คุยกันเรื่องสอบ mid block MCQ 49 ข้อ, final block 2 MEQ 4 ข้อ, MCQ 80 ข้อ, lab 20 ข้อ
ส่วนใหญ่ตก มีผ่านเฉียดฉิว คน คือ ปั๊ม ส้มโอ ขิม เพชร
ให้นศ.ทุกคนเขียนวิจารณ์เกี่ยวกับข้อสอบ ทั้งตัวเนื้อหา ภาษาที่ใช้ ความหมายของคำถาม ความเข้าใจของโจทย์
Mid block 2
- อ่านข้อสอบที่เป็นภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ
- ขอบเขตเนื้อหาดี คลอบคลุมที่เรียน แต่ค่อนข้างยากต้องอาศัยความจำมาก
- ไม่รู้ว่าจะต้องจำอะไรบ้าง บางอย่างก็สำคัญ บางอย่างก็จำเป็นเพราะข้อสอบออก
- มีชื่อยาที่ต้องจำมาก
- บางอย่างไม่ได้สอนแต่ก็ออกข้อสอบ ต้องหาอ่านเอง
- เวลาน้อยเกินไป
- ข้อสอบน้อย แต่คะแนนมาก 49 ข้อ 100 คะแนน
- ออกละเอียดมากในบางเรื่อง
- ออกข้อสอบเนื้อหาไม่คลอบคลุมทั้งหมด เน้นเฉพาะบางจุด ออกละเอียด
- เวลาพอดี เหมาะสมแล้ว
- มี SDL มาออกด้วย
- อ่านหนังสือมาไม่ตรงกับคำถามในข้อสอบ
- ข้อสอบไม่ตรงโพย
- ออก SDL เยอะ ต้องอ่านมากหลายเรื่อง
- คะแนนข้อสอบต่อข้อมาก.........ผิดแล้ว เสียคะแนนมาก
- ทำไม่ค่อยทัน
- เน้นความเข้าใจมากกว่าจำ
- ง่ายกว่า final
- เวลา เนื้อหา ความยากง่าย ความครอบคลุม เหมาะสมแล้ว
สอบ final block 2
- SDL ออกเยอะมาก ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้สอนและไม่ได้เรียน
- ควรจะออกข้อสอบแบบวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนมากกว่ามาวัดว่าใครจำได้มากกว่าใคร
- MEQ OSPE ดีแล้ว
- ข้อสอบมาก เนื้อหาเยอะ
- อ่านหนังสือไม่ทัน
- เนื้อหาครอบคลุมดี
- คำถามไม่ชัดเจนว่าต้องการจะให้ตอบอะไร
- เวลาเหมาะสมดี
- SDL เยอะมากๆ
- คะแนนต่อข้อน้อยมาก
- เวลาน้อย
- ข้อสอบยาก และละเอียดมากๆ
- เหมือนวัดดวงว่าใครจะอ่านตรงกับข้อสอบ เดาใจข้อสอบไม่ถูก
- พยาธิตัวตืด..........ไม่สอน ไม่มีใน SDL แต่เอามาออกข้อสอบ
- ต้องแข่งกับเวลา
- ชื่อยา ชื่อเชื้อที่ต้องจำมีเยอะมากๆๆๆ
- เวลาเตรียมตัวอ่านหนังสือไม่พอ ขาดเวลาในการทำความเข้าใจ วิเคราะห์ความรู้ที่ได้เรียนมา
- เอกสารประกอบคำสอน ชั่วโมงสอน 1 block 35 lectures เนื้อหาเยอะมากๆ แต่เวลาน้อยมีจำกัด การจัดตารางเรียนไม่เหมาะสม ทุกเรื่องสำคัญและต้องรู้หมด
- ต้องการอาจารย์คุม lab มากกว่านี้
- เรียนแบบ PBL แต่สอบเน้นท่องจำ ไม่ได้วิเคราะห์ หรือคิด
- ข้อสอบ หนึ่งข้อวัดหลายเรื่อง แตกต่างกัน
- เรียนเสร็จทำ PBL เลย ไม่ทันมีความรู้ไปอภิปรายกับเพื่อน
- ข้อสอบ วัดความรู้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์มาก
- ข้อสอบบางข้อโจทย์ไม่ครบ
- เนื้อหา SDL PBL ไม่รู้จะไปตรวจสอบความถูกต้องจากหนังสือเล่มไหน อาจารย์ผู้คุม PBL ก็ให้ความเห็นไม่ได้ บางครั้งทำให้สับสนมากขึ้น
- หนังสือที่แนะนำมีไม่พอในห้องสมุด ed เก่า ไม่รู้จะเชื่อเล่มไหนดี
- สมมติฐานที่คิดมา ไม่มีเขียนในหนังสือ.............คิดได้ ไม่รู้เชื่อได้มั้ย
- คำถามไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าต้องตอบมาก และลึกแค่ไหน
สรุป มีความเห็นต่อทั้งตัวข้อสอบ เนื้อหา ความครอบคลุม ความเหมาะสมของข้อสอบและเวลา ค่อนข้างหลากหลาย แตกต่างกัน ดังนั้นตัวแปรของ นศ.เองจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะบอกได้ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับข้อสอบ ถ้าใครมีความรู้ อ่านข้อสอบเข้าใจคำถาม เข้าใจภาษาอังกฤษ รู้คำตอบ ทำได้ ก็จะเห็นว่าข้อสอบนี้ดีแล้ว เหมาะสมแล้ว ถ้าทำไม่ได้ก็แสดงว่าข้อสอบมีปัญหา อย่างไรก็ตามตัวข้อสอบเองก็ต้องถูกประเมินหลังจากถูกนำไปใช้ด้วยเหมือนกัน ว่าดีจริงหรือไม่ วัดความรู้ได้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่อยากจะวัดจาก นศ.ได้ตรงหรือไม่......มีความถูกต้อง แม่นยำในการวัด ตั้งคำถามได้ชัดเจน โจทย์ไม่คลุมเครือจนทำให้นศ.เกิดความสับสน หรือเกิดความไขว้เขว จนตอบไม่ตรงกับคำตอบที่เฉลยหรือไม่ นอกจากนั้นข้อสอบที่ดีต้องมีความเที่ยงตรง ใช้ทดสอบทุกครั้งก็ควรแยกเด็กที่เก่งมาก เก่งปานกลาง และไม่เก่งได้ สำหรับ นศ.ควรมองการสอบว่าเป็นการประเมินตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ก็จะได้ปรับปรุงตัว หาจุดบกพร่องของตัวเองว่าอยู่ที่ตรงไหน หาวิธีพัฒนาตนเอง ทำให้เรียนและรู้อย่างเข้าใจมากขึ้น คะแนนไม่ใช่จุดตัดว่าใครดีและเก่งกว่าใคร แต่น่าจะเป็นตัวทำให้เราต้องแข่งกับตัวเองในการปรับปรุงและพัฒนาตน
ไม่มีความเห็น