โรงเรียนในฝัน
โครงการแห่งความ (เพ้อ) ฝันที่น่าจับตามอง
พินิจ พันธ์ชื่น
เชื่อว่าทุกท่านที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการศึกษาของชาติ ไม่ว่าจากฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน คงไม่มีใครปฏิเสธว่ามีความเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงมากเหลือเกินในระยะนี้ มีนโยบายด้านการศึกษาหลายอย่างถูกผลักดันเพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม แน่นอนว่าทุกเรื่องจะมี หลักการ เหตุผลและความจำเป็นที่อ่านแล้วอาจเคลิ้มเอาได้ง่ายๆ เหมือนอ่านนวนิยายแล้วจินตนาการตามไปก็ทำให้เกิดอารมณ์คล้อยตาม เบิกบาน ยิ้ม หัวเราะ ด้วยความสุขที่ปรุงแต่งขึ้นในใจได้ไม่ยาก อ่านจบ เหลียวดูตัวเองตามสภาพที่เป็นจริงก็คงพบอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป เรียกว่าความคิดที่เลื่อนไหลไปในโลกแห่งจินตนาการนั้น ไม่อาจมีสิ่งใดมาขวางกั้น อะไรๆก็ดูจะง่ายไปหมด ก็ความฝันนี่ครับ ย่อมไม่มีปัญหา
บนเส้นทางของการปฏิรูปการศึกษาของชาติ ได้มีการนำเสนอแนวคิดและทฤษฎีหลายอย่าง ให้สถานศึกษา และครูอาจารย์นำไปปฏิบัติ การปฏิรูปกระบวนการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา การวิจัยในชั้นเรียน การสร้างสรรค์สื่อการเรียนรู้ การเพิ่มพูนทักษะด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การประกันคุณภาพการศึกษา ฯลฯ แต่ละเรื่องได้รับการเผยแพร่ ปลุกเร้า กระตุ้นเตือนให้รีบทำ และเกิดการแข่งขันกันทำ ออกอาการว่าใครจะได้มาก ได้เร็วกว่ากันก็มีอยู่ สิ้นเปลืองงบประมาณ และเวลาไปแล้วแค่ไหน เกิดความทุกข์ทรมานจนคนดี คนเก่งผันชีวิตตนเองออกจากเส้นทางอาชีพที่เคยศรัทธาและมุ่งมั่น ไปแล้วเท่าไร กล่าวโดยภาพรวม ความผิดพลาดสำคัญที่ผ่านมาและควรได้ใช้เป็นบทเรียน คือการมองงานด้านการศึกษาเสมือนหนึ่งว่าไม่แตกต่างจากกระบวนการผลิตสินค้าในระบบอุตสาหกรรม ทั้งๆที่มีธรรมชาติของงาน และความประณีต ละเอียดอ่อน ความสลับซับซ้อนของปัจจัยอันเป็นส่วนประกอบของระบบ แตกต่างกันมากเหลือเกิน สิ่งที่เป็นความสำเร็จของคนในสังคมหนึ่งที่มีคุณลักษณะพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมต่างจากเรามาก หากคิดจะนำวิธีการเหล่านั้นมาใช้บ้าง โดยหวังผลอย่างเดียวกัน ถ้าไม่คิดให้รอบคอบถึงทุนเดิมที่แท้จริงที่เรามีอยู่ ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ได้แค่รูปแบบของเขามา มองผิวเผินที่เปลือกนอก ก็ดูจะคล้ายๆกัน แต่มักจะปราศจากแก่นสารที่แท้จริงภายในโรงเรียนในฝัน เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ น่าสนใจติดตาม รับรองว่าใครได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโครงการนี้แล้ว ต้องชอบ ชื่นชม และ ยกนิ้วให้กับความคิดอันเลอเลิศของโครงการนี้เป็นแน่ ลองอ่านรายละเอียดต่อไปนี้ดูแล้วจะพบว่าน่าสนใจติดตามเพียงใด
มติคณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีได้ลงมติเห็นชอบในหลักการโครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน (Lab School) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๔๖ และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินโครงการพัฒนาแนวคิดและหลักการโดยมีความเชื่อที่ว่าการศึกษาสามารถพัฒนาบุคคลให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ สามารถลดช่องว่างของบุคคลในสังคมลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนชาวไทยสามารถหลุดพ้นจากวงจรความยากจน ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่สำคัญของรัฐบาล ดังนั้น โครงการ ๑ อำเภอ ๑ โรงเรียนในฝัน จึงเป็นกระบวนการพัฒนาโรงเรียนให้เป็น โรงเรียนในฝันของคนในสังคมที่ต้องการให้เด็กและเยาวชนได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพ และในขณะ เดียวกันโครงการนี้ก็จะช่วยทำให้ความฝันของคนในสังคมเป็นจริงได้
รายละเอียดของโครงการสรุปได้ดังนี้
๑. การคัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการในแต่ละอำเภอ ควรเป็นไปตามเจตนารมณ์ และความต้องการ ของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่
๒. การพัฒนาปรับปรุงโรงเรียนในฝันในด้านต่างๆ นอกจากใช้งบประมาณแผ่นดินแล้วควรประสานกับ ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจที่มีศักยภาพเพื่อเป็นเจ้าภาพหลักที่จะให้การสนับสนุนโรงเรียนแต่ละแห่งอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง โดยให้ประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อหามาตรการทางภาษีที่เหมาะสม และสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนการดำเนินการของโรงเรียนในโครงการนี้ต่อไป
๓. ควรระดมความร่วมมือจากสถาบันอุดมศึกษาและสถาบันราชภัฏในพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอนและเพิ่มพูนทักษะการปฏิบัติจริงแก่นิสิตนักศึกษาเสมือนเป็นโรงเรียนสาธิตของสถาบันนั้น ๆ
แนวคิดโครงการ
พื้นฐานแนวคิดโครงการหลอมรวมจากความฝันอันสูงสุดของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนพ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชนในท้องถิ่นที่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
๑. การกระจายโอกาสทางการศึกษา แก่เด็กและเยาวชนไทยให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเทียบเคียงกับโรงเรียนชั้นนำ เป็นที่ยอมรับและศรัทธาของนักเรียน ผู้ปกครองและชุมชน เพื่อลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางสังคม ดังนี้
- ระยะแรก เริ่มจากการพัฒนาโรงเรียนในระดับอำเภอทุกอำเภอ
- ระยะที่สอง พัฒนาไปสู่ระดับตำบล
- ระยะที่สาม ขยายเครือข่ายครอบคลุมไปทุกหมู่บ้าน
๒. การจัดการศึกษาที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน โดยการปฏิรูปการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญสอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น จัดบรรยากาศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนบนพื้นฐานความเป็นไทยและความเป็นประชาธิปไตย เป็นต้นแบบและพี่เลี้ยงให้กับโรงเรียนอื่นได้
๓. การพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีจำนวนเพียงพอ เป็นระบบเครือข่ายและเอื้อต่อการเรียนรู้ร่วมกัน โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการสืบค้นข้อมูล เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในอนาคต
๔. การพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนไทย ให้เติบโตขึ้นเป็นคนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต รู้จักคิดวิเคราะห์ มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าแสดงออก สามารถก้าวเข้าสู่เวทีการแข่งขันได้ในระดับสากล
๕. การบริหารจัดการทั้งระบบโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ให้มีจำนวนผู้บริหาร ครูและบุคลากรมืออาชีพอย่างเพียงพอ มีอิสระในการทำงานอย่างคล่องตัว มีการพัฒนาด้านกายภาพอย่างเหมาะสมต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
๖. การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและชุมชนใน ท้องถิ่นให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นแหล่งค้นคว้าวิจัยและเป็นโรงเรียนสาธิตการฝึกอบรมครูจากสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาในพื้นที่
๗. การวัดประเมินผล เน้นการประเมินเพื่อการพัฒนาตนเองภายในโรงเรียนและการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาชาติโดยการประเมินจากองค์กรทั้งภายในและภายนอก
เพื่อให้เกิดผลจริงจังในการดำเนินงาน กระทรวงศึกษาธิการได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายหนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน จากทุกกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้องโดยกำหนดให้โครงการ ๑ อำเภอ ๑ โรงเรียนในฝัน เป็นโครงการที่ให้โอกาส ให้ความเสมอภาคและพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่เกิดจากการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจและชื่นชมผลงานร่วมกันของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพนักเรียน ครู ผู้บริหารและโรงเรียนให้สมบูรณ์แบบ กลายเป็นฝันที่เป็นจริงของทุกคนในยุคปฏิรูปการศึกษาให้เกิดขึ้นพร้อมกันในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ นี้โดยมีกระบวนการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ตรงตามเป้าหมายของโครงการที่กำหนดไว้ ดังนี้
๑. การคัดเลือกโรงเรียน สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติและกรมสามัญศึกษาได้ร่วมกันกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกโรงเรียน เพื่อให้แต่ละอำเภอใช้เป็นแนวทางการคัดเลือกโรงเรียน ขนาดกลางที่มีความพร้อมทางด้านสาธารณูปโภค ทำเลที่ตั้งเหมาะสม ผู้บริหารและครูมีศักยภาพเพียงพอ และที่สำคัญที่สุดคือได้รับการคัดเลือกจากประชาชนในท้องถิ่น โดยจะประเมินสภาพจริงของแต่ละโรงเรียนก่อนการพัฒนา จำนวนรวมทั้งสิ้น ๙๒๑ โรงเรียนใน ๗๙๕ อำเภอ ๘๑ กิ่งอำเภอและ ๔๕ เขตในกรุงเทพมหานคร โดยจำแนกได้ดังนี้
๒. การพัฒนาบุคลากร ประกอบด้วย
๒.๑ ผู้รับผิดชอบ คือคณาจารย์จากมหาวิทยาลัย สถาบันราชภัฏ สถาบันราชมงคลและโรงเรียนเอกชนที่ได้มาตรฐานในแต่ละพื้นที่เป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
๒.๒ ผู้รับการพัฒนาได้แก่ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน จำนวนทั้งสิ้นประมาณ ๒๕,๐๐๐ คน จาก ๙๒๑ โรงเรียน โดยมีกระบวนการพัฒนา ดังนี้
๒.๓ แนวทางการพัฒนาบุคลากรที่สำคัญ คือ การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ พัฒนาศักยภาพ การสนับสนุนที่เข้มแข็ง การประเมินผล และยกย่อง เชิดชูเกียรติ
๓. การพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ประกอบด้วย
๔. การจัดทำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร (ICT) ประกอบด้วย
๕. โครงสร้างและการบริหารโรงเรียน
๖. การกำกับ ติดตามและประเมินผลโครงการ ประกอบด้วย
๗. การประชาสัมพันธ์ ประกอบด้วย
๘. การสนับสนุนโครงการ ประกอบด้วย
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๑. เด็กและเยาวชนไทยมีโอกาสได้รับการศึกษาในโรงเรียนที่มีคุณภาพ ส่งผลให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพของประเทศในอนาคตต่อไป
๒. มีโรงเรียนที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่น ของสังคม พร้อมทั้งได้มาตรฐานและมีความเท่าเทียมกันกระจายอยู่ทุกอำเภอทั่วประเทศไทย
จะเห็นได้ว่า โครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน มีความงดงาม อลังการมาก คิดดูแบบผิวเผินอาจเห็นรอยยิ้มของคนทั้งแผ่นดิน รอยยิ้มแห่งความเสมอภาค ความภาคภูมิใจที่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างจริงใจจากรัฐบาล และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ผู้เขียนก็ได้แต่หวังว่าความฝันดังกล่าว ของโครงการโรงเรียนในฝัน จะเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้ มีผลในเชิงปฏิบัติ สร้างความเจริญงอกงามอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้กับประชากรส่วนใหญ่ของชาติเป็นเรื่องจริงที่เกิดจากการร่วมคิด ร่วมทำด้วยสติปัญญา ด้วยพลังแห่งความใฝ่ฝันที่ไม่ใช่การเพ้อฝันของใครบางคน และไม่มีใครกลายเป็นเหยื่อของใคร รูปธรรมด้านวัตถุ สิ่งของ เช่น "ขยะทางเทคโนโลยี" หาดูได้ไม่ยาก ไม่ต้องเรียกร้องก็จะวิ่งเข้ามาเต็มโรงเรียน เต็มบ้านเต็มเมืองในไม่ช้า คงไม่มีใครปฏิเสธว่ามีผลประโยชน์มหาศาลในเรื่องดังกล่าว ทั้งในส่วนการจัดหา จัดซื้อ จัดจ้าง และที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่จะต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และที่ร้ายกว่านั้นคือ กลโกงที่เคลือบแฝงอยู่ในผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่แกล้งพัฒนาให้อยู่ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เปลี่ยนแปลงบ่อยจนเกินจำเป็น และมีเงื่อนไขให้ผู้เดินตามซื้อตามบริโภคหมดตัวได้ง่ายๆ สิ่งต่างๆเหล่านี้คือเรื่องจริงที่เป็นอยู่ทั่วไปในโลกปัจจุบัน ลงทุนแค่ไหนและอย่างไรถึงจะพอเหมาะพอดี และกอปรด้วยสติปัญญา เป็นโจทย์ที่ต้องช่วยกันคิดหาคำตอบ และทำอย่างไรให้มีการใช้ทรัพยากรอายุสั้นเหล่านั้น อย่างคุ้มค่าและได้ผลในทางสร้างสรรค์ ไม่เผลอปล่อยให้สิ่งที่จัดซื้อจัดหามาด้วยเงินมหาศาล เป็นเครื่องสร้างความอ่อนแอ และเป็นของเล่นที่ผลาญเวลาของเยาวชน จนไม่มีโอกาสรู้จักตัวเอง หลงเพลินอยู่ในโลกฝัน บริโภคข้อมูลข่าวสาร ด้วยความเมามันจนเป็นอะไรบางอย่างที่ล่องลอยไปตามกระแสโลก ห่างไกลจากวิถีชีวิตที่เป็นธรรมชาติไปทุกที เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องช่วยกันให้ความร่วมมือ และสอดส่องดูแล ด้วยความไม่ประมาท เพื่อให้โครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน ของรัฐบาลประสบความสำเร็จ เป็นโรงเรียนในฝันที่เกิดขึ้นจริงๆและขยายออกไปเต็มแผ่นดิน ให้จงได้ ไม่เป็นแค่โรงเรียนใน โลกแห่งความ ฝัน” อย่างที่ใครบางคนกล่าวสบประมาทเอาไว้.
...............................................................................
แหล่งข้อมูลอ้างอิงและอ่านเพิ่มเติม
http://www.sarakadee.com/press-sk/teen_x/dream_school.htm
http://www.onec.go.th/move/news_43/dream_school.html
http://www.moe.go.th/1Amp1Sch/executive_summary.htm
http://www.moe.go.th/1Amp1Sch/
http://www.phrathai.net/news/edu46042601.php
http://www.komchadluek.com/komchadluek/special/scoop/2003/jul/open0201.php
http://www.siamturakij.com/442/fu44207x.html
http://www.thairath.co.th/thairath1/2546/educat/aug/02/edu1.asp
ไม่มีความเห็น