ตอนดูงานและฟังบรรยายจากนายกเทศบาลนครขอนแก่นมีการพูดเรื่องการบริหารจัดการความเปลี่ยนแปลงกันบ่อย ใช้คำนี้กันถี่มากจึงขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้
องค์การที่ไม่สามารถบริหารการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้ทันกับความเจริญก้าวหน้ามักไม่ประสบความสำเร็จ ผู้นำและผู้บริหารในองค์กรจึงจำเป็นต้องมีสมรรถนะสำคัญในการบริหารการเปลี่ยนแปลง เข้าใจธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือเฉียบพลันรุนแรงได้ เมื่อจะจัดการบริหารการเปลี่ยนแปลงจึงต้องเข้าใจเหตุผลที่จะทำการเปลี่ยนแปลง กำหนดเป้าหมาย กำหนดทางเลือก วางแผนดำเนินการ และปฏิบัติตามแผนอย่างมีระบบ คำนึงถึงความสำคัญของการสื่อสาร การมีส่วนร่วมของคนในองค์การ และการเสริมแรงให้กับความเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังต้องติดตามประเมินผลและรักษาผลการเปลี่ยนแปลงที่ดีไว้ให้ยั่งยืน ทั้งนี้ผู้นำและผู้บริหารต้องวิเคราะห์องค์การและเลือกใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสมกับบริบทของตนเองว่า โดยการบัญชาการหรือโดยการกระจายอำนาจ เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องเลือกใช้เทคนิคให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่เลือก และทำความเข้าใจกับปัจจัยที่เป็นแรงต้านและแรงเสริมการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งเข้าใจวิธีเผชิญกับแรงต้านนั้นได้
อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของการนำและการบริหารการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ต้องมีกาประยุกต์ทั้งศาสตร์และศิลป์ทางการบริหาร รวมทั้งต้องฝึกฝน อดทนและประเมินผลตลอดเวลา หากการเปลี่ยนแปลงไม่ทำให้เกิดประโยชน์หรือเพิ่มประสิทธิภาพผู้นำและผู้บริหารอาจต้องตั้งคำถาม และทบทวนคำตอบอย่างสม่ำเสมอ
ลักษณะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ต้องมี
1.c=challenge มีความท้าทาย
2.h=head ใช้สมอง
3.a=analysis ต้องวิเคราะห์
4.n=network สร้างเครือข่าย
5.g=good governance บริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี
6.e=effective มีประสิทธิภาพ
การเปลี่ยนแปลงต้องใช้ 4 d
1.diagnostic สามารถวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ปัญหา สิ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลง
2.dream ต้องมีความฝัน มีวิสัยทัศน์
3.drive ต้องมีแรงขับเคลื่อนฝ่าแรงเสียนทาน
4.deepen ทำให้ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติให้ทุกคนยอมรับ
อารักษ์ 5/7/52
คุณหมอสมชายได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการออมในฐานะประธานสหกรณ์ออมทรัพย์มหาสารคาม น่าสนใจจึงนำมาขยายผลต่อในประเด็นนี้
ซำบายดี ! สหกรณ์ออมทรัพย์กับการจัดการสุขภาพ
นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา พบ.
ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุข จังหวัดมหาสารคาม
ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับนักคิดคนสำคัญของแพทย์ชนบท คุณหมออารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล นครศรีธรรมราช ซึ่งกล่าวไว้ว่า
“ชีวิตคนเรานั้นเกิดมามีเวลาจำกัด แต่การทำงานเพื่อสังคมส่วนรวมเป็นสิ่งไม่มีขอบเขตจำกัด ทำดีได้ไม่มีสิ้นสุด ทำชั่วแม้แค่คิดก็ผิดแล้ว และเพียงครั้งเดียวก็เกินพอที่จะไม่ทำต่อไป”
คนเราเวลาทุกข์มักคิดว่าตนเองน่าจะทุกข์มากกว่าคนอื่นเสมอแต่ขาดการเรียนรู้ในความจริงที่เกิดขึ้น พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า การไม่มีหนี้ย่อมเป็นสุข แต่ในแวดวงของสหกรณ์ออมทรัพย์ ของพวกเราเชื่อว่า อยากมีเงินออมมากกว่าต้องกู้ ที่ทุกคนอยากเป็น คงต้องใช้เวลาในการออม แต่ที่สามารถเริ่มได้เลย คือ การสร้างวินัยในตนเอง (Self discipline) ในทางการเงินการคลังผมอยากจะให้พวกเราคิดว่า การเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ในระดับตนเองเกิดขึ้นได้มากน้อยขนาดไหน? ?
พวกเราอาจจะอยู่ในหลายช่องของเงินสี่ด้านดังกล่าว แต่จะให้ดี ถ้าดู จะเห็นว่าการเป็นนักลงทุนน่าจะสบายที่สุด (เหมือนนายกทักษิณ !!) ที่ใช้เงินทำงานแทนเรา !
กิจการของสหกรณ์เปรียบเหมือนการเป็น Investor โดยมีการออมในรูปของหุ้นสะสม เห็นไหมครับว่าการที่มีเวลาจำกัดของแต่ละคนยังมีตัวช่วยยกกำลัง (Multiplier) ในเรื่องของรายได้ เช่นกัน การจะเกิดสิ่งดังกล่าวได้คือ ให้เงินทำงานแทนนั้น ต้องอาศัยเวลาตลอดจนการ อด! ครับ คือ อดออม อดทน อดกลั้น ต่อความต้องการที่มีสิ่งเร้าต่างๆ เป็นตัวกระตุ้นการมี Multiplier ต้องอาศัยวินัยการเงิน การคลังในการออมทรัพย์ครับ ซึ่งสวนทางความจริงที่ต้องอยู่ กิน ใช้ ผมขอให้กำลังใจพวกเราที่ร่วมอุดมการณ์ในการเป็นสมาชิกสหกรณ์ทุกคนถ้าจะให้เกิดมรรคผลที่ว่า ต้องอย่า ลด หรืองดการส่งหุ้น อดเปรี้ยวไว้กินหวานแม้ว่าข้อบังคับจะสามารถลดหรืองดส่งหุ้นได้ก็ตาม พลังที่จะทำงานเพื่อสังคมส่วนรวมก็จะไม่ลดลงเพราะ มีออมไม่มีอด ฝากไว้ครับ !