เมื่อวันที่ 15-16 และ 22 กรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา ผมได้เข้ารับฝึกอบรมเรื่อง “กระบวนการแก้ปัญหา โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูล” ที่ สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี(ไทย-ญี่ปุ่น) โดย อาจารย์ ลักษณะ มานิตขจรกิจ อาจารย์พิเศษ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการอบรมดังกล่าวมีเรื่องที่ผมประทับใจและไม่ประทับใจหลายเรื่อง จึงนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ
เนื้อหาการอบรมใน 3 วันนี้ จะประกอบไปด้วยแนวคิดหลักการทั่วไปในการแก้ปัญหาและการใช้เครื่องมือทางสถิติมาช่วยในการแก้ปัญหา ซึ่งผมคิดว่า สิ่งที่ผมได้จากการฝึกอบรมครั้งนี้อย่างชัดเจนที่สุดคือแนวคิดหลักการพื้นฐานในการแก้ปัญหา ซึ่งจะสามารถนำไปใช้กับงานจริง ชีวิตจริงได้ต่อไป
เริ่มต้นการฝึกอบรมอาจารย์จะแนะนำให้รู้จักแนวคิดของกูรูต่างๆในการแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็น เรื่อง หลักการทั่วไปของการบริหารคุณภาพ การแก้ปัญหาด้วย 7 Step of QC Story ของ Dr. H. Kume หลักการของ Joiner 7 Step โดย Joiner Associates inc. การแก้ปัญหาด้วย QC 7 Step Problem Solving Formula Mr. Hozotani การแก้ปัญหาด้วย QC Story และขั้นตอนของ Procedure for Task-Achieving โดย Dr. Kano หลักการแก้ปัญหาด้วย 8D , Six Sigma และ_DISC โดย Juran แม้กระทั่งการแก้ปัญหาด้วยอริยสัจ 4 ของพระพุทธองค์ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งปวงส่วนใหญ่จะหนีไม่พ้นหลักการของ PDCA (Plan/ Do / Check / Action)
ในฐานะที่อาจารย์ได้คร่ำหวอด คลุกคลีอยู่กับวงการคุณภาพ วิศวกรรมอุตสาหการ มานาน ท่านจึงได้รวบรวมจุดเด่น ข้อดีของท่านผู้รู้อื่นๆ ตั้งเป็นทฤษฎีการแก้ปัญหาของท่านเองที่ผมคิดว่าเหมาะและตรงกับความเป็นไทยอย่างยิ่ง ท่านเรียกวิธีการแก้ปัญหานี้ว่า วิธีคิดการแก้ปัญหาแบบวิทยาศาสตร์ ด้วย “จตุรพิ” ซึ่งเป็นการบูรณาการแนวคิดของท่านผู้รู้ต่างๆ สรุปรวบยอดเป็นแนวคิดแบบไทยที่ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
วิธีคิดการแก้ปัญหาแบบวิทยาศาสตร์ ด้วย “จตุรพิ” แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนใหญ่ๆ ดังนี้
1. พินิจ
2. พิเคราะห์
3. พิจารณา
4. พิสูจน์
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนการแก้ปัญหาต้องมีการเลือก จำกัดขอบเขต ดูความเสถียรและจัดลำดับของปัญหาให้ดีเสียก่อน แล้วจึงนำมาแก้ด้วย “จตุรพิ” ดังกล่าว
การแก้ปัญหาด้วยขั้นตอน “จตุรพิ” นี้ ทำให้ผมได้มีความเข้าใจลึกซึ้งด้านภาษาไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งพบว่าเราใช้คำกับความหมายได้อย่างไม่ถูกต้องครบถ้วน เช่น คำว่า พินิจพิจารณา พิ (วิเคราะห์วิจารณ์) พินิจพิเคราะห์ เป็นต้น รายละเอียดวิธีการต่างๆ ผมจะได้เล่าให้ฟังในบันทึกหน้าครับ
ระยะเวลาการอบรมทั้ง 3 วันนี้ ผมคิดว่าผมได้รับความรู้ในเรื่องแนวคิดหลักการของการแก้ปัญหาได้มากพอสมควร แต่ในส่วนของการนำเครื่องทางด้านสถิติมาช่วยในการแก้ปัญหาผมคิดว่า ผมยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ในทัศนะของผมพิจารณาแล้วน่าจะเป็นสาเหตุมาจากพื้นฐานความรู้ของผู้เข้าฝึกอบรมเอง ระยะเวลาการอบรมที่น้อยเกินไป และเทคนิควิธีการถ่ายทอดความรู้ของวิทยากรที่เน้นการบรรยายเชิงวิชาการมากเกินไป ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าอบรมมากนัก น่าจะมีการถามคำถาม`Feedback เพื่อสอบถามความรู้ความเข้าใจกับผู้เข้าอบรมบ้าง
ไม่มีความเห็น