หลังจากลงเวรดึก ฉันขับรถออกจากโรงพยาบาลด้วยหัวใจที่เอมอิ่ม ผ่านสองข้างทางที่เต็มไปด้วยทุ่งนา ต้นไม้ที่ดูร่มรื่น เป็นแนวขนานกับลำคลองที่มีน้ำเต็มเปี่ยม เด็ก 4-5 คน กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ฉันมองเด็กเล่นน้ำอย่างเพลิดเพลิน พลางนึกในใจว่าบรรยากาศแบบนี้เองที่เรียกว่าชนบท ซึ่งคนในเมืองไม่ค่อยเจอะเจอ ฉันโชคดีที่ได้เกิดและเติบโตในชนบทแห่งนี้
ฉันขับรถไปเรื่อย ๆ มาถึงจุดหมายปลายทางที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ของการมาเยี่ยมอาการผู้ป่วยในความดูแลของฉัน “ยายบุญรอด” ฉันตะโกนเรียก ป้าโลมลูกสาวของยาย พร้อมเดินเข้าไปในบ้านทรงไทย 2 ชั้น ใต้ถุนสูง ใต้ถุนบ้านจัดข้าวของไว้เป็นระเบียบ มีลมพัดเบา ๆ สัมผัสที่แขนของฉัน ป้าโลมออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ฉันถามหายายบุญรอด พร้อมสอดส่ายสายตามองหา
“แม่นอนในห้องวันนี้ไม่ได้พาออกมานั่งเล่นข้างนอก”ป้าโลมบอกฉันเดินเข้าไปหายายรอดในห้องยายนอนหลับสนิท ใบหน้าทาด้วยแป้งขาวนวล ผมถูกหวีไว้อย่างเป็นระเบียบ จมูกมีสายยางสำหรับให้อาหารคาไว้มองดูสะอาด บ่งบอกถึงการให้อาหารอย่างถูกวิธี บริเวณคอใส่ท่อช่วยหายใจไว้ ผ้าก๊อสดูสะอาดตา แสดงถึงความดูแลเอาใจใส่ของผู้ดูแล เสื้อผ้าส่งกลิ่นหอมของผงซักฟอก ฉันยืนมองยายอยู่พักใหญ่ ยายนอนหลับสนิททีเดียวใบหน้ามีรอยยิ้ม เสียงป้าโลมที่แอบมายืนข้างหลังของฉันเมื่อใดฉันไม่ทันรู้ตัวดังขึ้น
“แม่เพิ่งจะหลับไปเมื่อกี้นี้เอง เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาฉันเช็ดตัวให้แก เปลี่ยนผ้าก๊อส เอาท่อไปต้มและให้อาหารทางสายยางแม่กินได้หมดเลย คุยกับฉันได้มากขึ้น ฉันรู้สึกดีที่แม่ดีขึ้นขนาดนี้” ฉันยิ้มและรู้สึกอิ่มเอิบใจอย่างบอกไม่ถูกที่ครอบครัวของยาย สามารถดูแลยายได้เป็นอย่างดี จากที่ฉันประเมินได้ด้วยสายตาและความรู้สึกที่ฉันสัมผัสได้ ฉันสัมผัสร่างกายของยายเบา ๆ อย่างอ่อนโยน เพราะกลัวจะรบกวนเวลาพักผ่อนของยาย เดินออกจากห้องนั่งคุยกับป้าโลม
“ไม่มีปัญหาใดในการดูแลยาย ลูก ๆ ทุกคน สามารถผลัดเปลี่ยนดูแลยายได้” ป้าโลมบอก ฉันสบายใจที่ญาติดูแลผู้ป่วยได้ดี นั่งคุยกับป้าโลมอีกพักใหญ่จึงขอตัวลากลับ
ขณะฉันขับรถกลับบ้าน ฉันย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 3 เดือนก่อน ฉันได้รับมอบหมายให้ไปรับผู้ป่วยกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลบ้านลาด เมื่อรถ Ambulance มาจอดตรงหน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระจอมเกล้า ผู้ช่วยเหลือคนไข้ นำเปลนอนพร้อมถังออกซิเจน ส่งผู้ป่วยขึ้นรถ ฉันเห็นผู้ป่วย มีสีหน้าซีดเซียว ผิวขาวมีจุดกระทั่วแขน ผมสีขาว ท่าทางอ่อนเพลีย ใส่สายให้อาหารทางจมูก เจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจไว้ และตรงจมูกก็ใส่สายออกซิเจนไว้ เมื่อพาผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลบ้านลาด ขณะผู้ช่วยเหลือคนไข้ เข็นเปลเข้าห้องฉุกเฉิน แกไอติด ๆ กันหลายครั้ง คิ้วขมวด หายใจถี่ขึ้น มีเหงื่อซึมบริเวณใบหน้า เสียงเสมหะดังครืดคราดในคอ พยาบาลบอกผู้ช่วยเหลือคนไข้ให้รีบเข็นผู้ป่วยเร็ว ๆ และรีบใช้เครื่องดูด ดูดเสมหะให้แกเริ่มหายใจช้าลง วัดปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือดได้ 96% หลังจากนั้น แพทย์มาตรวจเยี่ยมอาการและให้นอนพักรักษาตัวไว้ในโรงพยาบาล
ในวันรุ่งขึ้น ฉันขึ้นปฏิบัติงาน ทางด้านผู้ป่วยหญิง มีผู้ป่วยนอนอยู่ทุกเตียงญาติผู้ป่วย 4 คนกำลังนั่งรับประทานอาหารบริเวณระเบียง ดิฉันและเพื่อนพยาบาลคนอื่น ๆ เดินทักทายผู้ป่วยไปทีละเตียง ฉันเห็นหญิงชราวัย 80 ปี นอนลืมตาอยู่บนเตียง ฉันจำได้ว่าแกคือยายรอดที่รถ Ambulance รับกลับมาจากโรงพยาบาลประจำจังหวัดนั่นเอง หน้าตาแกยังดูซีดเซียว
“ยายบุญรอด เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ” ฉันเรียกชื่อทักทายพร้อมกับใช้มือแตะแขนแกเบา ๆ ยายบุญรอดกระพริบตาถี่ ๆ มีน้ำตาคลอเบ้า อ้าปากจะพูด แต่ไม่มีเสียง เนื่องจากแกเจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจไว้ ลูกสาว 2 คนนั่งอยู่ข้าง ๆ เตียง มองหน้าแม่ น้ำตาคลอเบ้า
“ท่อช่วยหายใจนี่จะเอาออกได้เมื่อไร สงสารแม่ แม่เป็นคนพูดเก่ง กินเก่ง ทุกครั้งที่อยู่กับแม่ ทำให้ฉันคลายเหงาได้ แต่คราวนี้ ฉันไม่ได้ยินเสียงของแม่มานานแล้ว” ลูกสาวยายรอดถาม
“แม่เป็นเบาหวานมา 10 ปี รักษาโดยการฉีดยาและกินยา บ่อยครั้งที่พบแม่นอนเหงื่อออก ตัวเย็น ฉันจะให้แม่กินน้ำตาล และพามานอนโรงพยาบาล นอนอยู่โรงพยาบาล 2-3 วันก็กลับบ้านได้ แต่ครั้งนี้ ฉันพบแม่นอนซึม เหงื่อออก ตัวเย็น ฉันก็พามาโรงพยาบาล และก็เหมือนทุกครั้งคือ นอนตึกผู้ป่วยใน แต่มานอนได้ 2 ชั่วโมง แม่เริ่มซึมลงอีกเรียกไม่รู้ตัว คุณหมอบอกว่าความดันโลหิตต่ำ จำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เมื่อไปถึงคุณหมอให้นอนห้องผู้ป่วยหนัก และต้องเจาะคอเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ เพราะแม่หายใจเองไม่ได้ นอนอยู่ 1เดือนก็ส่งตัวกลับมารักษาต่อที่นี่อีก ฉันไม่รู้ว่าจะดูแลแม่อย่างไร มีทั้งสายสำหรับให้อาหาร และยังมีท่อที่เจาะคออีก” ลูกสาวอีกคนหนึ่งบอก เมื่อพูดจบเธอทำท่าจะร้องไห้
“ คนเราต้องมีการเรียนรู้ ถ้าเราคิดจะทำอะไร ก็ไม่มีอะไรยากเกินไปหรอกจ๊ะ หมอว่าเราเริ่มเรียนรู้กันวันนี้เลยดีกว่า แต่หมอขอตัวไปตรวจเยี่ยมอาการผู้ป่วยเตียงอื่นก่อนนะ” ฉันให้กำลังใจ จากนั้น ฉันจึงเดินไปดูผู้ป่วยเตียงอื่น ๆ พร้อมกับทีมพยาบาลด้วยกัน
ในวันนั้นฉันก็เริ่มให้ลูกของยายรอดซึ่งทราบชื่อภายหลังว่า ป้าโลม เรียนรู้วิธีการดูแลความสะอาดร่างกาย การให้อาหารทางสายยาง และส่งป้าโลมไปดูวิธีการทำอาหารปั่นจากพยาบาลโภชนาการประจำโรงพยาบาล จากการประเมินเบื้องต้น ป้าโลม สามารถทำได้บ้างแต่ยังไม่คล่องนัก เพราะได้รับการสอนจากโรงพยาบาลประจำจังหวัดบ้างแล้ว แต่ป้าโลม ไม่เคยย่อท้อฝึกปฏิบัติจนคล่องตัว เพราะสอบถามจากเวรบ่าย ป้าโลมสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องทุกครั้ง
ในช่วงของเวรดึกฉันได้ขึ้นปฏิบัติงานอีกครั้ง ฉันได้ดูแลยายรอด ในเวรดึกนี้ฉันได้สอนให้ป้าโลมถอดท่อตัวในของท่อช่วยหายใจ มาทำความสะอาด และวิธีการดูแลท่อช่วยหายใจ ป้าโลมสามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง และฉันได้ส่งต่อให้เวรเช้าช่วยทบทวนความรู้และทักษะการดูแลอีกครั้ง
หลังจากนั้น 3 วัน แพทย์บอกว่าจะให้ยายรอดกลับบ้าน เนื่องจากอาการของแกดีขึ้น ญาติสามารถให้อาหารทางสายยางได้ และดูแลท่อช่วยหายใจได้ เวลาบ่ายฉันเห็นยายบุญรอดนอนอยู่บนเตียง สีหน้าดูสดใส เมื่อแกเห็นฉันแกก็ยิ้มให้ ลูกสาว 2 คนกำลังช่วยกันเก็บของ สีหน้ายิ้มแย้ม พูดคุยกันสลับกับหัวเราะเป็นระยะ ๆ
“แกดีใจที่จะได้กลับบ้าน ไม่ได้นอนบ้านมา 1 เดือน ครึ่ง แล้ว” ลูกสาวคนหนึ่งบอก
“แล้วป้าล่ะ พร้อมที่จะกลับไปดูแลยายไหมจ๊ะ” ฉันถามสารทุกข์สุขดิบ และขอความมั่นใจลูกสาว 2 คน หันมายิ้ม “พร้อมจ้า สบายมาก” เสียงทั้งสองคนตอบเกือบพร้อมกัน ฉันหันไปมองพร้อมยิ้มสบตากับยายรอด แกยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นโบกไปมาช้า ๆ
ในใจของฉันไม่ได้คิดจะหยุดดูแลยายรอดเฉพาะที่โรงพยาบาล วางแผนจะไปเยี่ยมแกที่บ้านจนกว่าจะแน่ใจว่าที่บ้านลูก ๆ สามารถสามารถดูแลยายรอดได้เป็นอย่างดี ฉันได้ไปเยี่ยมยายรอดอีก 3 ครั้ง ทุกครั้งที่ฉันพบลูก ๆ สามารถดูแลยายได้ดี แต่ฉันก็มาเยี่ยมแกอีกจนได้ เป็นครั้งที่ 4 เพราะความผูกพันที่ฉันจะดูแลผู้ป่วยของฉันให้ดีที่สุด ครั้งนี้ ฉันแน่ใจแล้วว่า การได้รับการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวเป็นอย่างดี เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ผู้ป่วยปลอดภัยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน ไม่ต้องมานอนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็นอีก ฉันมั่นใจ
ฉันขับรถไปเรื่อย ๆ ตามทางถึงบ้านโดยที่ฉันไม่ทันรู้ตัว ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้วจึงล้มตัวลงนอน นึกในใจว่าการช่วยเหลือผู้ป่วยคนหนึ่งให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ก็ทำให้ชีวิตของเรามีความสุขได้ ฉันนอนคิดจนเผลอหลับไป ในฝันฉันมีความสุขที่สุด รอยยิ้มปรากฏขึ้นมุมปาก หากใครโผล่เข้ามาเห็นคงล้อฉันสนุกปากแน่ คนอะไรหลับยังยิ้ม
ไม่มีความเห็น