๓. ทวารชีวิต : ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ /
อายตนะ ๖ (ฐานการเรียนรู้)
เราได้เรียนรู้ถึงความเคลื่อนไหว อาการชีวิต และองค์ธรรมอันเป็นตัวกำหนดชีวิตและยุทธศาสตร์ชีวิตที่เป็นหมายหลักผ่านมา ๒ ข้อแล้ว ทีนี้มาถึงข้อ ๓ นี่ คำ ๕ คำนี้เป็นจุดสตาร์ท เป็นจุดเริ่มที่จะทำให้เกิดกระบวนการภายในชีวิตมนุษย์
นี่เป็นประตูชีวิต
เป็นประตูชีวิตมนุษย์ที่เปิดรับสรรพสิ่งที่เราเห็นได้ด้วยตาและเห็นได้โดยใจ
ประตูชีวิตมนุษย์ คือ ดวงตา ตาเราเห็นรูปพรรณสัณฐาน หูเราได้ยินเสียง จมูกเราได้กลิ่น ลิ้มเราได้รับรู้รส กายเราได้จับต้อง ใจเรารู้สึกนึกคิด
ตรงนี้เรียกว่า ฐานการเรียนรู้ชีวิต เป็นตัวรับ เป็นตัวนำเข้าสรรพสิ่งเพื่อไปสู่กระบวนการภายในชีวิต
กระบวนการภายในชีวิตอยู่ที่สมองและหัวใจ
สมองที่เป็นก้อนและสมองที่เป็นตัวรู้
หัวใจที่เป็นก้อนและหัวใจที่เป็นตัวรู้
ฐานการเรียนรู้ชีวิตทั้ง ๖ นี้พระพุทธองค์ตรัสเรียกว่า อินทรีย์ ด้วยเช่นกันเพราะมีความเป็นใหญ่ เป็นทางของการเรียนรู้ชีวิตโดยเป็นตัวตั้งรับ (
Input) ของชีวิตที่จะนำสิ่งที่ได้รับเข้าไปสู่การไตร่ตรอง (Procedure) แล้วกระทำการออกมา (Output)
ในขั้นตอนของทวารชีวิตทั้ง ๓ ช่วงนี้ พระพุทธองค์ทรงแสดงองค์ธรรมไว้เพื่อให้เป็นบทศึกษาเรียนรู้ปฏิบัติ ๒ ข้ออันเป็นประธาน คือ ๑ การเลือกรับทุกสรรพสิ่งที่เป็นกัลยาณมิตร ได้แก่ ข้อมูลข่าวสารที่ดี คบหาสมาคมกับผู้คนที่ดี และอยู่กับสิ่งแวดล้อมทั้งทางธรรมชาติและสังคมที่ดี ๆ ที่สำคัญคือ อยู่กับใจที่ดีมีความรู้สึกเป็นกลาง ๆ ไม่พร่ามัวสั่นไหวและไม่ลิงโลด
ใจที่ดี เกิดได้ด้วยองค์ธรรมที่ ๒ คือ โยนิโสมนสิการ ได้แก่ การรู้จักไตร่ตรองมองชีวิตให้เป็น ตรงนี้เป็นกระบวนภายในชีวิต เป็นหน้าที่ของสมองและหัวใจ นั่นก็คือการใช้สติปัญญามาวินิจฉัยเหตุการณ์ ความรู้สึกนึกคิดที่เข้ามาและมีขึ้นในชีวิตเรา
ตรงนี้เป็นการใช้อินทรีย์ ๕ เข้ามากำกับ
เมื่อเรารู้เห็นสภาพความเป็นจริง ๆ ของสิ่งนั้น ๆ ที่ปรากฏขึ้นแล้วนั้น เราก็ใช้พละ ๕ เพื่อเป็นกำลังให้แก่ชีวิตโดยการเอาความเชื่อมั่น ความพากเพียร สติสมาธิปัญญามาใช้ในการบริหารจัดการชีวิต
ทวารชีวิต คือที่เชื่อมต่อ เป็นที่สำหรับให้เกิดการเรียนรู้และเป็นที่ผ่องถ่ายกระบวนทัศน์ออกมาเป็นพฤติกรรม โดยใช้ความเป็นใหญ่แห่งทวารนั้น ๆ โดยท้ายสุดสำคัญอยู่ที่ใจ เก็บรับ กลั่นกรอง สร้างสานเพื่อก่อชีวิตเราให้เป็นสัมมาทิฏฐิกบุคคล
ไม่มีความเห็น