จากประสบการณ์การนิเทศนักศึกษาพยาบาล ที่ขึ้นฝึกภาคปฏิบัติ วิชาการพยาบาลมารดาทารกและ
การผดุงครรภ์ 1 ในแผนกฝากครรภ์ที่ผ่านมา พบว่า หลายครั้งที่นักศึกษาผ่านการฝึกภาคปฏิบัติมาแล้ว ไม่
สามารถบอกได้ว่า หญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ ต้องตรวจ Lab อะไรบ้างและ Lab แต่ละตัวที่ตรวจเรียกว่า
อะไร การแปลผลเป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น นักศึกษาอาจบอกได้ว่าต้องตรวจเรื่องไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่
สามารถบอกได้ว่าตรวจไวรัสบีนั้นก็เจาะ Lab คือเจาะหาอะไร ผลที่ได้รายงานว่าอย่างไร (ตรวจตับอักเสบบี
คือตรวจ HBsAg ส่วนผลการรายงาน จะบอกเป็น positive หรือ Negative นักศึกษามักจะบอกได้แต่ว่าผลปกติ หรือผิดปกติ โดยไม่สามารถบอกได้ว่าปกติคืออะไร ผิดปกติคืออะไร หรือในบางครั้งก็บอกมาแบบ
ผิด ๆ เช่น แทนที่จะบอกว่าปกติ คือ Negative ก็บอกว่า Non reaetive เช่นนี้เป็นต้น เมื่อพบปัญหาเช่นนี้มา
บ่อยๆ จึงพยายามคิดหากลยุทธ์ในการที่จะให้นักศึกษาได้เรียนรู้และจำให้ได้ว่า
1. การตรวจเลือดในหญิงตั้งครรภ์ต้องตรวจหาอะไรบ้าง
2. Lab แต่ละตัวตรวจหาอะไร
3. การอ่านผลการรายงานและแปลได้ถูกต้อง
ในที่สุดจึงได้ลองใช้กลยุทธ์ ก็คือ นักศึกษาทุกคนที่มาฝึกตรวจครรภ์จะต้องรายงานรายละเอียด
เกี่ยวกับผลการตรวจครรภ์ของคนไข้ของตัวเอง โดยให้นักศึกษาอ่าน Lab ทุกตัวและผลการตรวจให้ถูกต้อง
ใน 2-3 case แรกที่นักศึกษาฝึกตรวจ แล้วหลังจากใน case ต่อ ๆ ไป จึงให้ใช้วิธีการสรุปว่าผล Lab มีค่าใดที่ผิดปกติหรือไม่ วิธีการนี้จะช่วยให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติอ่าน Lab ทุกตัวแทนที่จะใช้วิธีการรายงานที่รวบรัด
โดยที่นักศึกษาบางคนรายงาน Lab ปกติ แต่พอถูกย้อนถาม Lab ปกติคืออย่างไร มีอะไรบ้าง นักศึกษาจะตอบ
ไม่ได้ เราอาจยอมเสียเวลากับนักศึกษา 2-3 case แรก แต่จะได้ผลดี ตรงที่ว่านักศึกษาจะรู้ Lab ทุกตัวที่
ต้องตรวจ และสามารถอ่านผล Lab ได้ถูกต้อง
เล่าโดย อ.เพ็ญรุ่ง เกิดสุวรรณ
ภาควิชา การพยาบาลสูติศาสตร์
E-mail: Penrung [email protected]
ไม่มีความเห็น