การดูแลสุนัขพันธ์ชิสุ
ลักษณะสายพันธ์
ชิสุ เป็นสุนัขขนาดเล็กในกลุ่มทอย (Toy Group) มีน้ำหนักประมาณ 4.5 - 7.5 กิโลกรัม (หรือราว 10 - 16 ปอนด์) ส่วนสูงประมาณ 25 - 27 ซม. (หรือราว 10 - 11 นิ้ว) เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีลักษณะนิสัย กล้าหาญ มีความตื่นตัว ขี้ประจบ มีความสง่าอยู่ในตัว เดินหน้าเชิด การย่างก้าวสง่าผ่าเผย นอกจากนี้ยังรักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคน ปรับตัวได้ดี และชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ กับเจ้าของในทุกเรื่อง แล้วก็ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน ข้อบกพร่องของสุนัขพันธุ์ชิสุที่จัดว่าร้ายแรงตามมาตรฐานของ AKC : American Kennel Club (สมาคมสุนัขแห่งสหรัฐอเมริกา) ที่ยอมรับกันทั่วโลก มีดังนี้
ข้อบกพร่องของสุนัขพันธ์ชิสุ
ข้อบกพร่องของสุนัขพันธุ์ชิสุที่จัดว่าร้ายแรงตามมาตรฐานของ
AKC : American Kennel Club (สมาคมสุนัขแห่งสหรัฐอเมริกา)
ที่ยอมรับกันทั่วโลก มีดังนี้
-
ศีรษะแคบเกินไป
-
ฟันบนเกยฟันล่าง
-
ขนสั้น หรือขนที่ได้รับการขลิบให้สั้น
-
จมูกหรือหนังบริเวณขอบตาสีชมพู
-
ดวงตามีขนาดเล็กหรือมีสีจาง
-
ขนบาง ไม่ดกหนา
-
มุมหักตรงช่วงรอยเชื่อมระหว่างจมูกและหน้าไม่เด่นชัด
อาหารและการเลี้ยงดู
อาหารที่เหมาะกับเจ้าชิสุสุดสวย
ควรเป็นอาหารเม็ดมากกว่าอาหารกระป๋อง เพราะสุนัขมีขนยาว
หากให้กินอาหารกระป๋องจะทำให้เลอะหนวดเครา เหม็นคาว
ทำให้ต้องทำความสะอาดกันทุกครั้งไป
และหากล้างออกไม่หมดก็จะกลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรค
อีกทั้งถ้าให้อาหารกระป๋องต้องใช้ให้หมดในคราวเดียว
ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อสุขภาพของสุนัขตัวโปรดของคุณได้
ดังนั้น ทางเลือกที่เหมาะที่สุดเห็นจะเป็นอาหารเม็ด ทั้งนี้
การเลือกซื้อควรเลือกประเภทสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก
โดยเลือกดูให้เหมาะกับช่วงวัย
เช่น ถ้าเป็นอาหารลูกสุนัข ข้างถุงจะพิมพ์ไว้ว่า
Puppy
มีโปรตีนมากกว่า
เม็ดจะเล็กกว่า และจะแพงกว่าอาหารสุนัขโตนิดหน่อย
ชิสุมีอายุค่อนข้างยืนยาวคือประมาณ
10-18
ปี ตามแต่ปัจจัยต่างๆ เช่น อาหาร
และการเลี้ยงดู โรคที่มักเกิดขึ้นกับชิสุคือโรคตาแห้ง โรคหูน้ำหนวก
หูอักเสบ
โดยเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาและหูของมันอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำ
ความสะอาดของมันโดยเฉพาะ โรคอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคนิ่ว
โรคไต
และไส้เลื่อน
ปกติชิสุจะเป็นมิตรกับคน นิ่งและดูสงบ
ดูจะเป็นสุนัขอารมณ์ศิลปินซะด้วย
หลายครั้งที่พบว่ามันจะไม่เชื่อฟังเราถ้ามันไม่อยากทำซะอย่าง
แต่อย่างไรก็ตามมันก็ชอบวิ่งและรักความสนุกซึ่งเจ้าของจำเป็นจะต้องพามันออก
ไปวิ่งออกกำลังกายบ้าง
ขนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความสวยงาม
โดยเฉพาะชิสุเป็นสุนัขพันธุ์ขนยาว ที่จะต้องดูแลมากเป็นพิเศษ
เนื่องจากมีขนเส้นเล็กและพันกันได้ง่าย
หากไม่รู้จักวิธีการรักษาขนให้ดี
ขนของเขาจะพันกันและมีโอกาสเป็นโรคผิวหนังได้ง่ายๆ
ทั้งนี้
การแปรงขนอย่างสม่ำเสมอทุกวันจะช่วยให้ผิวหนังและขนสะอาดเป็นเงางาม
เพราะมีการนวดให้ต่อมน้ำมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นผมได้มากขึ้น
ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพสมบูรณ์
และยังเป็นการช่วยขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังด้วย
ในขั้นแรกเราต้องแปรงขนสุนัขให้ทั่วก่อนอาบน้ำ เพื่อสางขนที่พันกันออกก่อน เพื่อที่เวลาอาบน้ำ ขนจะได้ไม่พันกัน ซึ่งจะแกะออกลำบาก จากนั้นก็ใช้กรรไกรตัดเล็บสุนัข ตัดเล็บเท้าทั้งสี่ข้างออกให้หมด และใช้แบตตาเลี่ยนไถขนไต้อุ้งเท้าออกทั้ง 4 ข้าง เหตุที่ต้องไถขนที่ใต้อุ้งเท้าก่อนอาบน้ำ ก็เพื่อเวลาอาบเราจะได้ทำความสะอาดได้ทั่วถึงยังไงหละค่ะ
เสร็จแล้วเราจึงใช้แปรงหวีขนที่หางให้เรียบ แล้วจับรวบหางขึ้น และใช้แบตตาเลี่ยนไถขนบริเวณโคนหาง ที่ต้องไถบนที่โคนหางเพื่อทำให้ตำแหน่งหางสูงขั้น จึงควรพิถีพิถันตรงจุดนี้ด้วยเช่นกัน เสร็จขั้นตอนก่อนอาบน้ำแล้ว ก็ถึงเวลาเปียกกันได้แล้ว การอาบน้ำสุนัขพันธุ์ชิสุ
ขั้นแรกใช้ฝักบัวฉีดน้ำให้ทั่ว และควรใช้น้ำอุ่นจะช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนดี ขั้นตอนนี้ใช้เวลานานสักหน่อย เพราะขนสุนัขพันธุ์ชิสุหนาจึงควรราดน้ำให้ทั่วจริง ๆ เพื่อเวลาฟอกแชมพูจะได้สะอาดทั่วถึง
จึงใช้น้ำล้างแชมพูออกให้หมด อย่าให้แชมพูหลง เหลืออยู่ มิฉะนั้นสุนัขจะคันและเกาจนเป็นแผลได้สำหรับแชมพูที่ใช้ ก็คือแชมพูที่คนใช้นี่แหละคะ ท่านใช้อย่างไหนสุนัขใช้อย่างนั้นได้เหมือนกัน เพียงแต่ท่านต้องนำแชมพูมาผสมให้เจือจางเสียก่อนเมื่อราดน้ำจนทั่วตัวสุนัขแล้วราดแชมพูที่ผสมจนเจือจางให้ทั่ว จากนั้นใช้มือลูบๆ อย่าเกา เพราะจะทำให้ขนพันกันเมื่อใช้มือลูบและนวดจนทั่วแล้ว
วิธีเทสดูว่าล้างแชมพูออกหมดแล้วหรือยัง
การมองเพียงแค่ตาเปล่าว่าฟองแชมพูหมดแล้วไม่พอ เราต้องใช้มือลูบขนดู ถ้าฝึดเป็นอันใช้ได้ การฟอกแชมพู ฟอกเพียงครั้งเดียวพอ
ขั้นตอนต่อไปนำครีมนวดสำหรับสุนัขผสมน้ำในอ่าง แล้วจึงนำสุนัขลงไปแช่ในอ่าง เหตุที่ชิสุใช้ครีมนวด เพราะครีมนวดสำหรับสุนัขจะช่วยทำให้ขนทิ้งลง เมื่อนำสุนัขแช่ครีมนวดแล้วใช้มือวักครีมนวด ราดลงไปบนตัวสุนัขให้ทั่ว อย่าใช้มือขยี้ขนนะคะใช้ลูบๆ เอาก็พอ เมื่อแน่ใจว่าขนถูกครีมนวดทั่วถึงแล้วจึงล้างด้วยน้ำอีกครั้ง ครีมนวดนี้จะไม่ต้องล้างออกหมด จะเหลือไว้บ้าง เพราะเป็นครีมบำรุงขน การที่เราเหลือครีมนวดไว้เพราะชิสุขนจะต้องทิ้ง ครีมนวดจะช่วยขนทิ้งสลวย การล้างครีมนวดก็เพียงแค่ฉีดน้ำออกก็พอเมื่อล้างน้ำขั้นสุดท้ายแล้ว
ใช้มือบีบขนไล่น้ำออกก่อนจะเช็ดตัว การเช็ดตัวก็ต้องมีเทคนิคด้วยนะคะ
วิธีการเช็ดตัวใช้ผ้าเช็ดลงตามขนอย่าขยี้ เพื่อขนจะได้ไม่พันกัน
จากนั้นก็นำมาเป่าด้วยไดร์เป่าผม ใช้แปรงช่วยแปรงโดยเริ่มจากด้านนอกก่อน เพื่อสุนัขจะได้อุ่นเพราะเมื่ออาบน้ำเสร็จใหม่ๆขนของเขาก็เหมือน กับผ้าเย็นๆ ห่อตัวเขาอยู่ เพราะฉะนั้นเราจึงควรไดร์ขนข้างนอกให้แห้งก่อนเพื่อช่วยให้เขาอุ่นขึ้น
สุนัขที่ยังเล็ก ๆ เราเริ่มไล่ตั้งแต่หัวไปก่อน เพื่อความสะดวก จากนั้นก็ไล่ไปเลื่อยจนสุดปลายหาง แต่ตัวใหญ่จะไล่จากหางไปหัว เวลาทำก็จะแบ่งซีกทำทีละครึ่งตัว และต้องแบ่งขนตั้งแต่เล็ก ๆ ซึ่งจริงแล้วตามธรรมชาติขนของชิสุจะแสกกลางเอง เพราะขนเขามีน้ำหนักพอที่จะแบ่งเองได้ แต่จะสวยสู้เราแบ่งให้เขาตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่ได้
หลังจากไดร์พร้อมกับใช้แปรงช่วยแปรงให้ขนด้านนอกแห้งหมาดๆ ทั่วตัวแล้ว เราจึงเริ่มแปรงอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเริ่มจากลำตัวด้านซ้ายของสุนัขก่อน แต่จริงๆ แล้วเราจะเริ่มทำจากด้านไหนก่อนก็ได้ แต่เหตุผลที่เราควรเริ่มจากด้านซ้ายก่อน เพราะด้านซ้ายเป็นด้านที่เราใช้โชว์ให้กรรมการเห็นเวลาโพส์ทท่าในสนามประกวด ด้านซ้ายนี้เราจึงพิถีพิถันมากหน่อยใช้มือเปิดขนขึ้นเป็นชั้น ใช้แปรงๆ ไปเรื่อยๆ พร้อมกับใช้ไดร์เป่าจนแห้งถึงชั้นในสุด
จากนั้นก็จับสุนัขยืนขึ้นและใช้แปรงๆ ขนลง ทำเช่นเดียวกันกับทางด้านขวา และเริ่มเป่าขนบริเวณด้านหน้าให้แห้ง พร้อมกับใช้แปรงช่วยแปรงจากนั้นมาเป่าใต้ท้องให้แห้ง เมื่อแห้งทั่วตัวแล้วจึงใช้หวีที่หางยาวแสกขนกลางลำตัวให้ตรง เริ่มจากก้นจนถึงหัวแล้วแปรงขนทั้งสองข้างให้เรียบเท่ากัน จึงจะลงมือตัดขนที่ยาวเกินพื้น ที่บริเวณเท้าทั้งสี่ข้างให้เสมอกับเท้าสุนัข ใช้มือลูบขนลงและจับขนบริเวณขารวบแล้วให้กรรไกรค่อย ๆ ตัดแต่งให้เสมอกับฝ่าเท้า ขนที่เท้าควรตัดให้กลมไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไปและระวังแหว่งด้วยนะคะ
เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้แล้วก็ใช้หวีๆ
ขนที่หน้าฝากขึ้นและแสกขนบริเวณหนวดให้สวยงาม
จากนั้นจึงใช้ยางมัดขนมัดจุก ถ้าตัวไหนมีขนบริเวณนี้เยอะ
ก็จะแบ่งมัดเป็นสองจุกแล้ว จึงมัดรวบรวมกันเป็นจุกเดียวอีกทีหนึ่ง
แต่ถ้าตัวไหนขนน้อยก็มัดเป็นจุกเดียวก็พอ
แหละนี้คือการสาธิตถึงแค่ขั้นตอนการดูแลรักษาขนแต่ยังไม่สาธิตวิธีการแต่งจุกเพื่อการประกวดถ้ามีโอกาสเราจะนำมาแนะนำอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับวิธีการเก็บขนสุนัขที่โตแล้วมีขนที่ข้างแก้มและขนที่กลางศีรษะยาว
เราก็มีวิธีการรักษาขนส่วนนี้ไม่ให้พันกันโดยการมัดยางรวบไว้
หรืออาจจะใช้กระดาษห่อขนไว้
ส่วนขนที่กลางศีรษะก็ใช้กระดาษห่อแล้วพับทบไปมา
เมื่อท่านจะแกะยางออกจากขนก็ให้ใช้กรรไกรตัดอย่าเอามือดึงออกมาเพราะขนจะขาดหมด
สำหรับการอาบน้ำให้อาบอย่างน้อยห้าวันครั้งแต่ต้องแปรงขนทุกวัน
แปรงสำหรับแปรงขน
โรคและวิธีการป้องกัน
โรคตาแห้ง
เป็นโรคที่มักเกิดกับสุนัขพันธุ์ชิสุ เพราะมีดวงตากลมโต
ลูกตาเปิดกว้าง ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย
อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุกับดวงตาด้วย ทั้งนี้
อาการของโรคตาแห้ง แห้ง คือน้ำตาน้อย
ก็ต้องรักษาด้วยการหยอดตาต่อเนื่อง อาจจะนานๆครั้ง หรือไม่ก็ตลอดชีวิต
สำหรับการดูแลรักษา อย่างแรกเลยผู้เลี้ยง
ควรเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดโดยเฉพาะ
และเมื่อเห็นความผิดปกติของลูกตาให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพราะ
ถ้าทิ้งไว้นาน อาจทำให้ติดเชื้อ แก้วตาละลาย ถึงขั้นตาบอดได้
อีกอย่างถ้าพามาตั้งแต่แรกเริ่มก็จะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่สูงมากนัก
โรคหูน้ำหนวก หูอักเสบ
ส่วนใหญ่เป็นการอักเสบของช่องหูภายนอกที่เรียกว่า "otitis externa"
เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาการของสุนัขที่ป่วยหูอักเสบ ได้แก่
มีกลิ่นเหม็น ชอบเกาหู หรือเอาหู (หัว) ไปถูกับวัตถุ ช่องหู
หรือใบหูมีสีแดง หรือบวม ในบางตัวอาจมีสิ่งคัดหลั่งออกมาจากช่องหู
ฯลฯ
สำหรับวิธีการป้องการที่ดีที่สุด คือการรักษาความสะอาด
ควรตรวจสอบช่องหูของสัตว์เลี้ยงทุกสัปดาห์ สุนัขบางตัวมีขี้หูน้อย
บางตัวก็มีมาก แตกต่างกันไป ควรใช้สำลีหรือผ้านิ่มๆ
เช็ดบริเวณรูหูส่วนนอก และใบหูเป็นประจำ 2-3
ครั้งต่อสัปดาห์ถ้าพบว่าสุนัขของคุณสะบัดหู หรือเกาหูบ่อย
ก็ให้นำไปพบสัตวแพทย์
เพราะอาจมีแมลงเข้าหูหรืออาจเกิดโรคหูอักเสบขึ้น
นอกจานี้ ชิสุ ยังมีโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคนิ่ว โรคไต
โรคผิวหนัง และไส้เลื่อน
ทางที่ดีผู้เลี้ยงควรฉีดวัคซีนให้สุนัขตามกำหนดให้ครบ
และใส่ใจเรื่องอาหาร และการออกกำลังกาย และหากผิดความผิดปกติใดๆ
ก็ตามควรรีบพาสัตว์เลี้ยงแสนรักไปพบแพทย์เพื่อได้รรับการวินัจฉัยและการรักษาที่ตรงจุดต่อไป