เมื่อก่อนข้าพเจ้าคือว่าความเรียงกับเรียงความนั้นต่างกัน
ความจริงแล้ว "ความเรียง" กับ "เรียงความ" คือความหมายเดียวกับ
เพียงแต่ "เรียงความ" จะใช้ในความหมายทางวิชาการในการเขียนเรียงความ
ส่วน "ความเรียง" จะเป็นภาษาที่เขียนด้วยภาษาพูด
ศิลปะในการเขียงความเรียงอย่างสร้างสรรค์ อาจจะเริ่มฝึกจากเรื่องราวที่
ใกล้ตัว เรื่องราวที่ประทับใจ ให้แปลกแหวกแนว ใส่ความรู้สึกนึกคิดของเรา
ให้เรื่องราวนั้นประติดประต่อกันอย่างสมเหตุผล และหากเราฝึกฝนจนชำนาญ
เราก็จะสามารถฝึกเขียนเรื่องสั้นให้พัฒนาไปอีกขั้น
การเขียนที่ดีนั้นเราต้องรู้จักสะสมคำ แบ่งหมวดหมู่ของคำ รู้จักใช้คำ
เน้นสั้น กระชับได้ใจความ รู้จักผูกถ้อยคำให้เป็นเอกลักษณ์ของคน
ที่สำคัญระดับภาษา ต้องใช้ให้ถูกตามโอกาส เสมือนเราแต่งกายไปยังสถานที่ต่าง ๆ
ที่ต้องถูกตามกาละเทศะ
โวหารที่ใช้ในการเขียนนั้น ต้องเลือกใช้ให้เป็น ไม่ว่าการบรรยาย ใช้ในการอธิบาย
เรื่องราวที่ประจักษ์แก่สายตาอย่างถ้วนถี่ การพรรณนา ใช้อธิบายความรู้สึกของสิ่งที่พบเห็น
เทศนาโวหาร ใช้เพื่อสั่งสอน ชี้แจงเหตุผล และสาธกโวหาร ใช้ยกตัวอย่างประกอบเนื้อเรื่อง
เช่น นิทาน อุทาหรณ์
ค่ำคืนนี้ขอฝากบทความไว้เพียงนี้ก่อน เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเดินทางไกลเพื่อเชิญ "จั้งซอ"
มาเป็นวิทยากรในการสัมมนาทางวิชาการ ที่ข้าพเจ้าและเพื่อนนักศึกษาร่วมกันจัดในหัวข้อ
"วรรณศิลป์สู่วรรณกรรมเพลงซอ ; ความเป็นเอกลักษณ์ของคนเมือง"
ซึ่งข้าพเจ้าจะสรุปเนื้อหาให้ทุกท่านได้อ่าน เมื้อพ้นวันที่ 9 กันยายน 2552
ในราตรีนี้ขอกล่าวคำว่า "ราตรีสวัสดิ์ พบกันอีกวัน"
ไม่มีความเห็น