“การมอบหมายงาน (Delegation)”
การบริหารงานในความรับผิดชอบให้บรรลุเป้าหมายคงเป็นสิ่งที่ผู้บริหารคำนึงนึงและใส่ใจอยู่เสมอโดยผู้บริหารบางคนก็มีความมานะทุ่มเททำงานทุกอย่างที่ขวางหน้าแม้กรทั่งงานของลูกน้องก็ตาม ผู้บริหารบางคนก็ไม่ค่อยจะทำงานที่รับผิดชอบโดยมักจะอ้างว่าใช้ระบบที่เรียกว่า คุณ-นะ-ทำ(พ้องเสียงคำว่า คุณธรรม) กล่าวคือมอบหมายหรือสั่งการให้แต่ลูกน้องทำ เมื่อเปรียบเทียบผู้บริหารทั้งสองประเภทจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างมากในวิธีการบริหารงาน อาจมีผู้บริหารตั้งคำถามว่าแล้วจะทำอย่างไรละเมื่องานในความรับผิดชอบมันเยอะไปหมดไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง และที่สำคัญก็ไม่รู้จะมอบให้ใครทำดีเพราะดูเหมือนจะไม่ค่อยจะไว้วางใจไปเสียหมด วันนี้ผู้เขียนของนำเสนอแนวคิดวิธีการหนึ่งซึ่งสามารถช่วยให้ปัญหาดังกล่าวบรรเทาเบาบางลงบ้างซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ควรใส่ใจมากขึ้นนั้นคือ การมอบหมายงาน (Delegation)
การมอบหมายงาน(Delegation)
คืออะไร
คือการกระจายงานในหน้าที่
ความรับผิดชอบ และอำนาจการตัดสินใจภายในขอบเขตที่กำหนด
ให้ผู้อื่นไปปฎิบัติ
ประโยชน์ของการมอบหมายงาน
1. ทำให้ผู้บริหารมีเวลามากขึ้น โดยสามารถนำเวลาไปทำกิจกรรมงานอื่นๆได้เช่น การแก้ปัญหางาน หรือคิดสร้างสรรค์สิงใหม่
2. เป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานได้ใช้ความรู้ความสามารถในการทำงานซึ่งถือว่า เป็นการพัฒนาทรัพยากรบุคคลทางหนึ่ง
3. เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อการเป็นหัวหน้างานใน อนาคตซึ่งอาจถือว่าเป็นการประเมินศักยภาพของเขาไปด้วย
ข้อพึงพิจารณาในการมอบหมายงาน
ถึงแม้การมอบหมายงานจะมีประโยชน์แต่ควรคึงนึงถึงปัจจัยบางประการที่สำคัญกับความสำเร็จในงานที่มอบหมาย
ได้แก่
ขั้นตอนของการมอบหมายงาน
1.
กำหนดงานและวัตถุประสงค์ในการมอบหมายงาน
งานใดที่จะมอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำแทนได้นั้นต้องพิจารณาให้ดีว่างานนั้น
เหมาะสมหรือไม่
ตัวอย่างเช่นงานบางอย่างเกี่ยวข้องกับความลับขององค์การ
หรือสิ่งที่เป็นงานเชิงนโยบายที่ต้องอาศัยการตัดสินใจและความรับผิดชอบสูงอย่างยิ่งก็คงไม่อาจมอบหมายได้
แต่งานที่เป็นงานประจำ(Routine) ก็คงมอบหมายได้
อีกทั้งเมื่อเลือกงานแล้ว
ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ในการมอบหมายนั้นให้ชัดว่าต้องการให้ลูกน้องได้พัฒาตนเอง
หรือเพื่อประเมินศักยภาพเพื่อเครียมความพร้อม
2.
กำหนดขอบเขตหน้าที่และอำนาจตัดสินใจ
ในการทำงานบางงานต้องมีการตัดสินใจเช่นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงิน
หรือ
กระทบภาพลักษณ์(Image) ขององค์กรหรือหน่วยงาน
คงต้องพิจารณาว่าผู้รับมอบหมายงานจะมีอำนาจตัดสินใจได้หรือไม่
หรืออาจต้องมาปรึกาษาหารือกันก่อนที่จะดำเนินการ
3.
พิจารณาบุคคลที่เหมาะสม
สืบเนื่องจากการกำหนดวัตถุประสงค์ซึ่งการเลือกคนที่มารอบผิดชอบงานนั่นคงต้อง
คำนึงว่าถ้าต้องการให้งานนั่นสำเร็จอย่างมีคุณภาพควรเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์
ถ้าจะเพื่อพัฒนาลูกน้องก็ต้องดูว่าใครที่ยังไม่มีความสามารถในเรื่องนั่น
แต่ถ้าต้องการจะประเมินศักยภาพความพร้อมคงต้องเลือกคนที่มีโอกาสเลื่อนตำแหน่งในอนาคต
4.
ทำความเข้าใจกับผู้รับมอบงาน
สิ่งที่สำคัญยิ่งในการมอบหมายงานคือต้องมีการทำความเข้าใจกับตัวผู้ใต้บังคับบัญชา
ที่เลือกมาแล้วกล่าวคือต้องสอบถามความพร้อม
บอกวัตถุประสงค์ของการมอบหมายงาน และแนะนำวิธีการขั้นตอน
พร้อมทั้งให้ผู้ที่จะรับมอบหมายได้เสนอแนวทางการดำเนินการ
หรือแผนงานที่จะทำเพื่อเป็นการประกับโอกาสความสำเร็จ
5.
กระตุ้นจูงใจ ให้กำลังใจและสนับสนุน
เมื่อผู้รับมอบงานได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ทำความเข้าใจกันแล้ว
สิ่งที่สำคัญคือต้อง
มีการกระตุ้นให้กำลังใจ และสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือ ความสะดวก
และการชี้แนะหรือให้คำปรึกษา เป็นระยะเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ
และความสัมพันธ์อันดีอันดี
6.
ติดตามและประเมินผลงาน
ขั้นตอนสุดท้ายของการมอบหมายงานคือต้องติดตามความคืบหน้าระหว่างดำเนินการ
ว่าเป็นไปตามแผนหรือแนวทางที่กำหนดหรือไม่มีปัญหาอุปสรรคอย่างไรซึ่งจะได้มีการแก้ไข
ปรับปรุงได้ทันท่วงที่ก่อนความเสียหายเกิดขึ้น
และเมื่องานนั้นแล้วเสร็จก็ต้องประเมินคุณค่าว่าดีเพียงใด
และควรมีการให้รางวัลเช่นคำชม หรือของรางวัลก็ดี
การมอบหมายงานเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ท่านบริหารได้ทั้งสองสิ่งควบคู่กันกล่าวคือได้ทั้งงาน ที่ท่านไม่ต้องทำเอง และยังได้คนคือลูกน้องที่เก่งขึ้นอีกด้วย ดังนั้นควรถามตนเองว่า “วันนี้เรามอบหมายงานแล้วหรือยัง”
โดย
อำนาจ
วัดจินดา
วิทยากรและที่ปรึกษาด้านการพัฒาทรัพยากรนุษย์และองค์การ
mailto:[email protected]
วางคนให้เหมาะสมกับงาน
แลกเปลี่ยนเรียนรู้คะ
ขอที่มาหน่อยคำกำลังทำวิจัยพอดี