ไม้ม้วนมีปรากฏในภาษาเขียนของไทย มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในศิลาจารึกหลักที่หนึ่ง ของพ่อขุนรามคำแหง ในคำว่า ใคร ใคร่ ใด ใส ใหญ่ ใน ให้ ใช้ ใต้ ใศ่ ใว้ เป็นต้น เสียงสระของไม้ม้วนในภาษาไทยปัจจุบันส่วนใหญ่ออกเสียงเหมือนไม้มลาย (ไ) แต่ในสมัยโบราณเสียงสระสองเสียงนี้แตกต่างกัน ยังมีร่องรอยให้เห็นในภาษาไทยถิ่นและในภาษาไทกลุ่มต่าง ๆ นอกประเทศไทย นอกจากภาษาไทยสยามแล้วยังมีภาษาไทกลุ่มอื่นเช่น ภาษาลาว และ ภาษาไทใหญ่ ที่ปรากฏสระนี้ในภาษาเขียน
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีตำราเรียนระบุการใช้ไม้ม้วน ในคำศัพท์จำนวน 20 คำ โดยมีคำกลอนแต่งไว้ในหนังสือจินดามณีดังนี้
|
|
ใฝ่ใจแลให้ทาน |
ทังนอกในแลใหม่ใส |
ใครใคร่แลยองใย |
อันใดใช้แลใหลหลง |
ใส่กลสใพ้ใบ้ |
ทังใต้เหนือแลใหญ่ยง |
ใกล้ใบแลใช้จง |
ญี่สิบม้วนคือวาจา |
ส่วนในหนังสือหนังสือประถมมาลา แต่งโดยพระเทพโมลี (ผึ้ง) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้ให้หลักการใช้ไม้ม้วน โดยที่สองบทท้ายเป็นคำกลอนจากตำราจินดามณีนั่นเอง ดังนี้
หนึ่งไซร้หมู่ไม้ม้วน |
ปราชญ์ประมวลแต่บูราณ |
จักลอกจำลองสาร |
ตามอาจารย์บังคับไข |
ใฝ่ใจให้ทานนี้ |
นอกในมีแลใหม่ใส |
ใครใคร่แลยองใย |
อันใดใช้อย่าใหลหลง |
ใส่กลสะใภ้ใบ้ |
ทั้งต่ำใต้และใหญ่ยง |
ใกล้ใบแลใช่จง |
ใช้ให้คงคำบังคับ |
หลังจากนั้น ยังมีบทกลอน (กาพย์ยานี) ที่สอนการใช้ไม้ม้วน ที่รู้จักกันดีจนปัจจุบัน ดังนี้
ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ |
ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ |
ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ |
มิหลงใหลใครขอดู |
จักใคร่ลงเรือใบ |
ดูน้ำใสและปลาปู |
สิ่งใดอยู่ในตู้ |
มิใช่อยู่ใต้ตั่งเตียง |
บ้าใบ้ถือใยบัว |
หูตามัวมาใกล้เคียง |
เล่าท่องอย่าละเลี่ยง |
ยี่สิบม้วนจำจงดี |
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในสยามนั้นการใช้ไม้ม้วนจำกัดอยู่ที่คำศัพท์ 20 คำ มาตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นอย่างน้อย และคำศัพท์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น จะใช้ไม้มลายทั้งสิ้น (เว้นแต่ลูกคำที่แตกจากแม่คำ ซึ่งใช้ไม้ม้วนอยู่แล้ว) แม้คำศัพท์เฉพาะ ที่เป็นชื่อต่างๆ ก็ไม่นิยมที่จะใช้ไม้ม้วนนอกเหนือจาก 20 คำดังกล่าว
มีปัญหาในการใช้ภาษาไทยคะ การฟัง และการอ่าน คำยากหรือคำที่มักใช้สับสน
ช่วยหน่อยนะคะ (ขอบคุณหลาย ๆ คะ)