เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางหน่วยงานให้บุคลากรกรอกแบบบันทึกซึ่งกลายเป็นแบกบรรทุกข์ของราชการอีกหลายคน คือการลงข้อมูลของบิดา มารดา สามี ภรรยา และบุตร หลักฐานของฝ่ายหลังก็ไม่เท่าไร แต่ฝ่ายบิดา ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว อยู่กันกับมารดาด้วยการแต่งงานแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส - หลังปีพ.ศ. 2478 ทำให้เราเป็นบุตรมิชอบด้วยกฎหมาย จึงตัดสินใจไปต่างจังหวัดเพื่อทำเรื่องราวให้เรียบร้อย ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่บอกว่า การจดทะเบียนรับรองบุตร จะต้องใช้ กพ.7 หรือแบบบันทึกประวัติการรับราชการไปด้วย ซึ่งใครจะไปตรัสรู้ได้ว่าต้องใช้หลักฐานนี้ เพราะท่านก็ไม่ได้บอกไว้ บอกเพียงว่าให้นำบิดามารดาและบุตรมาพร้อมกัน พร้อมทะเบียนบ้าน ใบต่างด้าว
จึงแก้ปัญหาด้วยการให้คุณพ่อคุณแม่ซึ่งอายุเกือบจะ 80 อยู่แล้วจดทะเบียนสมรสกัน ทางเจ้าหน้าที่ก็ว่าจะต้องใช้ใบ กพ.7 อีก คุยกับนายทะเบียนอยู่พักใหญ่จึงได้รับการอนุโลมให้ไม่ต้องใช้หลักฐานดังกล่าว เป็นอันว่าได้หลักฐานครบ พอนำกลับมาที่ทำงาน เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าใช้ไม่ได้
จะต้องเป็นใบรับรองบุตร จึงเกิดความสงสัยว่า หลักฐานทั้งหลายที่นำมาแสดง ไม่ว่าจะเป็นใบเกิด (ซึ่งระบุว่าใครเป็นบิดา มารดา) ทะเบียนบ้าน(ระบุว่าบิดา มารดาคือใคร) ทะเบียนสมรสของบิดามารดา(ซึ่งเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร์ได้บันทึกในระบบว่ามีบุตรก่อนแต่งงานกี่คน ชื่ออะไรบ้างตามลำดับ) บรรดาหลักฐานทั้งหลายที่มีอยู่ ไม่ได้ส่อถึงความสัมพันธ์ของการเป็นบิดา มารดา บุตร เลยหรือ
เราอยากเห็นระบบราชการจะทำให้ประชาชนเดือนร้อนน้อยลง เอาเวลาจากเรื่องหยุมหยิมแบบนี้ไปพัฒนาในเรื่องที่มีประโยชน์มากกว่านี้
ดิฉันเห็นด้วยกับคุณหลักฐานราชการเกี่ยวกับการรักษาจ่ายตรง
ไม่ใช่แต่คุณหลักฐานราชการ (ดิฉันขอเรียกนามท่าน) ที่เดือด
ร้อนดิฉันเองก็เดือดร้อนไม่ใช่น้อย จะต้องนำบิดามารดาไป
จดทะเบียนใหม่ ดูแล้วก็แปลกแถมยังขำ ๆ อีกต่างหาก อยู่กันมา
จะลาโลกแล้ว เพิ่งจะจูงมือกันไปจดทะเบียน ดิฉันได้ลงข้อมูล
ไปแล้วเหมือนกันแต่ไม่ทราบจะครบ รึเปล่า เพราะมีข้อมูลของ
บุตร ที่ยังไม่กรอกด้านล่างมีหลายช่อง รู้แล้วบุตรจะต้องเป็น
โสด ทำไมจะต้องใส่ช่องให้กรอกต่อท้ายให้ยาวเหยียดถึงขนาด
นั้น เฮ้อ ! ไม่เข้าใจระบบราชการเมืองไทย