หนังสือพิมพ์ มติชน ปีที่ 32 ฉบับที่ 11476 , หน้า 22
นายวิทยากร เชียงกูล คณะบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เสนอผลการวิจัยเรื่องสภาวะการศึกษาไทยปี 2551/2552 ตกต่ำ เด็กออกกลางคัน 50 % ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะเถียงว่าไม่จริง แต่จากข้อมูลแรงงาน 54.2% เรียนแค่ระดับประถมและต่ำกว่า เนื่องจากผลิตคนไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและผู้จบประถมว่างงานน้อยเพราะไม่ค่อยเลือกงานเมื่อแรงงานส่วนใหญ่มีการศึกษาน้อยจะแข่งขันกับใครได้
จากปัญหาดังกล่าวเมื่อมองมาที่นโยบายเรียนฟรี ๑๕ ปี ของรัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งของกระทรางศึกษาธิการที่ต้องการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยการมุ่งเน้นให้นักเรียนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ตามรายการที่ภาครัฐให้การสนับสนุน ซึ่งองค์กรหรือโรงเรียนทุกโรงเรียนก้ได้ให้ความร่วมมือในการดำเนินการในขั้นปฏิบัติตามนโยบาย โดยงบประมาณโอนเข้าบัญชีเงินฝากของสถานศึกษาทุกแห่ง เพื่อนำเงินมอบให้กับผู้ปกครองนักเรียนโดยตรงและการสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานศึกษาแต่ละแห่งว่าจะสามารถวางแผนงาน วางโครงการหรือจัดกิจกรรมสนองนโยบาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากน้อยเพียงใด
หากมองในด้านตัวแบบ ทางทฤษฎีในการนำนโยบายไปปฏิบัติ นโยบายดูจะมีประสิทธิภาพในการวางแผนและการควบคุม เอื้อต่อการปฏิบัติตามนโยบายขององค์กรหรือหน่วยงานสถานศึกษาด้วยหลักการที่ชัดเจนซึ่งทั้งนี้ยอมขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำของผู้บริหารและความร่วมมือของสมาชิกในองค์ในขั้นปฏิบัติ และการเมืองซึ่งดูเหมือนจะมีอิทธิพลไม่มากนัก เพราะนโยบายถึงผู้รับบริการระดับล่างโดยตรง(ประชาชน,นักเรียน) ผ่านการบริหารงานของสถานศึกษา และเกิดผลในด้านความพึงพอใจ
แต่หากประเมินความสำเร็จของนโยบายต้องมองไปถึงความสำเร็จที่แท้จริงของนโยบายหรือผลสำเร็จที่เป็นผลรวมของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศนั้น หมายถึงรัฐต้องมีนโยบายตัวอื่นมารองรับ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิรูปการศึกษาที่ครบวงจรในทุกมิติ
ไม่มีความเห็น