๘ สิงหาคม ๒๕๕๒ Magadh University
เช้าวันนี้ผู้เขียนตื่นตั้งแต่ ตี ๕ ตามสัญญาที่ให้ไว้กับพตท.ดร. ศักดาและคุณวรัญชัยว่า จะไปไหว้พระที่เจดีย์พุทธคยา ด้วยกัน หลังจากทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อย เราทั้งสามคนก็เดิน เพื่อเป็นการสัมผัสบรรยากาศยามเช้า ถนนยังปราศจากผู้คน ท้องถนนว่างเปล่า ได้พบพระจากวัดไทยพุทธคยา ออกสงเคราะห์ญาติโยมชาวพุทธ การออกบิณฑบาตเช่นนี้ไม่ได้หวังเพียงภัตตาหาร แต่เป็นการแสดงอาการให้ชาวพุทธได้เห็นสมณะออกโปรดสัตว์ยามเช้า
เมื่อเดินใกล้ถึงพระมหาเจดีย์ ก็ได้ยินเสียงพระกำลังสวดมนต์ ซึ่งเป็นพระที่มีหน้าที่ดูแลรักษาพระมหาเจดีย์ จะทำหน้าที่หมุนเวียนสวดมนต์ทุกวัน ในเวลาและเวลาเย็น ยามเช้าอากาศดูสดใส เพราะศาสนิกชนชาวพุทธยังไม่มากนัก ผู้เขียนจึงเรียกมุมสงบใต้ต้นพระศรีมหาโพธิเพื่อสวดมนต์ และนั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา ดังที่เคยปฏิบัติมา ทุกครั้งที่เดินทางมายังพุทธคยาจะต้องมานั่งสวดมนต์และอธิษฐานจิตที่นี่ทุกครั้ง
ย้อนไปเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๐ ผู้เขียนได้เดินทางมาพุทธคยาเป็นครั้งแรก และเดินทางมาเพียงเดียว ซึ่งบรรยากาศขณะนั้นร้อนมากเนื่องจากเป็นช่วงเดือนเมษายน เมื่อมาถึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ด้วยบุญบารมีของข้าพเจ้าที่ได้สะสมมาตั้งแต่อดีตกาล ข้าพเจ้าจะขอให้ข้าพเจ้าได้เดินทางมาสักการะสถานที่แห่งทุกปี จนกว่าจะเดินทางมาไม่ไหว” จากนั้นเป็นมาผู้จะมีโอกาสเดินทางที่นี่ทุกปี และบางปีก็เดินทางมาหลายครั้ง ตามที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้
เช้านี้รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสกลับมายังสถานที่ที่เป็นต้นกำเนิดของพุทธศาสนา ขณะที่กำลังเพลินๆๆอยู่นั้น
“สาธุ สาธุ สาธุ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงสาธุการ ทำให้รู้ว่าบัดนี้ควรสละที่นั่งแล้ว เพราะคณะทัวร์ชาวศรีลังกาจะมาสวดมนต์รอบต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศาสนิกชนชาวศรีลังกา ทั้งชาย –หญิง มีทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ที่นุ่งขาวห่มขาว ถือธงธรรมจักร พร้อมกับกล่าว “สาธุ สาธุ สาธุๆๆๆๆ” เดินทักษิณาต้นพระศรีมหาโพธิ ๓ รอบก่อนที่จะมานั่งสวดมนต์ ภาพเหล่านี้จะเห็นจนชินตา
เมื่อเสร็จภารกิจพวกเราทั้ง สามจึงกลับมารับประทานข้าวต้มที่วัด จากนั้นือโอกาสนั่งสนทนาธรรมกัน
ทุกวันเวลาแปดโมงเช้า พระเดชพระคุณพระพระธรรมโพธิวิเทศ จะนำพระทำวัตรเช้า ผู้เขียนจึงถือโอกาสนี้ทำวัตรพร้อมกับพระอีกครั้ง เป็นการสะสมบุญบารมี
ทำวัตรเสร็จก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวในอินเดียกับคณะที่เดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อเป็นการพักผ่อน จน ๑๑ โมงจึงได้ถวายอาหารเพลแก่คณะพระภิกษุสงฆ์และสามเณร เพราะได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายอาหารเพล ในวันที่ ๘ -๙ สิงหาคม ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่คนไทยมักนิยม คือเมื่อมาพักวัดไทยแล้วก่อนจะกลับจะถือโอกาสทำบุญเลี้ยงพระและถวายปัจจัยเป็นค่าน้ำค่าไฟ เพราะการเข้ามาพักที่วัดไทยนั้น ทางวัดไม่เรียกร้องเงินทองใด ๆ
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรถสามล้อเครื่องหรือที่อินเดียเรียกว่า “ออโตร์ ริกซอร์” ไปมหาวิทยามคธ เมื่อถึงก็เจอกับ Dr.Ansari และแนะนำให้คณะของเราเข้าไปนั่งที่รอห้องของ head of department A.I.&A.S. ซึ่งกำลังประชุมกันอยู่ ส่วน Dr.Ansari ต้องไปสอนหนังสือ ห้องทำงานของอาจารย์เป็นเพียงห้องเล็กๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ มีเพียงโต๊ะทำงานและเก้าอี้ ไม่มีแอร์ มีเพียงพัดลมเท่านั้น ดูเหมือนการประชุมคงยังใช้เวลาอีกนานจึงเดินออกมานอกห้อง โดยปล่อยให้นักศึกษาทั้งสี่กับพตท.ดร.ศักดา นั่งรอในห้อง ได้มานั่งคุยกับพระในห้องทำงานของ Dr.Ansari เพื่อรอให้พตท.ดร.ศักดาและคณะได้เจรจากับ head ฯ
“เรียบร้อยแล้วครับ” พตท. ดร.ศักดา รายงานเมื่อพาคณะมาที่ห้อง Dr.Ansari และได้ดื่มชาร้อน และถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก พร้อมกับกล่าวลา เพราะวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปนาลันทา พร้อมกับสัญญาว่า อีกไม่นานจะมาใหม่.
ไม่มีความเห็น