กรรมการสื่อสร้างสรรค์สังคมไทย
กับภารกิจที่ยังไม่ได้ตอบ
หลังจากมติคณะรัฐมนตรีฉบับวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๘
เพื่อการจัดตั้งคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการส่งเสริมสื่อสร้างสรรค์สังคมไทย
ซึ่งเป็นกรรมการระดับชาติที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการจัดการปัญหาด้านสื่อในสังคมไทย
ซึ่งหากย้อนกลับไปพิจารณาประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีฉบับวันที่ ๔
พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖
ในเรื่องการใช้สื่อของรัฐเพื่อส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับเด็ก
เยาวชนและครอบครัว ทำให้พบข้อสังเกตที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ
สื่อสร้างสรรค์และสื่อเพื่อส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับเด็ก
เยาวชนและครอบครัว ต้องได้รับการจัดการอย่างเป็นระบบ
ในทางทฤษฎีการจัดการปัญหานั้น
แนวคิดพื้นฐานในการจัดการสามารถจำแนกได้เป็น ๔ ทิศทาง กล่าวคือ
การจัดการปัญหาที่ตัวสื่อเพื่อแยกแยะหรือชี้วัดคุณภาพของเนื้อหาสื่อ
อันจะนำไปสู่การจัดการปัญหาที่เด็ก เยาวชน ครอบครัว
สังคม เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเภท
ประโยชน์ และโทษ
อันเป็นทิศทางของการสร้างภูมิคุ้มกันและความเข้มแข็งให้กับสังคม
การจัดการปัญหาที่ผู้ประกอบการ
ที่จะต้องสร้างความเข้าใจร่วมกับผู้ประกอบการ ตลอดจน
การสร้างแนวคิดธุรกิจเพื่อสังคม ให้เกิดขึ้น
รวมไปถึงการจัดการปัญหาที่ตัวแหล่งของการเข้าถึงสื่อ
เพื่อเป็นการจัดการปัญหาด้านการเข้าถึงสื่อ
ซึ่ง แนวคิดพื้นฐานในการจัดการปัญหาทั้ง ๔ ประการนั้น
คงจะต้องมีรายละเอียดปลีกย่อยตามมาอีก อย่างน้อย ๓ มิติ กล่าวคือ
มิติของการส่งเสริม มิติของการป้องกัน
และมิติของการปราบปราม
จะเห็นได้ว่า จุดเริ่มต้นของกระบวนการในการจัดการ
คงจะต้องเริ่มต้นจาการสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับความหมายของสื่อสร้างสรรค์
ซึ่งจากจุดนี้เอง
ทำให้หลายฝ่ายเริ่มให้ความสำคัญกับกระบวนการในการจัดทำ
ระดับความเหมาะสมของสื่อแต่ละประเภท หรือ เรตติ้ง
ซึ่งในความหมายและการบังคับใช้เรตติ้งนั้น ปรากฏอยู่ ๔ ลักษณะ
กล่าวคือ ลักษณะที่ ๑ การวัดระดับความนิยมเชิงปริมาณของคนดู (Quantity
Rating) ลักษณะที่ ๒ การกลั่นกรองเนื้อหา ลักษณะที่ ๓
การแยกแยะประเภทรายการตามความเหมาะสมตามอายุของผู้บริโภค หรือ
ระดับความเหมาะสมของสื่อ (Classification) และลักษณะสุดท้าย
เป็นการชี้วัดระดับคุณภาพเชิงความรู้ของเนื้อหาของสื่อ (Quality
Rating)
วันนี้
ชัดเจนแล้วว่า คำว่าเรตติ้ง จึงเป็นลักษณะของการทำงานหลัก ใน ๒ ลักษณะ
กล่าวคือ การแยกแยะประเภทรายการตามความเหมาะสม
อันจะนำไปสู่การบ่งชี้และแยกแยะว่า
รายการที่มีเนื้อหาในลักษณะหนึ่งเหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใด
อายุเท่าใด ซึ่งเป็นกระบวนการการแยกแยะ
และการลั่นกรองเนื้อหาประกอบกับ การชี้วัดคุณภาพเนื้อหาเชิงความรู้
ที่จะต้องบ่งชี้ให้ได้ว่า
เนื้อหาของสื่อให้การศึกษาและการเรียนรู้กับผู้บริโภคในเรื่องใด
ซึ่งลักษณะการทำงานทั้งสองมิตินำมาสู่การพัฒนากฎหมายและนโยบายที่แตกต่างกัน
กล่าวคือ
การแยกแยะประเทภเนื้อหานั้นจะปรากฏในรูปของกฎหมายและการบังคับใช้อยู่ในรูปของการตรวจลงตรา
ในขณะที่ การชี้วัดคุณภาพเนื้อหาเชิงความรู้จะปรากฏในรูปของนโยบาย
อันจะนำไปสู่การส่งเสริมการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ
หน้าที่และภารกิจนี้
กรรมการสื่อสร้างสรรค์ชุดนี้ได้วางไว้ให้กับกระทรวงวัฒนธรรมที่จะดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการ
เพื่อจัดระดับความเหมาะสมของสื่อละระดับคุณภาพของเนื้อหาแต่ละประเภท
(Rating) และสร้างระบบการชี้วัดคุณภาพเนื้อหาของสื่อแต่ละประเภท
ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ เกมคอมพิวเตอร์ ภาพยนตร์ สื่อสิ่งพิมพ์
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เมื่อสื่อต่างๆถูกนำเข้าสู่กระบวนการการจัดระดับคุณภาพเนื้อหาของสื่อ
และการแยกแยะประเภทเนื้อหาของสื่อ
สื่อที่ถูกคัดแยกและการบ่งี้ทางคุณภาพเชิงความรู้
จะถูกส่งต่อไปยังกระบวนการที่แตกต่างกัน กล่าวคือ
การแยกแยะประเภทเนื้อหาจะถูกส่งต่อไปยังกระบวนการในการป้องกัน
และปราบปราม ในขณะที่ การชี้วัดคุณภาพเนื้อหาของสื่อเชิงความรู้
จะนำมาสู่กระบวนการในการส่งเสริม
ซึ่งเมื่อหันกลับมาดูภารกิจที่คณะกรรมการสื่อสร้างสรรค์ได้วางหมากไว้แล้ว
จะพบว่าการเร่งรัดการป้องกันและปราบปราม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจบริหารจัดการการป้องกันและปราบปรามสื่อลามกอนาจาร
ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
จัดทำร่างบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการดำเนินงานเพื่อยุติการเผยแพร่เว็บไซด์ที่ไม่เหมาะสมกับผู้ประกอบการ
ISP
สำหรับด้านการส่งเสริมกระทรวงศึกษาธิการ
ได้คัดเลือกสถาบันที่เปิดสอนสาขานิเทศศาสตร์ จำนวน ๑๖ สถาบัน
จัดทำรายการรูปแบบสารคดีชุดเด็กไทยเด็กดี
โดยให้นักศึกษาร่วมผลิตและดำเนินรายการ
สำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไป
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการปราบปรามสื่อลามกทุกประเภทให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
กับให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เร่งดำเนินการในการเปิดเว็บไซด์ที่ไม่เหมาะสม
ทั้งในและต่างประเทศให้หมดสิ้นโดยเร็ว
ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
พิจารณาคัดเลือกสถาบันการศึกษา และองค์กรภาคเอกชน
ที่จะเป็นผู้ผลิตรายการสื่อสร้างสรรค์
โดยให้รัฐวิสาหกิจจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งมาสนับสนุนการผลิต
ให้องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยและกรมประชาสัมพันธ์
จัดทำแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์และรณรงค์การสร้างสื่อสร้างสรรค์
ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการผลิตเนื้อหาสื่อสร้างสรรค์
ที่จะนำไปสู่อุตสาหกรรมส่งออก
ส่งเสริมการรวมตัวของภาคประชาสังคมเป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง
การส่งเสริมการประกอบการ
รวมไปถึงการส่งเสริมให้เกิดแหล่งการเข้าถึงสื่อสร้างสรรค์
จะเห็นได้ว่า การกิจที่คณะกรรมการสื่อสร้างสรรค์ชุดนี้ได้กำหนดไว้
เป็นกรอบในการทำงานที่เข้าไปจัดการที่ตัวเนื้อหา
ด้วยการจัดระดับความเหมาะสม และชี้วัดคุณภาพเชิงความรู้
เข้าไปปราบปรามสื่อที่ไม่เหมาะสม (โดยเฉพาะสื่อลามกอนาจาร)
การส่งเสริมให้เกิดกระบวนการผลิตสื่อสร้างสรรค์
ในขณะที่ กระบวนการทำงานที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า
การปราบปรามสื่อลามกอนาจารเป็นเพียงกระแสของผลงานชั่วข้ามคืน
ในขณะที่ กระบวนการในการสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม
อยู่ในภาวะไร้ร่องรอย
ในขณะเดียวกัน กระบวนการในการส่งเสริมให้เกิดการผลิตสื่อสร้างสรรค์
กลับขาดกระบวนการในการส่งเสริมอย่างจริงจังและเป็นระบบ
นอกจากนั้นแล้ว
พบว่า ภาวะของการลงแขกเรื่องเรตติ้ง
ซึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทำงานเพื่อจัดการปัญหาสื่อ
ยังคงเป็นกระบวนการที่ได้รับความสนใจจากหลายหน่วยงาน
ทำให้คาดเดาได้ว่า เมื่อการคิดค้นระบบเรตติ้งเสร็จสิ้นแล้ว
และสามารถใช้บังคับได้แล้ว กระบวนการในการส่งเสริมทั้งผู้ผลิต
ส่งเสริมแหล่งของการเข้าถึงสื่อ
รวมไปถึงการส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับสังคม
จะมีมาตรการที่รองรับได้เลยหรือไม่
เป็นคำถามที่ยังต้องการคำตอบที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
จะพบได้ว่า วันนี้
กระบวนการในการทำงานเพื่อตอบโจทย์สื่อสร้างสรรค์
ยังไมได้เดินเครื่องในทุกสัดส่วนอย่างพอเหมาะ
การร่วมลงแขกในการจัดการปัญหาเป็นสิ่งที่ดี แต่ในขณะเดียวกัน
การร่วมลงแขกในการพัฒนาระบบเรตติ้ง
เป็นเพียงกระบวนการของการจัดการปัญหาเพียงด้านเดียว
ยังไม่ได้ครอบคลุมทั้งระบบ
หรือแม้แต่การไม่ได้ร่วมลงมือจัดการวางระบบร่วมกัน
และลงไปจัดการระบบในทุกจุดของการจัดการ ทั้ง ๔ ลักษณะ
ไม่ได้ดำเนินการเชิงบูรณาการระหว่างหน่อยงานเพื่อตบอสนองต่อการทำงานเชิงระบบ
การปราบปราม การป้องกัน และส่งเสริม อย่างเป็นเอกภาพ
ในวันนี้
สังคมแห่งการเรียนรู้เชิงบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาระบบบสื่อสร้างสรรค์ที่อุดมไปด้วย
กระบวนการส่งเสริม การป้องกัน และการปราบปรามที่มีประสิทธิภาพ
ยังไม่ได้รับการเริ่มต้นบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น
การรับลุกและการส่งลูกต่อ จาก การแยกแยะเนื้อหา การชี้วัดเนื้อหา
ส่งไปแล้ว ก็คงตกหล่นกลางทาง
แล้วกรรมการสื่อสร้างสรรค์จะตอบสังคมว่าอย่างไรดี ....
อ.อิทธิพล ปรีติประสงค์
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็ก และครอบครัว
ม.มหิดล
ไม่มีความเห็น