Harry Potter หนังสือเล่มนี้ เปลี่ยนชีวิตหนู ^^


หนังสือเล่มนี้ทำให้เราได้เรียนรู้จริงๆเลย ว่าจะทำอะไรต้องพยายาม

สวัสดีค่ะ เก็จอัมพร เองนะคะ  C ;

บล๊อกนี้จะพูดถึงหนังสือเล่มสำคัญของชีวิต ฮ่าๆๆ

ซึ่งก็คือ Harry Potter

ประสบการณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นโดยสรุป

เรื่องมันเริ่มที่ เราเป็นคนชอบหนังสือเล่มนี้มาก

จำได้ว่าอ่านเล่มแรกตอน ป.5 แล้วก็อ่านมาเรื่อยๆ

พอ ม.1 คือ เล่ม5ภาคอังกฤษเพิ่งออกมา แล้วแบบเราขี้เกียจรอแปล แล้วก็อยากรู้เรื่องก่อนด้วย

คุณแม่ก็เลยซื้อให้ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องอ่านให้จบ ห้ามซื้อภาษาไทย !

เอ่อ เราก็ โอเคค่ะ ^^

ตอนนั้นเราคิดว่าแปลใส่สมุดดีกว่า เวลามาอ่านใหม่จะได้เป็นภาษาไทย 555 

เราแปลใส่สมุด แล้วก็เขียนคำศัพท์ไว้ เผื่อเจอศัพท์เดิมจะได้ไม่ต้องเปิดหาใหม่

คุณแม่ก็ให้ไปอ่าน+แปลให้ฟังวันละ2หน้าทุกคืนๆ

ซักพัก เริ่มเหนื่อย เบื่อ แปลยากขึ้น โอยยย ทำไมมันหนาอย่างงี้นะ แล้วก็ล้มเลิกไป

เวลาผ่านไปปีกว่า มีข่าวออกมาว่าอีก2อาทิตย์เล่ม6จะออก

เราก็แบบ เหยยย เล่ม5 ยังไม่ได้อ่านเลย

ตอนนั้นก็เลยเร่ง ไม่สนใจที่จะเขียนใส่สมุดแล้ว อ่านมันไปเลย

แรกๆก็เปิด dictionary หลังๆขี้เกียจ ศัพท์ไหนไม่รู้ก็แปลมั่วไปเลย 555

และแล้วมันก็จบ พอดีเล่ม6ออกเลย สรุปแล้วเล่ม5 อ่านนาน 2ปี !!!!!

(จะมีใครอ่านนานเท่าเรามั้ยเนี่ย)

ส่วนเล่ม6 เราอ่าน7วัน เล่ม7 ก็7วันเหมือนกัน

ฮ่าๆๆ ช่างแตกต่าง

หนังสือเล่มนี้ทำให้เราได้เรียนรู้จริงๆเลย ว่าจะทำอะไรต้องพยายาม

ตอนอ่านเล่ม5 เราไม่ได้เรื่องจริงๆ ตอนแรกก็แค่อยากได้

พอได้สักพักก็เบื่อ เลิกไปซะงั้น

พอมาเล่ม6 เล่ม7 รู้สึกได้เลยว่าเรามีความพยายามขึ้นมาก

แล้วก็ มีพื้นฐานศัพท์จากเล่ม5ด้วย ทำให้อ่านได้เร็วขึ้น

ตลกอ่ะ เรื่องที่เปลี่ยนแปลงชีวิตมันไม่ค่อยได้มาจากเนื้อหาในหนังสือเลย ฮ่าๆ

แต่เราคิดว่าเราได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้เยอะเลยค่ะ

ตอนนี้เวลาจะซื้อหนังสืออ่านเล่น คุณแม่จะบอกว่าให้ซื้อภาษาอังกฤษ ไม่งั้นไม่ซื้อให้

(แต่นิยายภาษาอังกฤษที่ซื้อมาก็มีอีกแค่6เล่ม

ที่เหลือเป็นภาษาไทย เพราะคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ 5555555)

เอ่ออมม ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อแล้ว

แล้วคุณล่ะ มีหนังสือที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณมั้ยคะ ?

 

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

 จากคนที่โง่ภาษาฝรั่งมาก ตอนนี้เริ่มรู้เรื่อง รู้วัฒนธรรมตะวันตก มีความตั้งใจ ความพยายาม ความอดทน มากขึ้น

 

ข้อคิดที่ได้

เวลาจะทำอะไรต้องมีความตั้งใจ ไม่งั้นเราก็จะไม่ประสบความสำเร็จ

 

 

*

คำสำคัญ (Tags): #learning process
หมายเลขบันทึก: 287836เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2009 23:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

เอ่ออ

ตามจริงมีไรจะพิมเยอะแยะ

แต่พิมไม่ออก

คิดไงบอกกันด้วยนะคะ

เราก็ได้อ่านหนังสือเรื่องนี้บ้างนะ เเต่อ่านเป็นภาษาไทยอ่ะ

ส่วนภาคภาษาอังกฤษก็เคยอยากอ่านเเล้วพอได้ลองอ่านดู

พอเห็นคำศัพท์ประกอบกับรูปเล่มหนังสือที่หนามากๆก็เลยไม่อ่าน เพราะขี้เกียจเเปล

ชื่นชมในความพยายามของฟ้านะที่อ่านเเล้วก็เเปลภาษา ทำให้ได้รู้ภาษาเยอะขึ้นด้วย

อยากให้เพื่อนเพิ่มเติมเรื่องข้อคิดที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้อ่ะค่ะ

อ่านหนังสือเรื่องนี้ตั้งแต่เล่ม 1 และรอวันที่จะดูตัวละครจากภาพยนตร์ ผู้สร้าง นักแสดง พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้ภาพฝันและจินตนาการจากหนังสือเป็นจริง (ขอปรบมือดังๆๆ)และทำให้ติดตามอ่านมาทุกๆเล่ม

เราใช้วิธีนี้ เพื่อทำให้ลูกสาวรักการอ่าน เดือนที่แล้วลูกสาววัย 9 ขวบต้องก้มหน้าก้มตาอ่าน Harry Potter เล่ม 6 เพราะเรามีกติการ่วมกันว่า อ่านจบก่อนแล้วค่อยไปดูหนัง เพื่อจะได้เข้าใจ และ เห็นความแตกต่างระหว่าง จินตนาการจากหนังสือ และ ภาพจริงที่เห็นจากฟิล์ม หลังจากดูแล้ว ลูกบอกว่า จะกลับไปอ่านอีกรอบ เพราะรายละเอียดบางอย่างหายไป เจ้าลูกรักกลับมาอ่านอีก เมื่ออ่านจบ ก็ขอไปดูอีก แม่อย่างเรา สนับสนุนอยู่แล้ว เลยต้องดูอีก (เป็นรอบที่2) ...ลูกยังติดใจ คาใจอีก และ อ่านอีก...เพื่อค้นหาว่า ทำไมในแผ่นฟิล์มถึงแสดงรายละเอียดไม่ได้เหมือนในหนังสือ และที่สำคัญ...เธอมีจินตนาการเลยเถิดไปว่า ถ้าเธอเป็นผู้เขียนบทภาพยนตน์เธอจะทำอย่างไร ให้ได้อรรถรสตามจินตนาการมากที่สุด

กติการนี้ ทำให้เราเรียนรู้ว่า กระบวนการสร้างลูกให้รักการอ่านทำได้ทุกวิธี บางครั้งอาจจะต้องจูงใจด้วยปัจจัยภายนอก

และ..ตอนนี้เธอกำลังอ่านเล่ม 7 เพื่อรอวันที่ ภาพยนตร์ ภาค7 จะมาถึงเมืองไทย

เธอเรียนรู้ด้วยตัวเธอเองว่า การอ่านหนังสือได้อรรถรสมากกว่า จินตนาการบรรเจิดกว่า ภาษาดีกว่า ส่วนภาพยนตร์ทำให้กระตุ้นให้อยากรู้ว่า สามารถสะท้อนภาพฝันแลจินตนาการเหมือนหนังสือหรือไม่

คุณแม่ทั้งหลาย...ทำเถอะค่ะ วิธีใดก้ได้..ที่จะทำให้ลูกรักตัวน้อยมีจินตนาการที่ดี ที่ถูกต้อง..และกำกับด้วยวินัยของกรอบเวลาในชีวิตที่แท้จริง

แล้วเราอาจจะเห็น..นักเขียนนวนิยาย หนังสือ หรือ นักเขียนบทภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับนานาชาติ จากการบ่มเพาะด้วยความรักและมือทั้งสองของเราเอง...

นางสาว วริษา ตยางคนนท์

โห อ่านเป็นภาษาอังกฤษอะ

สุดยอดเลย

เป็นการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่ดีมากเลย

ให้ทั้งประโยชน์ทางด้านการอ่านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษให้เก่ง

รวมถึงการได้รับความเพลิดเพลินในการอ่านอีกด้วย

ถือว่าเป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากเลย

ฟ้่าาา

เ้ค้าอ่านน

เพิ่งซื้อเล่มหนึ่งภาคภาษาอังกิด

อ่านนานแระไม่จบซักที

คิดถึงๆๆ

สมัยรุ่นๆ สัก 20 ปีs ago

ลุงอ่าน student weekly

ขยันอ่านได้สักปีเดียว

เงินหมด ไม่มีตังค์ซื้ออ่าน

แต่ทำให้เรามีความภูมิใจกับสิ่งที่เราอ่านแล้วเข้าใจ

ทั้งๆที่ยังเด็กอยู่

เก่งมากจ๊ะ

อ่านภาษาอังกฤษ

คือ เราไม่มีปัญญาอ่านแล้วเข้าจัย

ขออ่านภาษาไทยดีก่า

อิอิได้ ฟิลลิ่ง

เพิ่งรู้ว่าแฮรี่ พอตเตอร์ก็มีดีนะเนี้ย (เรานึกว่าแค่นียายเด็กๆ อ่านหนุกหนานไปวันๆ)

นอกจากจะสนุกแล้ว

ยังได้ประโยชน์เรื่องภาษาด้วยนะเนี่ยยย

ดีจัง

มีคนบอกเราเหมือนกันว่าใหพัฒนาภาษาจากการอ่านหรือดูสิ่งที่เราชอบ

แจนก้ออยากจะทำหลายทีละนะ

แต่แบบว่าทำไปสักพักก้อเริ่มขี้เกียจ

ฮ่าๆๆ

เป็น original การพัฒนาภาษาอังกฤษเลยครับ

แต่ถึงหลายคนจะรู้ แต่วิธีนี้ต้องบวกความขยันอย่างมากครับ

พยายามเข้านะครับ

อดทน สู้ๆ ครับ

*

กรี๊ดๆ

สาวกแฮรี่ !

เคยพยายามจะอ่านสปอย

ที่เปนอิ๊งแล้ว แต่ก้ไม่ประสบความสำเร็จ

ต้องขอโค้งให้กับความตั้งใจของฟ้าอย่างแรง ^^

เค้าว่าได้เยอะจริงๆนะเรื่องภาษากับวัฒนธรรม

แล้วยังมีขนมแปลกๆอีก ศัพท์ในแฮร์รี่อะมีประโยชน์จริงๆนะ

มันก็เปลี่ยนพื้นฐานความรู้ได้นะ

ว้าว เค้าก็เคยอ่านนะแต่อ่านไม่จบเล่มอะ

เค้าไปดูหนังเอา แต่ก็เป็นเรื่องที่สนุกมากๆนะ

เห็นตั้งแต่เด็กๆจนโตมาขนาดนี้แล้ว

ยังมีให้ติดตามเรื่อยๆๆ

เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาดูบล็อกที่ฟ้าทำ ความรู้สึกครั้งแรกที่เข้ามาคิดว่าไม่ต่างจากตอนเข้า hi5 สกินที่ฟ้าใช้ยังคงดูเรียบง่ายสบายตา สำหรับพี่การอ่านไม่เคยเปลียนแปลงชีวิต (จะเปลี่ยนก็คงเป็นเกรด) แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกแล้วเหมือนกันว่ามันเปลี่ยนได้มากกว่านั้น แต่ก่อนพี่ไม่เคยคิดอยากอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเลย textbook ที่อาจารย์แนะนำก็ไม่เคยหามาอ่าน จนตอนนี้เริ่มรู้สึกว่ามันสำคัญ เพราะอ่านหนังสือภาษาไทยไม่รู้เรื่อง อ.สอนก็ไม่รู้เรื่อง textbook เลยเป็นตัวเลือกสุดท้าย ครั้งแรกที่เปิดอ่าน=>"โอ้!!! อะไรกันนี่!!!" ทำไมมันเข้าใจยากอย่างนี้ นั่นเป็นความรู้สึกแรกที่พี่เริ่มอ่าน textbook แต่อย่างว่าและเนอะ การที่เราเพิ่งได้เริ่มทำอะไรครั้งแรกจะให้มันดีอย่างที่ตั้งใจคงยาก คิดได้อย่างนี้ก็เลยลองพยายามอ่านต่อไป คำไหนไม่เข้าใจก็เปิด เปิดมันทุกคำ ไม่เว้นแม้กระทั่งคำง่าย ๆ สิ่งที่ได้ก็คือ => "^^ เริ่มเข้าใจละ" ยอมรับว่าเสียเวลาอยู่นานกว่าจะผ่านไปแต่ละหน้า แต่พอได้อ่านบ่อย ๆ =>"เออ ม้นเริ่มไปได้เร็วขึ้นแล้ว" เพราะคำที่เจอส่วนมากก็จะเป็นคำเดิม ๆ อีกอย่าง textbook มีความสมบูรณ์ของเนื้อหามากและข้อผิดพลาดน้อย เราเลยไม่ต้องเสียเวลาถามเพื่อนถามอาจารย์ อะเค เม้นมายาวมากแล้ว คิดว่าคงไว้แค่นี้ก่อน มีโอกาสจะเข้ามาเยี่ยมชมใหม่นะครับ ^^ นี่

อิิอิ เค้าก็ไม่ได้อ่านเล่มห้าเป็นภาษาอังกฤษ ตอนแรกซื้อมาตอนนั้นอยู่เมืองไทย แล้วอ่านไม่รู้เรื่องก็ล้มเลิก รอภาษาไทยออกแล้วก็อ่านภาษาไทย แต่พอไปอเมริกา ก็ได้อ่านเป็นภาษาอังกฤษจริงๆ สรุปว่าเล่มภาษาอังกฤษที่ซื้อมาของตัวเองยังไม่ได้อ่านเลย อ่านแต่ของห้องสมุดโรงเีรียนที่นู่น ฮ่าๆๆๆๆ

อื้มม

อ่าน harry ภาษาอังกฤษด้วย

เก่งจัง

สู้ๆนะครับ

แหม สุดยอดเลย

ประเดิมด้วยแฮรี่ 555+

พยายามมากเลยนะ ถึงจะบอกว่าขี้เกียจแปลแล้วก็เถอะ(แต่ก็ยังอ่านได้จนจบนี่นา)

โย๋ก็ชอบอ่านหนังสือมากๆ พวกที่ไม่ใช่หนังสือเรียนน่ะ -.,-

มีหนังสือที่ชอบเยอะแยะ ไว้สอบเสร็จมาเปลี่ยนกันอ่านนะจ๊ะ

เราก็เคยอ่านนะ

แต่อ่านภาษาไทย อิอิ

สู้ๆ นะ

^^

เค้าก็อ่านนะ แต่อ่านไปอ่านมาเริ่มเมื่อย

เยอะเกินไป หลายภาคเกิน

โอ้ แฮรรี่ เค้าก็ชอบอ่าน สนุกๆๆ^^

เอิงไม่เคยอ่านหนังสืออ่ะ ดูแต่หนังแล้วมานก็ลืมภาคก่อนๆฮ่าๆ แบบว่ากว่าจะออกมาแต่ละภาค อิอิ

ดีจังเลย

อ่านเป็นภาษาอังกฤษด้วย

ดีดี

น่าเป็ฯตัวอย่างให้เยาวชนคนรุ่นหลัง

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เราชอบอ่านมากเรื่องหนึ่งจากหลายเรื่องเลยล่ะฟ้า

เพราะว่านอกจากความสนุกสนาน ตื่นเต้น น่าติดตาม ของเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนได้เขียนไว้เป็นอย่างดีแล้ว

เนื้อเรื่องยังแทรกข้อคิดไว้มากมายเลย

เช่น ความรัก มิตรภาพระหว่างเพื่อน

เป็นหนังสือที่ดีจริงๆ เลยล่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท