าใช้จ่ายที่พึงจ่าย เพื่อให้แสดงผลการดำเนินงานของแต่ละงวดเวลานั้นอย่างเหมาะสม ทั้งนี้โดยไม่คำนึงถึงรายรับและรายจ่ายเป็นเงินสดว่าได้เงินมาแล้ว หรือจ่ายเงินไปแล้วหรือไม่ตามเกณฑ์เงินสด (สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย, 2538)
ตัวอย่าง บริษัท รามิล จำกัด ขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ 30,000 บาท ในปี 25X8 แต่ได้รับชำระหนี้ในปี 25X9 ถ้าใช้เกณฑ์คงค้างจะบันทึกรายได้ในปี 25X8 และถ้าบริษัท รามิล จำกัด ซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อ 10,000 บาท ในปี 25X8 แต่ได้จ่ายชำระหนี้ในปี 25X9 จะถือเป็นค่าใช้จ่ายในปี 25X8
การบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์คงค้างเป็นการรับรู้รายได้และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม โดยไม่คำนึงถึงการรับเงินและจ่ายเงิน ซึ่งเกณฑ์คงค้างเป็นวิธีที่ยอมรับตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป เกณฑ์คงค้างจึงเหมาะสมกับกิจการผลิตกรรมและการขายสินค้า
1.3 เกณฑ์การขายผ่อนชำระ (Installment Sale Basis) การขายสินทรัพย์ที่กำหนดให้ จ่ายชำระเป็นงวด ๆ ติดต่อกันในระยะเวลาหนึ่ง ณ ขณะขาย
วิธีการบัญชีการขายผ่อนชำระเป็นวิธีการบัญชีที่บันทึกรายได้จากการขาย ผ่อนชำระ เฉพาะกำไรขั้นต้นที่คำนวณตามส่วนของเงินสดที่ได้รับชำระจากลูกหนี้ในแต่ละปี (สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย, 2538)
ตัวอย่าง บริษัท อัญชิสา จำกัด ขายผ่อนชำระรถยนต์ 4 ปี ราคาตามสัญญา 600,000 บาท ราคาต้นทุน 450,000 บาท ผ่อนชำระปีละเท่า ๆ กัน การคำนวณรายได้เป็นดังนี้
ขายผ่อนชำระ |
600,000 |
บาท |
หัก ต้นทุนขายผ่อนชำระ |
450,000 |
บาท |
กำไรขั้นต้นจากการขายผ่อนชำระ |
150,000 |
บาท |
อัตรากำไรขั้นต้น |
150,000 |
× 100 |
= 25% |
|
600,000 |
|
|
ปี |
ได้รับชำระเงิน (บาท) |
|
อัตรากำไรขั้นต้น (%) |
|
รายได้แต่ละปี (บาท) |
1 |
150,000 |
|
25 |
|
37,500 |
2 |
150,000 |
|
25 |
|
37,500 |
3 |
150,000 |
|
25 |
|
37,500 |
4 |
150,000 |
|
25 |
|
37,500 |
รวม |
600,000 |
|
100 |
|
150,000 |
1.4 เกณฑ์สัญญาระยะยาว (Long-term Contract Basis) สัญญาที่จัดทำเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่มีกำหนดให้ทำเสร็จเกินกว่าหนึ่งปี คำนี้มักใช้กับข้อตกลงที่เกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์ใหญ่ ๆ เช่น สัญญาการผลิตเครื่องจักร การก่อสร้างอาคาร ก่อสร้างเขื่อน การให้บริการดูแลบำรุงรักษา การจัดวางรูประบบองค์กร (สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย, 2538)
ไม่มีความเห็น