6. นัดให้คีโม ครั้งที่1


เริ่มให้คีโม

ไม่ได้เข้ามา อัพเดทข้อมูลนานเลย มัวแต่ยุ่งๆ มากมายก่ายกอง ว่างและลำดับหัวสมองเรียบร้อยแล้วก็เข้ามาเล่าต่อ เพื่อให้ประโยชน์ต่อสังคม เล็กๆน้อยๆ ก็ยังดี

ต่อจากรอบที่แล้วคือหมอให้คำปรึกษาเรื่องการผ่าตัด แต่ก่อนอื่นต้อง ให้คีโมก่อนเพื่อให้ก้อนยุบลงเนื่องจากก้อนมะเร็งของน้าสาวมีอาการบวมอักเสบ และมีน้ำเหลืองแตกออกข้างนอก ไม่สามารถผ่า ได้ทันที ซึ่งถ้าผ่าเลยมีโอกาสติดเชื้อหรืออาจทำให้เซลล์มะเร็งกระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองหรือส่วนอื่นได้ง่าย และรวดเร็ว คุณหมอก็เลยนัดให้มาทำคีโมก่อน โดยนัดอีก 1 อาทิตย์ ก่อนไปทำการตรวจผลเลือดไปให้คุณหมอด้วย วันนัดให้ไปตั้งแต่ เช้าและให้งดอาหารและน้ำไปด้วย 

เมื่อทราบขั้นตอนรักษาและหมายกำหนดการทางแผนปัจจุบันแล้วเราก็เริ่มหาตัวช่วยทางสมุนไพรเพื่อช่วยในการบำรุงร่างกายและสนับสนุนการการรักษา ชนิดแรกคือ

 

 

1.ย่านาง 

ได้แนะนำให้น้าสาวเริ่มกินน้ำใบย่านาง เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันก่อนให้คีโม อย่างน้อยลดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในขณะให้ีีคีโม ใช้วิธีกินดังต่อไปนี้ (ใช้วิธีที่อ้างอิงจากตำราหมอเขียว)

เด็ก ใช้ใบย่านาง 1-5 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว 200-600 ซีซี

ผู้ใหญ่ ที่รูปร่างผอม บางเล็ก ทำงานไม่ทน ใช้ 5-7 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว

ผู้ใหญ่ที่รูปร่างผอม บาง เล็กทำงานทน ใช้ 7-10 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว

ผู้ใหญ่ที่รูปร่างสมส่วน ตัวตัวโต ใช้ 10-20 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว

โดยใช้ใบย่านางสดโขลกให้ละเอียดแล้วเติมน้ำ หรือ ขยี้ใบย่านางกับน้ำหรือปั่นในเครื่องปั่น( แต่การปั่นในเครื่องปั่นไฟฟ้า จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงบ้าง เนื่องจากความร้อนจะไปทำลายความเย็นของย่านาง ) แล้วกรองผ่านกระชอนเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 แก้ว วันละ 2-3 เวลาก่อนอาหารหรือตอนท้องว่างหรือผสมเจือจางดื่มแทนน้ำ เพราะถ้าเกิน 4 ชั่วโมง มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่เหมาะที่จะดื่ม แต่ถ้าแช่ในตู้เย็น ควรใช้ภายใน 3-7 วัน โดยให้สังเกตุที่กลิ่นเปรี้ยวเป็นหลัก

แต่ตอนที่ให้น้ากินได้ให้เพิ่มผักต่างๆเข้าไปตามที่จะหาได้ดังนี้

ใบบัวบก 1 กำมือ(ทั้งต้น ล้างสะอาด)

ใบเตยหอม 4-5 ก้าน (ล้างสะอาด)

(ถ้ามีหญ้าปักกิ่งให้ใส่ด้วย แต่ที่บ้านตอนนั้นไม่มีจริงๆ แล้วยังมีอีก 4-5 อย่างแต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรใส่เท่าที่หาได้ แต่ตัวหลักคือใบย่านางห้ามขาด)

ให้กิน เช้าเที่ยงเย็น 3 เวลา ก่อนอาหารครั้งละ 1-2 แก้ว กินตลอดจนทุกวันนี้ก็ยังกินอยู่ (ลองค้นหาสรรพคุณของใบย่านางได้ตาม Google มีความรู้มากมาย)

 

สมุนไพรเพื่อช่วยในการบำรุงร่างกายและสนับสนุนการการรักษา ชนิดที่2 ที่หาให้น้าสาวกินคือ

2. หญ้าปักกิ่ง

หญ้าปักกิ่งให้กิน 2 วิธีคือ

1. เป็นแคปซูน กิน 1 อาทิตย์ เว้น 1 อาทิตย์

2. ผสมกับใบย่านาง (ตอนแรกไม่มีีตอนหลังหาไปปลูกและขยายพันธ์)

สรรพคุณของหญ้าปักกิ่ง 

หญ้า ปักกิ่ง เป็นสมุนไพรรักษาโรคครอบจักรวาล ชาวจีนสมัยโบราณใช้หญ้าปักกิ่งเป็นสมุนไพรรักษาโรคมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว
ใช้บำรุงพลังปราณ ปรับสมดุลย์ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน Activate Cells หญ้า ปักกิ่งรักษามะเร็งได้ในระดับหนึ่ง เช่น ในตับ ลำคอ มดลูก กระเพาะอาหาร ลำไส้
ต่อมน้ำเหลือง เม็ดโลหิต (ลูคีเมีย) รักษาไทรอยด์ ไตอักเสบ เบาหวาน ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคหัวใจ แก้ไอ ระงับปวด บำรุงหัวใจ
ไมเกรน ภูมิแพ้ ทำให้น้ำเหลืองแห้ง สามารถนำหญ้าปักกิ่งมาตำ แล้วพอกรักษาแผลต่างๆ เช่นงูสวัด เริม แผลเบาหวาน อีกทั้งยังช่วยระบบขับถ่ายดีมาก ฯลฯ (มีฮอร์โมน ,
เกลือแร่ , ไม่เป็นพิษระยะสั้น – ระยะยาว)

ความคืบหน้าของการศึกษาวิจัยหญ้าปักกิ่ง

ปัจจุบันสามารถหาสารมาตรฐานที่ใช้ควบคุมคุณภาพของหญ้าปักกิ่งได้แล้ว เป็นกลุ่มสารที่ละลายน้ำได้เรียกว่า กลัยโคไซด์ และ อะกลัยโคน ซึ่งสารทั้งสองแสดงฤทธิ์ในการยับยั้งเซลมะเร็งลำไส้ใหญ่ เซลมะเร็งเต้านม และยังมีการศึกษาพบว่า หญ้าปักกิ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็งทางอ้อมโดยผ่านระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งพบว่าหญ้าปักกิ่งมีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน

นอกจากการต้านมะเร็งโดยตรงแล้ว ยังมีผู้รายงานถึงคุณสมบัติต้านการก่อกลายพันธ์ของหญ้าปักกิ่ง ซึ่งอาจจะบ่งชี้ว่าหญ้าปักกิ่งมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดมะเร็ง โดยที่หญ้าปักกิ่งใสมารถเหนี่ยวนำให้เกิดเอ็นไซม์ที่ย่อยสลายสารพิษ เช่น สารพิษพวกอัลฟาท๊อกซินและลดการเกิดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของมะเร็ง

สมุนไพรเพื่อช่วยในการบำรุงร่างกายและสนับสนุนการการรักษา ชนิดที่3 ที่หาให้น้าสาวกินคือพลูคาว

3.พลูคาว

ได้ศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรชนิดนี้ดูแล้วรู้สึกว่าให้สรรพคุณทางตรงได้ดีก็เลยหาให้น้าสาวกินดู จะเป็นแคฟซูนค่ะ
ประโยชน์ของพลูคาว
1. ฤทธิ์ระงับปวด เร่งการเจริญเติบโตของเซลล์ ห้ามเลือด รักษาปริมาณของเหลวในร่างกาย
2. ฤทธิ์ขับปัสสาวะพบสารฟลาโวนอยด์ ที่แยกได้จากใบพลูคาวเป็นสารสำคัญในการออกฤทธิ์
3. ฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ น้ำมันหอมระเหยจากการกลั่นส่วนเหนือดินของพลูคาว พบว่ามีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียอย่างแรงต่อเชื้อ Bacillus cereus และ B. Subtilis เชื้ออหิวาต์ Vibrio cholerae 0-1 และ V. Parahaemolyticus
4. ฤทธิ์ต้านไวรัส น้ำมัน
พลูคาว.มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Houttuynia cordata Thunb. จัดอยู่ในวงศ์ (family) Saururaceae เป็นพันธุ์ไม้ล้มลุกอายุหลายปี พบได้ทั่วไปในทวีปเอเชียตั้งแต่แถบเทือกเขาหิมาลัยไปจนถึงเวียดนาม รวมทั้งไทยและญี่ปุ่น พลูคาวจะเป็นพันธุ์ไม้ที่รู้จักกันดีของทางภาคเหนือของไทย ผักพื้นบ้านที่ทางภาคเหนือเรียกว่า “ผักคาวตอง” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออีสานเรียก “ผักคาวทอง”… เนื่องจากว่ามัน ที่กลิ่นคล้ายกับกลิ่นคาวของปลา
สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยได้สูงขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิ
ภาพในรักษาได้มากขึ้น เมื่อใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีรังสีรักษา ส่งผลให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามได้นาน ขึ้น
ปัจจุบัน พลูคาวหรือคาวตองได้ถูกนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิดเพื่อช่วยในโรคมะเร็งแล้ว ยังพบว่าสามารถใช้ได้ผลในผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน อัมพาต รักษาแผลเรื้อรังซึ่งสามารถใช้ทาแผลได้ และผลในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายต่างๆ จะช่วยในการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งผลการทดลองในห้องปฎิบัติการพบว่าสามารถทำลายเชื้อ HIV-1(โรคเอดส์) เชื้อรา และแบคทีเรียหลายชนิดอีกด้วย ก็ต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพของโรคและ เศรษฐกิจ เพราะผลิตภัณฑ์บางตัวก็ราคาสูงเหลือเกินโดยบางทีเราก็ยังไม่รู้ว่า ผลจากการกินจะให้ผลทางการรักษามากน้อยเพียงใด ถ้าราคาไม่ทำให้เราเดือดร้อน ก็ไม่เป็นไร แต่ที่หาให้น้ากินเป็นแคปซูน 80 บาท ประมาณ 30 เม็ดนะถ้าจำไม่ผิด รักษาแบบรายได้น้อย แต่ก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน

ในส่วนของสมุนไพรก็มีแค่นี้ ยังมีสมุนไพรอย่างอื่นอีกที่มีสรรพคุณทางการรักษาแต่บางอย่างหาไม่ได้ก็ไม่ได้ใช้ ใจจริงอยากได้ต้นของพลูคาวไปปลูกที่บ้านแต่หาไม่ได้ถ้าเป็นไปได้อยากให้ปลูกแล้วใช้เองจะดีกว่าไ่ม่ว่าจะสมุนไพรหรือผัก เพราะคนเป็นมะเร็งควรที่จะใช้ผักที่ปลอดสารได้ยิ่งดี ที่หาอีกอย่างและหาไม่ได้คือ กะเม็ง หาไม่ไ้ด้เลยใครมีส่งหัวมาให้บ้างนะค่ะ จะได้ขยายพันธุ์ อีเมล์นี้ค่ะ จะได้ส่งที่อยู่ไปให้ [email protected]

 


 


 

คำสำคัญ (Tags): #มะเร็งเต้านม
หมายเลขบันทึก: 297508เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2009 15:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ขอบคุณ คุณ PTM มาก ๆ ที่สละเวลาเพื่อบันทึกข้อมูล และประสบการณ์ แบ่งปันให้ผู้อื่น เป็นสิ่งประเสริฐจริง ดิฉันเองอยู่ในสถานะคล้ายคุณน้าคุณมาก และกำลังตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดี

ภูมิใจแทนคุณน้าคุณที่มีหลานสาวแสนดีอย่างคุณ

ขอคุณพระและสิ่งศักสิทย์คุ้มครองคุณน้า และตัวคุณตลอดไป

ขอคุณค่ะ

ขอให้พระคุ้มครองคุณให้มีกำลังใจต่อสู้และหายจากการเจ็บป่วยจากโรคภัยเช่นกันค่ะ

PTM

ขอคุณค่ะ

ขอให้พระคุ้มครองคุณให้มีกำลังใจต่อสู้และหายจากการเจ็บป่วยจากโรคภัยเช่นกันค่ะ

PTM

สวัสดีครับทุกท่านครั้งแรกที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นผมได้อ่านของพี่ ptm แล้วผมก็ขอเอาใจช่วยน้าสาวให้หายจากโรคนี้ใวๆนะครับผมก็มาแสดงความคิดเห็นทางด้านใครป่วดเข่า-ขา-หรือปวดตามกระดูก ผมขอแนะ จอยติ-แพค(JOINTTI-PACK)ผมเองรับประทานยาตัวนี้แล้วได้ผลตามคาดผมอายุ29เองผมเล่นกีฬาฟุตบอลเกิดอาการเข่าหลุดข้อเท้าพิกบ่อยมากตามข้ออักเสพผมกินยาตัวนี้แล้วดีมากครับมันช่วยได้มากเลย เป็นยาช่วยเสริมกระดูกหรือข้อต่อผมกินเองและพ่อแม่ผมด้วยถ้าพวกพี่ๆให้พ่อแม่กินจะดีมากเลยครับเพราะว่าคนแก่อายุก็มากลงทุกวันข้อกระดูกอาจเสื่มลงทุกวันดูแลเข้าตั่งแต่ตอนนี้จะดีที่สุดครับ

พอดีแม่ผมก็เป็นมะเร็งที่เต้านมตอนนี้ตัดก้อนเนื้อออกแล้วและก้อนน้ำเหลืองใต้รักแร้ เนื้องอกใหญ่ 3.5 คุณหมอให้เข้าคีโม ทั้งหมด 6 ครั้ง ตอนนี้แม่ผมเข้าไปแล้ว 4 ครั้ง ปกติ จะ 5 ครั้งแล้ว พอดีครั้งที่ 4 ผลเลือดไม่ผ่านเม็ดเลือขาวต่ำเลยเข้าไม่ได้ ล่าสุดแม่ผมไปเข้าคีโม วันที่ 10 ที่ผ่านมา แล้วมีอาการแพ้ยามาก ( ตั้งแต่เข้ายามาแม่ไม่เคยแพ้ยาแรงขนาดนี้ ) ผมกังวลเป็นอย่างมากเลยตอนนี้ แต่คุณหมอให้เข้าคีโมแค่ 6 ครั้งการรักษาก็จบ ไม่ต้องฉายแสงต่อ ผมสงสัยทำไมไม่ให้ฉายแสง เลยถามพยาบาล เขาบอกว่าคุณหมอได้ทำการผ่าตัดก้อนเนื้อออกหมดแล้ว และคุณหมอก็ดูผลของชิ้นเนื้อแล้ว ตอนนี้นี้แม่ผมเวียนหัว เหมือนจะอาเจียนแต่ไม่ออก ทานข้าวไม่ค่อยได้ ใครมีวิธีแก้อาการแพ้เหล่านี้บ้างรบกวนช่วยบอกผมหน่อยนะคับ ขอบคุณล่วงหน้าคับผม

และยังงัยก็เป็นกำลังใจให้คุณน้าด้วยละกันคับ

แม่เราเป็นมะเร็งเต้านมเมือ 8 ปีที่แล้ว..เมื่อวานนี้ มันกลับมาอีกแล้ว เราร้องไห้เลย..แต่แม่เข้มแข็งมากๆ ก้อรักษากันต่อไป

อยากบอกว่า..โรคนี้อยู่ที่ใจจิงๆ ค่ะ แม่เรารอบแรกก้อคีโมไป 6 ครั้ง ฉายแสงอีก 25 ครั้ง ผมร่วง แต่ไม่หมดทั้งศีรษะ..แต่ก้อผ่านมาได้ด้วยดี 8 ปีผ่านไป..กลับมารอบนี้ หมอก้อให้ฉายแสง..แล้วก้อตรวจกระดูก หมอบอกว่าต้องดูกันต่อไปว่าจะรักษากันยังไง แต่ที่แน่ๆ คือใจ

ขอให้ทุกครอบครัวให้กำลังใจกันและกันนะคะ

ขอบคุณเคล็ดดีๆๆๆ กุศลจงมีแด่ท่านและครอบครัว

      การให้คีโมทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำลง การป้องกันเชื้อโรคของร่างกายจะทำงานต่ำลง ถ้าเม็ดเลือดขาวต่ำมากคุณหมอจะหยุดให้คีโมค่ะน้าสาวดิฉันเคยอยู่ 1 ครั้งในจำนวน 8 ครั้ง เม็ดเลือดขาวต่ำ อาจเป็นไปได้ว่าน้าสาวเค้าไม่กินเนื้อสัตว์ และของกินหรือผลไม้ที่หวานๆเลย ก็เลยทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำ ก็เลยให้น้าสาวหาน้ำเสาวรสมากินแต่ กินน้อยๆ ไม่ต้องกินมากเกิน จะทำให้เพิ่มเม็ดเลือดขาวได้ดี และครั้งต่อไปก็สามารถให้คีโมได้ตามปกติ แต่น้ำใบย่านางผสมใบบัวบกกินทุกวัน วันละ 3 ครั้ง และตอนที่ให้คีโม จะเกิดอาการอ่อนเพลียบ้างช่วง 2-3 วันแรกกินไม่ได้กลืนไม่ลง ช่วงนั้นก็ได้ ไปค้นหาพวกอาหารเสริมที่เหมาะกับคนที่ผ่าตัดมะเร็งเพื่อช่วยให้ไม่เกินภาวะขาดสารอาหาร ก็ไปเจออาหารอยู่ตัวหนึ่ง ไปเจอที่ร้านขายอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับคนป่วย เช่นไม้เท้า นม ผ้าอ้อมเด็ก อาหารเสริมสำหรับคนป่วย ไปขอเค้าอ่านข้างกระป๋องทุกยีี่ห้อทุกประเภท เจออยู่ยี่ห้อนึงชื่อ นีโอมูน ลองดูรายละเอียดนะค่ะ หรือถ้าไม่แน่ใจลองไปหาดูตามร้านที่บอกแล้วลองอ่านรายละเอียดผลิตภัณฑ์ดูให้แน่ใจก่อนก็ได้ค่ะเพราะดิฉันก็จำรายละเอียดได้ไม่มาก 

นีโอ-มูน อาหารทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการโปรตีนและพลังงานสูง
รายละเอียด:
นีโอ-มูน NEO-MUNE
อาหาร ทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการโปรตีนและพลังงานสูง เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่มีความต้องการสารอาหารเพิ่มขึ้นภายหลังการผ่าตัด หรืออุบัติเหตุ , แผลไฟลวก
คุณสมบัติของ NEO-MUNE
-   - ให้พลังงานและสารอาหารต่างๆครบถ้วน สามารถใช้เป็นแหล่งให้สารอาหาร หรือเป็นอาหารเสริมได้
-   - ให้โปรตีนสูง
-   - เป็นสูตรอาหารที่มีกลูตามีน อาร์จีนีน และน้ำมันปลา และเบต้าแคโรทีน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
-   - ไม่มีแล็คโตส (Lactose free)
-   - ไม่เติมน้ำตาลทราย
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ (%w/w)
เด็กซ์ตริน 45.17%, โซเดียมเคซีเนท 18.25%, มีเดียมเชนไตรกลีเซอไรด์ (MCT) 6.48%, อาร์จินีน 5.21%, โพลีเด็กซโตรส 4%, น้ำมันข้าวโพด 3.48%, กลูตามีน 2.61%,น้ำมันปลา 2.32%, เกลือแร่ 1.94%, วิตามิน 0.77% แต่งกลิ่นสังเคราะห์และเลียนแบบธรรมชาติ
ขนาดบรรจุ1 กระป๋อง(400 กรัม) ให้โปรตีน 100 กรัม ให้พลังงาน1668 กิโลแคลอรี่
วิธีการผสมกรณีให้ทางสายให้อาหาร        คำนวณตามความต้องการของร่างกายต่อวัน หรือตามแพทย์สั่ง โดยเตรียมที่ความเข้มข้น 1 กิโลแคลอรี่/มิลลิลิตร ใช้ผง 80 กรัม ผสมน้ำให้ครบ 350 มิลลิลิตร ให้พลังงาน 350กิโลแคลอรี่ ( 1 ช้อนตวง = 8 กรัม = 35  กิโลแคลอรี่)
กรณีดื่ม        ใช้ผง NEO-MUNE 5 ช้อนตวง เติมน้ำประมาณ 200มิลลิลิตร คนให้เข้ากัน จะให้พลังงาน 175 กิโลแคลอรี่

       ลองอ่านรายละเอียดดูนะค่ะ แถวๆหน้าโรงพยาบาลน่าจะมี เห็นน้าสาวบอกว่ากินง่ายดีเพราะช่วงนั้นจะกลืนอะไรไม่ลง ได้อาหารเสริมอันนี้มาก็แค่ชงน้ำแล้วก็กลืนได้เลย ไม่ต้องเคี้ยว รสชาติจืด (เคยลองแอบชิมแล้ว) หรือถ้าจะให้ดี ลองดูเกล็ดข้าวกล้อง มาผสมเข้าไปด้วยก็ได้ เพราะทำให้ใด้อาหารเพิ่ม มันจะเป็นลักษณะเหมือนข้าวโจ๊กซอง คือผสมน้ำร้อนแล้วกินได้เลย แต่มันจะไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์และ เครื่องปรุงเช่นผงชูรส หรือน้ำตาล รสชาติอาจจะค่อนข้างจืด ช่วยให้คนป่วยไม่ค่อยอ่อนเพลีย ส่วนเรื่องอาหารการกินสำคัญค่ะ ถ้างดเรื่องของหวาน หรือผลไม้หวานๆ และเนื้อสัตว์ได้จะดีมากเลยค่ะ เพราะมันจะส่งผลถึงการรักษาให้ได้ผลเป็นอย่างดี น้าสาวตอนนี้ก็สบายดีแล้ว หลังจากให้คีโมครั้งสุดท้าย คุณหมอก็นัดไปเช็คทุกๆ 3 เดือน และ 6 เดือนแล้ว ให้คนป่วยพยามกินผักให้มากๆ เพราะผักบางชนิดมีผลในการกำจัด เซลล์มะเร็งที่อาจยังเหลืออยู่ในร่่างกายเราให้หมดไปได้ ถ้าคุณสนใจเรื่องพืชผักลองหาหนังสือที่อธิบายเกี่ยวกับคุณสมบัติของผักหรือผลไม้แต่ละชนิดมาอ่านดูนะค่ะ ผักบางชนิดมีส่วนช่วยในเรื่องของมะเร็งเป็นอย่างดี แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่กินผักก็อาจจะลำบากนิดนึงค่ะ แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวเกินไปค่ะ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ ถ้าเราไม่กลัวมัน และเข้มแข็งเป็นกำลังใจให้นะค่ะ น้าสาวตอนนี้กินมังสวิรัตแล้วค่ะ ถ้าคุณทำได้อยากให้ทำค่ะ หรือถ้าไม่ได้ก็ให้ทำให้มากเท่าที่จะมากได้นะค่ะ

แนะนำลองทานเลือดจระเข้อัดเม็ดค่ะ จะเพิ่มเกล็ดเลือดได้ดีค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท