การคิด การตัดสินใจ และหนทางที่ถูกต้อง
จากการลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจหลายครั้งหลายหน (ศึกษารายละเอียด และนำเสนอข้อมูลให้กับหน่วยงานนโยบายภาครัฐ) คำถามที่ได้รับจากเกษตรกรมักจะเป็นคำถามที่ซ้ำๆ บ่อยๆ และนอกเหนือจากนั้นมักมีคำถามที่พิเศษๆบ้าง
ภารกิจที่ผมได้ปฏิบัติในครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมได้ไปพบปะประชาชน คนเกษตร ในเขตพื้นที่ภาคกลาง ที่ประกอบด้วย กลุ่มเกษตรกรทุ่งรังสิต (ปทุมธานี อยุธยา นครนายก สระบุรี และลพบุรีบางส่วน ) กลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนสหปาล์ม (ราชบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว)
รากเหง้าของเกษตรกรเหล่านี้มาจากกระดูกสันหลังของชาติ ชาวนานั่นเอง จากการทำนาที่ล้มเหลวทางเศรษฐกิจมาตลอดชั่วอายุปู่ย่าตายาย อดทนและภาคภูมิใจในการได้รับยกย่องเชิดชูให้เป็นกลุ่มบุคคลที่สำคัญที่สุดของชาติ แต่ยากจนที่สุดของกลุ่มชนเช่นเดียวกัน สู้อุตส่าห์ “เอาหลังสู้ฟ้า ก้มหน้าสู้ดิน ”
เพื่อหาโอกาสให้ตัวเอง และมีความหวังในอนาคต จากองค์ความรู้ที่มีมาจากความเป็นชาวนาผู้เก่งกล้า เลือกพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่คาดหวังว่าจะได้เงยหน้าอ้าปากได้ สวนส้ม เป็นทางเลือกที่น่าจะมีอนาคตที่ถาวรและยั่งยืน แต่แล้วเหตุการณ์กลับย้อนกลับเหมือนเดิม สวนส้มล่ม จากทุ่งรังสิต อพยพเคลื่อนย้ายไปทำที่ใหม่ กำแพงเพชร ดินดี น้ำชุ่ม อากาศเหมาะสม ที่ไหนได้ กำแพงเพชรก็ล่มอีกครั้ง
หนี้สินเพิ่มทวีคูณ ดอกเบี้ยทบต้นทบดอก จนยากที่จะอธิบายได้ว่า ไหนคือต้น อะไรคือดอก และไม่รู้จะแก้ไขมันอย่างไร ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสังคม ปัญหาสังคมจะส่งผลต่อวิถีชีวิต และความสงบสุข ของประชาคมโดยรวมเสมอ
หนทางของประชาชนไม่สิ้นหวัง กลไกภาครัฐ ผู้ปกครองประเทศ น่าจะช่วยเขาได้ แม้นว่าเขาจะช่วยตนเองมาอย่างโชกโชนแล้วก็ตาม แต่ความวิบัติทางอาชีพที่เกิดขึ้นกับเขายากที่จะแก้ไขด้วยกลไกเล็กๆที่มีสองมือและสองขาของเกษตรกรที่ขาดโอกาสแทบจะทุกเรื่อง เมื่อเทียบกับภาคส่วนอื่นๆที่มีโอกาสดีกว่า
ด้วยความมุ่งมั่นของฝ่ายการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และภาคเอกชน ที่เอาใจใส่ดูแลความทุกข์ร้อนของประชาชน เมื่อประชาชนหมดโอกาสและช่องทางในการแก้ปัญหาทุกข์ร้อน โชคดีที่ประชาชน มวลชน เกษตรกรทุ่งรังสิต ปทุมธานี นครนายก อยุธยา สระบุรี ลพบุรี และภาคตะวันออก จันทบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว และราชบุรี เข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายเลือกที่จะใช้กระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมายและความสันติ สงบสุขในการแก้ปัญหา
จึงเกิดการระดมสมอง ความคิดเห็นโดยการมีส่วนร่วมอย่างจริงใจและกว้างขวางทุกภาคส่วน ในการแก้ปัญหาและรับผิดชอบต่อบ้านเมืองด้วยกันฉันพี่น้อง
ปัญหาที่พบและต้องการแก้ไขโดยด่วนที่มาจากภาคเกษตรกรได้แก่
1 ปัญหาหนี้สิน ทั้งที่มีมาเก่า และสะสมจนเป็นหนี้ล้นพ้นตัว หมดหนทาง
แก้ไขหากภาครัฐไม่เข้าช่วยเหลือ (รอวันยึดทรัพย์ และฟ้องล้มละลาย)
2 ปัญหาที่ทำกินที่ต้องเช่าจากนายทุนที่ดินรายใหญ่
3 ปัญหาการจัดการระบบการเกษตร ที่ดิน น้ำ และสาธารณูปโภค
4 ปัญหาการตลาด และราคาผลผลิตที่แกว่งตลอดเวลาไม่สามารถทำนาย
อนาคตได้
5 ปัญหาความรู้ในการจัดการเชิงเศรษฐศาสตร์ (การศึกษาเฉพาะทางและ
การศึกษาเชิงการจัดการ)
6 อื่นๆ
ผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้น
1 กรมวิชาการเกษตร
2 กรมส่งเสริมการเกษตร
3 กรมเศรษฐกิจการพานิชย์
4 กรมเศรษฐกิจการเกษตร
5 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
6 กรมที่ดิน
7 อื่นๆ เช่นผู้ประกอบการอุตสาหกรรม นักวิชาการ เป็นต้น
หนทาง ทางเลือก เป็นเช่นไร?
1 การประกาศนโยบายพิเศษ เพื่อการช่วยเหลือทางด้านการเงิน
2 การจัดรูปแบบในการบริหารจัดการการเกษตรในรูปแบบสหกรณ์
3 การเพิ่มรายได้ของตัววัตถุดิบ แปลงเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
4 แนวคิดการเกษตรครบวงจร มีความหลากหลายและสอดรับซึ่งกันและกัน
5 แนวคิดนโยบายทางด้านภาษีเพื่อจูงใจการเกษตรครบวงจรในรูปแบบ
สหกรณ์การเกษตร
6 แนวทางการตลาดที่มั่นคงภายใต้ความร่วมมือ รัฐกับรัฐ และทิศทางการ
ตลาดที่ภาคเอกชนให้ความสนใจ
7 อื่นๆ
ปาล์มน้ำมันทางเลือกที่เกษตรกร เลือกก่อนรัฐมีนโยบาย
การดิ้นรน ยังดีกว่ารอคอย ถ้าดิ้นยังมีโอกาสรอด ถ้ารอนโยบายหนี้สินคงจะล้นแล้วล้นอีก กว่าความช่วยเหลือต่างๆจะเข้าถึง เป็นการสะท้อนจากประชาชน
เขตทุ่งรังสิตปลูกปาล์มน้ำมันไปแล้วกว่า 12,000 ไร่ และเขตตะวันออกน่าจะเป็นระดับแสนไร่ จากสถิติการปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศไทย 2.3 ล้านไร่ (สวนส้มที่เสียหายในเขตทุ่งรังสิต ประมาณ 200,000-300,000 ไร่)
หากคิดตามนโยบายน้ำมันบนดิน เพื่อชดเชยการนำเข้าน้ำมันปิโตเลียม 10 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้า เราต้องปลูกปาล์มน้ำมันถึง 12 ล้านไร่จึงจะพอชดเชยการนำเข้าน้ำมันปิโตเลียม 10 เปอร์เซ็นต์
วันนี้ปาล์มน้ำมันที่ทุ่งรังสิตมีอายุตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว
ที่สวน นายอักษร ตำบลหนองเสือ มีอายุประมาณ8 ปี ให้ผลผลิต ต่อไร่ต่อปี ประมาณ 4-5 ตัน (เฉลี่ยโดยทั่วไปของประเทศไทย อยู่ที่ 2.7 – 3.0 ตันต่อไร่ต่อปี)
แม้จะไม่รอก็ต้องรอ ปัญหาเกิดกับเกษตรกร
1 เก็บผลผลิตแล้วจะเอาไปขายที่ไหน
2 เก็บไว้ได้นานแค่ไหน
3 เก็บเกี่ยวได้ทุกวันหรือไม่
4 การขนส่งมีค่าใช้จ่ายอย่างไร
5 การต่อรองทางด้านราคา ราคาที่ยุติธรรม ทั้งของผู้ขายและผู้ซื้อ
6 ทำอย่างไรผลผลิตจึงมีประสิทธิภาพสูงกว่านี้
เรามารู้จักปาล์มน้ำมันเถอะ
ชนิดและพันธุ์(Elaeis)
1 E.Guineensis (African Oil Palm) 3type
1.1Dura : Deli Dura
1.2Pisifera
1.3Tenera :Dura X Pisifera
2 E.Oleifera(E.Melanococca or Corozo
oleifera)…(American Oil Palm)
3 E.Odora (Barcella odora) (Amazon oil palm)
4 สุราษฎร์ธานี 1..Tenera ..Dura68 X Pisifera (ASD Co.;ltd Costarica)
5 สุราษฎร์ธานี 2
6 สุราษฎร์ธานี 3
7 พันธุ์อูติ DXP …Deli dura X (Tenera X Pisifera)
8 พันธุ์พันธุ์ยังกาบี(มาเลเซียเกรด1)
9 พันธุ์เดลิลาเม่ (Deli X Lame)… Deli duraX Lame
Pisifera
10 นอกเหนือจากนี้ยังมีพันธุ์อื่นๆอีกมากมาย ตามแต่จะผสมกันขึ้นมา ส่วน
ใหญ่เป็นลูกผสมที่เอาจุดเด่นแต่ละชนิดมาผสมกัน เช่น จากประเทศ คอสตาริกา ออสเตรเลีย เป็นต้น
แล้วจะเลือกแบบไหนดี แบบที่ให้ผลกำไรสูงสุดคือคำตอบที่เกษตรกรต้องการ ดังนั้นท่านต้องพิจารณาดังต่อไปนี้ 1 ใช้พันธุ์อะไร ที่ให้ผลผลิตสูงสุด ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เชิงปริมาณ คิดจากน้ำหนักต่อไร่ต่อปี เชิงคุณภาพคิดจากเปอรืเซ็นต์ น้ำมันที่ได้จากทะลายดิบ 2 แล้วพันธุ์ที่เลือกเหมาะกับสภาพสวนของเราหรือไม่ สภาพดินของเราเป็นเช่นไร สภาพน้ำของเราเป็นเช่นไร สภาพอากาศในบริเวณนั้นเป็นเช่นไร 3 ความต้องการของตลาดรับซื้อพันธุ์อะไรที่ห้ราคาสูง 4 การดูแลรักษา 5 การหาเมล็ดพันธุ์ หรือ ต้นกล้า ได้จากไหน ราคาเป็นเช่นไร การรับประกันอย่างไร โอกาสหน้าฟ้าใหม่ค่อยเจอกันอีก ดร.ทินโน ขวัญดี e-mail:[email protected]
สุราษฎร์ธานี 1..Tenera ..Dura68 X Pisifera (ASD Co.;ltd Costarica) ไม่ใช่สายพันธุ์ Deli x Calabar เหรอคับ
5 สุราษฎร์ธานี 2 ใช่ Deli x La Me หรือเปล่า
6 สุราษฎร์ธานี 3 เป็น Deli x Dami พอดีเคยอ่านผ่านตามาคับ
ผมเห็นด้วยกับความเห็นที่ 1
ขอซูฮกผู้เขียนจริงๆ ความรู้เรื่องปาล์มขั้นเทพจริงๆ ตอนนี้สถานีวิจัยปาล์มนำมันสุราษฎร์ธานี มีพันธ์ปาล์มลูกผสมสุราษฎร์ 7 แล้วจะบอกให้ อยากรู้จริงเรื่องการปลูกปาล์ม ปัญหาต่างๆ ผลผลิต การใส่ปุ๋ยและอื่นๆต้องถามชาวสวนแล้วจะรู้ อย่าลืมศาสตร์ของพระราชาจะช่วยชาวเกษตรให้ลืมตาอ้าปากได้ ก็แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงนั่นแหละ รู้จักการทำปุ๋ยใช้เอง ปลูกพืชแบบผสมผสาน เลี้ยงสัตว์เอามูลมาทำปุ๋ย( แพะ 2 ตัวดีกว่าเครื่องตัดหญ้า 1 เครื่อง )หรือเลี้ยงวัวก็ได้เลี้ยงหมูก็ดี ก็ทำในสวนปาล์มนั่นเอง สนใจติดต่อตามอีเมลล์นะครับ
ขอความสุขความเจริญจงมีแก่ผู้อ่นทุกท่านนะครับ
ชาวสวนบ้านนอก