การนำผลการตรวจสุขภาพไปใช้
ผมเพิ่งจัดประชุมวิชาการไปเมื่อวันที่ 1 กันยายนนี้เอง พูดเรื่องการตรวจร่างกายตามความเสี่ยงตามประกาศกระทรวงฉบับใหม่ และการนำผลการตรวจร่างกายไปใช้ เนื่องจากน่าจะเป็นประโยชน์จึงขอนำมาเผยแพร่ทาง web site นี้และใน web site ของผม นอกจากจะรู้ว่าใครเป็นโรคไม่เป็นโรค แล้ว ผลการตรวจสุขภาพยังนำไปใช้ได้หลายอย่างดังบทความนี้ครับ
การนำผลการตรวจสุขภาพไปใช้
เมื่อได้ผลตรวจสุขภาพมา ส่วนใหญ่จะมีการสรุปให้กับหน่วยงานในภาพรวม และแจกให้กับพนักงานในรูปแบบรายบุคคลในภาพรวม
การนำไปใช้
เรื่องทั่วไป
ขั้นตอนในการจัดตรวจร่างกาย
ขั้นตอนที่หนึ่งการประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพ
ในการประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพ จะต้องมีข้อมูลจาการเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมในการทำงานซึ่งได้จากทีมบริการอาชีวเวชกรรม หรือ ทีมบริการอาชีวสุขศาสตร์ ร่วมกับข้อมูลอื่นเช่นข้อมูลระบาดวิทยาเกี่ยวกับอาชีพและการสัมผัส ค่าอ้างอิงเกี่ยวกับระดับการสัมผัส การประเมินเชิงคุณภาพ (qualitative) (เช่นสารนั้นก่อมะเร็งหรือไม่) หรือเชิงปริมาณ (quantitative) (เช่นค่าของการสัมผัส) โดยผลของการประเมินจะบ่งถึงระดับของอันตรายต่อสุขภาพคนงาน ขั้นตอนในการทำการประเมินความเสี่ยงในทางอาชีวอนามัยได้แก่
การเฝ้าระวังสุขภาพของคนงาน
บางครั้งแม้ทราบว่ามีสิ่งคุกคามในที่ทำงานแต่ก็ไม่สามารถขจัดได้หมด เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจทำให้ต้องทำงานกับสิ่งคุกคามโดยใช้มาตรการด้านความปลอดภัย ในกรณีนี้การเฝ้าระวังทางสุขภาพถือเป็นเรื่องสำคัญ การเฝ้าระวังทางสุขภาพประกอบด้วยการประเมินสุขภาพโดยวิธีทางการแพทย์โดยค้นหาผลที่เกิดต่อสุขภาพจากการสัมผัสสิ่งคุกคามในการทำงานนั้น
วัตถุประสงค์สำคัญของการตรวจสุขภาพคือ
การตรวจสุขภาพไม่สามารถปกป้องคนงานจากสิ่งคุกคาม และไม่สามารถแทนที่มาตรการควบคุมที่เหมาะสมซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก แต่การตรวจสุขภาพช่วยในการค้นหาสภาวะสุขภาพของคนงานที่ทำให้ไวต่อผลของสิ่งคุกคามมากขึ้นหรือตรวจพบอาการแรกของความผิดปกติของสุขภาพที่เกิดจากสิ่งคุกคามนี้
การเฝ้าระวังสุขภาพแบบเชิงรับและเชิงรุก
ในกรณีของการเฝ้าระวังสุขภาพเชิงรับ หมายถึงรอให้คนงานมีอาการของโรคหรือการบาดเจ็บที่เกิดจากการทำงาน ซึ่งจะมารับการรักษา หรือ มาปรึกษาแพทย์อาชีวเวชศาสตร์หรือพยาบาลอาชีวอนามัย การเฝ้าระวังเชิงรับจะค้นพบเพียงโรคที่แสดงอาการออกมาเท่านั้น ซึ่งหมายถึงมีอาการมากแล้ว และในกรณีนี้ไม่แน่ว่าจะมีเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นโรคแต่ยังไม่แสดงอาการออกมาอยู่อีกหรือไม่ เมื่อคนงานมาหาแพทย์ สิ่งสำคัญก่อนจะทำการวินิจฉัยแพทย์จะต้องแยกโรคให้ได้ว่าเกิดจากการทำงานหรือไม่ได้เกิดจากการทำงาน
ในกรณีการเฝ้าระวังสุขภาพเชิงรุก ทีมบริการอาชีวเวชกรรมจะเลือกตรวจคนงานที่มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคจากการทำงานและอุบัติเหตุสูง ซึ่งจะทำได้หลายรูปแบบ ได้แก่การตรวจร่างกายเป็นระยะสำหรับคนงานทั้งหมด การตรวจร่างกายสำหรับคนงานที่สัมผัสกับสิ่งคุกคามเฉพาะ การคัดกรองและเฝ้าระวังทางชีวภาพในคนงานบางกลุ่ม การเฝ้าระวังเฉพาะขึ้นกับความเสี่ยงที่จะเกิดผลต่อสุขภาพจากการสัมผัสสิ่งคุกคามนั้น การเฝ้าระวังเชิงรุกยังเหมาะสำหรับคนงานที่มีประวัติการสัมผัสหลายอย่าง และคนงานที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคและอุบัติเหตุ
ในอนุสัญญาหมายเลข 161 และข้อแนะนำ หมายเลข 171 ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ กล่าวว่าเครื่องมือเฉพาะของการเฝ้าระวังสุขภาพของคนงานควรประกอบด้วย
การประเมินสภาวะสุขภาพของคนงานถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการเริ่มงานอาชีวอนามัย เมื่อมีคนเข้าทำงานใหม่ เมื่อมีกระบวนการทำงานใหม่ เมื่อมีเทคนิคการทำงานใหม่ๆเข้ามา เมื่อพบการสัมผัสเฉพาะ และเมื่อคนงานบางคนแสดงให้เห็นถึงสภาวะสุขภาพที่ต้องติดตามดูแลรักษา การตรวจสุขภาพจะต้องมีการดูแลและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อค้นหาผลของงานต่อสุขภาพตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม
การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน (Pre-assignment (pre-employment) health examinations)
การประเมินสุขภาพนี้จะทำก่อนที่คนงานเข้าทำงาน หรือเข้าทำงานบางอย่างซึ่งอาจมีอันตรายต่อสุขภาพของตัวคนงานเองและเพื่อนคนงานอื่นๆ วัตถุประสงค์ของการตรวจเพื่อดูว่าคนงานนั้นมีสุขภาพร่างกายและจิตใจเหมาะสมกับการทำงานนั้นหรือไม่ และเพื่อให้มั่นใจว่างานที่ทำนั้นไม่มีอันตรายต่อสุขภาพของคนงานนั้นเองหรือต่อสุขภาพของเพื่อนคนงานอื่น ในกระบวนการตรวจส่วนใหญ่นั้นการทบทวนประวัติทางการแพทย์ การตรวจร่างกายทั่วไป และการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ใช้บ่อย เช่นการตรวจเม็ดเลือดและปัสสาวะก็เพียงพอ แต่ในบางกรณี เช่นการที่ทำงานในสิ่งแวดล้อมที่อันตราย หรืองานที่ต้องการความเหมาะสมของสุขภาพอาจทำให้ต้องมีการตรวจร่างกายตามความเสี่ยงที่พบในที่ทำงานและการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม มีปัจจัยด้านสุขภาพบางอย่างที่อาจทำให้งานที่ทำเป็นอันตรายต่อคนงานที่มีความผิดปกติในสุขภาพนั้นเองหรือเป็นต่อผู้ร่วมงานคนอื่นหรือต่อสาธารณชน เช่นไม่ให้คนที่เป็นความดันโลหิตสูงหรือเบาหวานรักษาแล้วไม่ดีขึ้น ทำงานที่เป็นอันตรายบางอย่างเช่น การเป็นคนขับเครื่องบิน คนขับรถสาธารณะหรือรถบรรทุก คนที่ตาบอดสีไม่สามารถทำงานที่ต้องใช้ตาแยกสี เช่นการอ่านสัญญาณไฟ ในงานที่ต้องอาศัยความสมบูรณ์ของร่างกายสูงเช่นการดำน้ำ ตำรวจดับเพลิง ตำรวจและขับเครื่องบิน นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่โรคเรื้อรังเช่นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือ โรคหัวใจอาจแย่ลงจากการสัมผัสสิ่งคุกคามในงานบางอย่าง ดังนั้นแพทย์ที่ทำการตรวจสุขภาพจะต้องรู้เกี่ยวกับงานและสิ่งแวดล้อมในการทำงานรวมทั้งหน้าที่ของคนงานนั้นด้วย
เมื่อเสร็จการประเมินสุขภาพแล้ว แพทย์อาชีวเวชศาสตร์จะต้องรายงานผลไปยังคนงานและนายจ้าง โดยรายงานที่ไปยังนายจ้างจะต้องไม่มีรายละเอียดการเจ็บป่วยของคนงาน แต่ควรมีข้อสรุปเกี่ยวกับความเหมาะสมของผู้ที่ถูกตรวจกับงานที่จะทำ และงานหรือสภาพของงานซึ่งไม่ควรทำไม่ว่าจะต้องย้ายงานชั่วคราวหรือตลอดไปหรือไม่
การตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงานยังเป็นส่วนสำคัญสำหรับบันทึกสุขภาพของคนงานด้วย เนื่องจากเป็นข้อมูลด้านคลินิกและห้องปฏิบัติการของสุขภาพของคนงานในขณะที่เข้าทำงาน และยังเป็นพื้นฐานเพื่อเปรียบเทียบดูการเปลี่ยนแปลงในสภาวะสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากผลของการทำงาน
การตรวจสุขภาพเป็นระยะ (Periodic health examinations)
เป็นการตรวจสุขภาพในระหว่างทำงานตามความเสี่ยง ซึ่งไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมดด้วยมาตรการการป้องกันและควบคุม วัตถุประสงค์ของการตรวจสุขภาพเป็นระยะเพื่อเฝ้าระวังสุขภาพของคนงานระหว่างการว่าจ้างทำงาน เพื่อแสดงว่าคนงานมีสุขภาพร่างกายและจิตใจเหมาะสมกับงานที่ทำอยู่ และค้นหาอาการและอาการแสดงของการป่วยที่อาจเกิดจากการทำงานในช่วงเวลาที่ผ่านมาให้เร็วที่สุด ซึ่งจะต้องมีการตรวจพิเศษอื่นๆตามแต่อันตรายของสิ่งคุกคามที่พบ วัตถุประสงค์ของการตรวจร่างกายเป็นระยะเพื่อ
ความถี่ของการตรวจขึ้นกับลักษณะการสัมผัส ความรุนแรง และมาตรการการป้องกัน โดยสามารถทำทุกหนึ่งถึงสามเดือน หรือทุกหนึ่งถึงสามปีก็ได้ โดยมีการตรวจหลายชนิดหรือ ตรวจเพียงไม่กี่อย่างก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและผลต่อสุขภาพของความเสี่ยงนั้น
การตรวจสุขภาพก่อนกลับเข้าทำงาน (Return-to-work health examinations)
การประเมินสุขภาพนี้ทำเพื่อดูความเหมาะสมในการกลับเข้าทำงานภายหลังจากการหยุดงานเป็นเวลานานด้วยเหตุผลทางสุขภาพ การตรวจสุขภาพก่อนกลับเข้าทำงานนี้จะบอกว่าคนงานพร้อมที่จะกลับเข้าทำงานหรือยัง โดยดูความพร้อมด้านสุขภาพ และความเสี่ยงที่พบในการทำงานเป็นหลัก
การตรวจสุขภาพทั่วไป
ในสถานประกอบการหลายแห่ง การตรวจสุขภาพทั่วไปจัดทำโดยบริการอาชีวเวชกรรม โดยเป็นไปตามความสมัครใจ ซึ่งจะเป็นการตรวจคนงานทั้งหมดหรือตรวจคนงานเฉพาะกลุ่มตามอายุ ตามระยะเวลาการทำงาน แล้วแต่ฐานะขององค์กร อาจเป็นการตรวจสุขภาพครบทุกอย่างหรือเป็นการตรวจเพียงบางอย่างเพื่อคัดกรองโรคเฉพาะอย่างหรือความเสี่ยงต่อสุขภาพ ความถี่ของการตรวจขึ้นกับวัตถุประสงค์ของการตรวจ
การตรวจหลังออกจากงาน
เป็นการตรวจหลังจากสิ้นสุดการจ้าง และตรวจเพื่อค้นหาผลของสิ่งคุกคามซึ่งอาจทำให้เกิดผลต่อสุขภาพในอนาคตหลังออกจากงานไปแล้ว วัตถุประสงค์ในการประเมินสุขภาพชนิดนี้เพื่อเปรียบเทียบสุขภาพของคนงานกับการตรวจครั้งก่อน และเพื่อประเมินว่าสิ่งคุกคามในงานที่ทำมาก่อนหน้านี้จะมีผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง
ข้อสังเกต
ผลการตรวจร่างกายสามารถแบ่งได้เป็น
ผลการตรวจร่างกาย |
การปฏิบัติรายบุคคล |
การสนับสนุนจากสถานประกอบการ |
ผลการตรวจร่างกายปกติ |
พยายามให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น มีสุขภาพดียิ่งขึ้น ละทิ้งสิ่งเสพติด บุหรี่ เหล้า ปฏิบัติตามกฏระเบียบ ข้อห้ามในการทำงานอย่างเคร่งครัด |
ส่งเสริมสุขภาพ ให้ความรู้ จัดโภชนาการที่มีประโยชน์ งดสถานที่สูบบุหรี่ จัดกิจกรรมสันทนาการ ปรับปรุงกระบวนงาน ลดสิ่งคุกคามในที่ทำงาน จัดระบบเฝ้าระวังทางสุขภาพ |
ทำงานในสถานที่เสี่ยง ผลการตรวจร่างกายเริ่มผิดปกติหรือมีความเสี่ยง |
ลดความเสี่ยง พยายามทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น สนใจติตตามความผิดปกติที่พบ |
ให้ความรู้ ลดความเสี่ยงทางพฤติกรรมและความเสี่ยงในสิ่งแวดล้อมในการทำงาน จัดระบบเฝ้าระวังทางสุขภาพ ส่งเสริมสุขภาพ |
เป็นโรคแล้ว |
ติดตามดูแลให้การรักษาโรค ให้ความรู้พนักงาน ให้เพื่อนร่วมงานช่วยดูแล |
ส่งเสริมให้พนักงานรักษาโรค มีการติดตามผลเพื่อกระตุ้น มีการส่งเสริมสุขภาพ จัดระบบเฝ้าระวัง |
ไม่มีความเห็น