จากการสำรวจของสภาการพยาบาลแห่งประเทศไทยเมื่อ 2549 พบว่าพยาบาลร้อยละ 20 ที่มีการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และร้อยละ 5 ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ซึ่งนับว่าน้อยมากสำหรับประชากรพยาบาลจำนวน 120,000 คนทั่วประเทศ
หากมองว่างานการพยาบาลเป็นการทำงานในระดับวิชาชีพ (Professional) ที่จะปฏิบัติงานได้ก็ต่อเมื่อได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ การศึกษาในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรียิ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาวิชาชีพและตนเองอย่างยิ่ง ในต่างประเทศมีการจัดระดับของอาชีพที่มีความเหมาะสมที่จะเรียกตนเองว่า "วิชาชีพ" ว่าจะต้องเป็นงานที่มีการผลิตผลงานวิชาการหรือใช้องค์ความรู้ในการพัฒนางานร้อยละ 50-75 ของลักษณะงานทั้งหมด
พยาบาลก็ต้องหันมาดูว่าตนเองได้พัฒนาความรู้ทางวิชาการเพียงพอที่จะเรียกตนเองว่า "วิชาชีพ" หรือไม่ หากพิจารณาโดยปราศจากอคติแล้วจะพบว่าพยาบาลประจำการส่วนใหญ่มักพึงพอใจที่จะปฏิบัติงานประจำ (routine) ส่วนใหญ่ก็สามารถปฏิบัติงานได้อย่างดีและมีประสิทธิ แง่ดีก็คือเป็นการพัฒนาทักษะด้าน Tacit knowledge ข้อจำกัดคือการสร้างงานด้วยวิชาการที่ก้าวหน้าอาจทำได้ไม่ดีพอ สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือโลกของวิชาการได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆมาสนับสนุนให้งานเพิ่มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หากพยาบาลยังย่ำอยู่กับที่ ก็คงมีแต่ "ทรง กับ ทรุด" ไปตามกาลเวลา
การศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นจึงมีความจำเป็นสำหรับการพัฒนาวิชาชีพของพยาบาล อย่ามัวรังเกียจคนที่จบ ป.โท หรือ ป.เอก อยู่เลย เมื่อตนเองมีการพัฒนาย่อมส่งผลดีต่อการพัฒนาปฏิบัติการพยาบาลให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันจะเห็นว่างานพยาบาลขับเคลื่อนพัฒนาตามวิชาชีพแพทย์มากกว่าที่จะพัฒนาด้วยศาสตร์ของตนเอง ทำให้บทบาททางสังคมของพยาบาลไม่ชัดเจน จนดูเหมือนว่าเป็นวิชาชีพที่แฝงอยู่กับวิชาชีพแพทย์มากเกินไป
มีผู้บริหารพยาบาลบางคนกล่าวว่า "พยาบาลน่ะ จบแค่ปริญญาตรีก็เพียงพอแล้ว เรียนสูงๆมาทำไม เราเน้นบริการคนไข้" ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลจากพยาบาลทุกระดับการศึกษา อย่าตัดสินใจแทนผู้ป่วยเลย ถามว่า หากผู้ป่วยได้รับบริการจากพยาบาลที่มีความรู้ที่ลึกซึ้ง ทันสมัย และมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล จะไม่เป็นผลดีต่อผู้รับบริการหรอกหรือ คุณสมบัติเหล่านั้นเป็นสิ่งที่พยาบาลจะได้รับการสั่งสอนอบรมจากการศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา
มีคำกล่าวว่า "ผู้ที่มีความรู้คู่การปฏิบัติที่ดี ควรเป็นผู้ที่ได้อยู่ใกล้ชิดประชาชน"
จึงขอวิงวอนเพื่อนพยาบาลทั่วประเทศ ให้ปรับมุมมองเกี่ยวกับการศึกษาต่อเสียใหม่ การใช้เวลา 1-2 ปี เพื่อพัฒนาความรู้ของตน ไม่ทำให้เสียเวลาหรือเสียค่าใช้จ่ายมากมายอย่างที่กังวล แม้การเรียนจะยากลำบากบ้าง แต่ผลของมันหวานชื่นเสมอ การศึกษาถือเป็นคุณูปการต่อตัวเราเอง ต่อวิชาชีพพยาบาล และส่งผลดีต่อผู้ป่วยที่เราดูแล ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น