ครูแดง ท่านเตือนใจ ดีเทศน์ได้ฐานะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ในคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภาได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของชาวไทยพลัดถิ่น อีกทั้งยังมีการถ่ายทำรายการเวทีชาวบ้านเพื่อรับฟัง พูดคุยและหาแนวทางแก้ไขสถานะบุคคลของชาวไทยพลัดถิ่น
มีโอกาสได้ติดตามครูแดงลงพื้นที่ ได้รับรู้ปัญหาพี่น้องของชาวไทยพลัดถิ่น ซึ่งคนไทยพลัดถิ่นนี้ คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครและปัญหาที่พวกเขาได้รับจากการเป็นคนไทยพลัดถิ่นคืออะไร
คนไทยพลัดถิ่น หรือบางทีเรียกว่า “คนไทยถิ่นพลัด” ก็คือ “บุคคลที่สืบสันดานจากบุพการีที่มีเชื้อสายไทยแต่ไม่ได้สัญชาติไทยโดยผลของกฎหมายอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ”คำถามต่อมาที่ต้องตอบ ก็คือ ใครคือบุพการีที่มีเชื้อสายไทยแต่ไม่ได้สัญชาติไทยโดยผลของกฎหมายอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ ? คำตอบ ก็คือ บุพการีในชั้นต้นนี้เป็นคนสัญชาติไทย แต่ต่อมา เสียสัญชาติไทยโดยผลของการที่ประเทศไทยเสียดินแดนในส่วนที่พวกเขาอาศัยอยู่ให้แก่อังกฤษหรือฝรั่งเศส ดังนั้น บุตรในชั้นต่อมาจึงเป็นคนเกิดในขณะที่บุพการีเป็นคนต่างด้าว แม้ว่าจะมีเชื้อสายไทยก็ตาม และแม้เป็นการเกิดบนดินแดนที่เคยเป็นของรัฐไทยในอดีตก็ตาม แต่ก็ยังต้องยอมรับว่า เป็นการเกิดบนดินแดนของรัฐต่างประเทศ บุคคลดังกล่าวจึงมีสถานะเป็นคนต่างด้าวสำหรับประเทศไทยทั้งโดยหลักบุคคลและหลักดินแดน
ขอให้สังเกตว่า ในปัจจุบัน เราอาจจำแนกคนไทยพลัดถิ่นออกเป็น ๒ พวก กล่าวคือ (๑) พวกที่ยังอาศัยอยู่ในดินแดนของรัฐต่างประเทศที่เคยเป็นของประเทศไทย และ (๒) พวกที่อพยพกลับเข้ามาอาศัยในประเทศไทยแล้ว หลังการเสียดินแดน
สำหรับคนไทยที่ยังอาศัยอยู่ในดินแดนที่เราเสียไปแล้วนั้น มีจำนวนไม่น้อยที่พอใจที่อาศัยอยู่ต่อไปในดินแดนที่เสียไป อาทิ คนเชื้อสายไทยในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ดังนั้น ในปัจจุบันนี้ บุคคลดังกล่าวจึงมีสถานะเป็น “คนสัญชาติมาเลเซียที่มีเชื้อสายไทย” ทั้งนี้ ขอให้สังเกตว่า การอาศัยอยู่ในดินแดนที่เสียไปนั้นไม่มีปัญหาความปลอดภัยในสิทธิมนุษยชน อันได้แก่ สิทธิในชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ และทรัพย์สินแต่เมื่อมาพิจารณาถึงคนไทยพลัดถิ่นที่อพยพกลับมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยแล้ว เราอาจจำแนกออกได้เป็น ๒ กลุ่มย่อย กล่าวคือ (๑) พวกที่อพยพกลับเข้ามาทันทีหลังการเสียดินแดน และ (๒) พวกที่อพยพกลับเข้ามาเพราะปัญหาความไม่สงบในรัฐต่างประเทศที่สืบสิทธิในดินแดนดังกล่าวในราว พ.ศ.๒๕๑๕ – ๒๕๓๕ ขอให้สังเกตว่า พวกแรกนั้นมักไม่มีปัญหาการยอมรับให้มีสถานะเป็น “คนสัญชาติไทย” ในขณะที่พวกหลังมีปัญหาอย่างมากที่จะได้รับสถานะดังกล่าว แม้จะมีนโยบายที่ชัดเจนอย่างมากในการแก้ไขปัญหาคนไทยพลัดถิ่นกลุ่มหลัง[i]
กลุ่มคนไทยพลัดถิ่น ในจังหวัดระนอง ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันมีการเชื่อมโยงกันเป็น “เครือข่ายการแก้ปัญหาคืนสัญชาติคนไทย” แม้คนกลุ่มนี้เป็นคนที่มีเชื้อชาติไทย แต่ไม่ได้รับการรับรองให้มีสัญชาติไทย สาเหตุที่กลุ่มคนไทยพลัดถิ่น ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย เนื่องจากการแบ่งเขตดินแดนระหว่างประเทศไทยและพม่าในปี พ.ศ. ๒๔๑๑
ก่อนที่รัฐบาลอังกฤษจะทำการแบ่งเขตดินแดนระหว่างไทยและพม่า ใหม่ พื้นที่ เมืองมะริด ทวาย และตะนาวศรี ฯลฯ ถือว่าเป็นเขตแดนของประเทศไทยมาก่อน มีชุมชนหมู่บ้านคนไทยตั้งบ้านเรือนและทำมาหากินอยู่ เมื่อมีการแบ่งเขตดินแดนในช่วงแรกๆ ยังไม่ได้มีความเข้มงวดเรื่องการเดินทางข้ามดินแดน ไปมาหาสู่ระหว่างญาติพี่น้อง ชุมชนคนไทยบางส่วนก็ยังอาศัยในดินแดนพม่า ไม่ได้โยกย้ายเข้ามาอยู่ในดินแดนไทย ซึ่งรัฐบาลพม่าก็ไม่ได้ยอมรับให้เป็นพลเมืองพม่า ในบางช่วงที่รัฐบาลพม่าออกบัตรให้ ก็ระบุว่าเป็นคนไทย และคนกลุ่มนี้ยังมีวิถีชีวิต การใช้ภาษาสื่อสารเป็นภาษาไทยสำเนียงภาคใต้ มีประเพณีและวัฒนธรรมแบบคนไทยภาคใต้ ที่สำคัญทุกบ้านมีรูปของในหลวง เป็นสัญลักษณ์ที่ยึดมั่นในความเป็นคนไทย
จากการที่ได้ไปสัมผัสกับพี่น้องชาวไทยพลัดถิ่น ปัญหาที่พวกเขาได้รับจากการเป็นคนไทยพลัดถิ่น คือปัญหาสถานะบุคคล พวกเขาเป็นคนไทย พูดภาษาไทย มีวัฒนธรรมไทยแต่กลับต้องถือบัตรเป็นคนต่างด้าวหรือไม่มีเอกสารสถานะบุคคลใดๆเลย นำมาซึ่งการไม่มีสิทธิต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิแจ้งเกิด แจ้งตาย สิทธิการเดินทาง สิทธิค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น
ประมาณการว่า คนไทยพลัดถิ่นถูกรีดไถไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อคนต่อปี จากการศึกษาเบื้องต้นประมาณการว่ามีคนไทยพลัดถิ่นกระจายในจังหวัดประจวบ ระนอง ชุมพร ประมาณ 20,000 คน แต่ที่รวมตัวกันเป็นเครือข่ายและทำกิจกรรมร่วมกันโดยตลอด ในระยะ 6 ปีมีสมาชิก ฯ จำนวน 1,275 ครอบครัว จำนวน 5,073 คน มีบัตรประชาชน 1,082 คน ไม่มีบัตรประชาชนหรือไร้สัญชาติ 4,742 คน[ii]
คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขการไร้สถานะทางกฎหมายและสิทธิของบุคคลในประเทศไทย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ประชุมพิจารณาปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.สัญชาติ ในวันที่ ๑๑ และวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๐ โดย ได้กำหนดแนวทาง การให้สถานะบุคคลแก่คนไทยพลัดถิ่นไว้ในร่างมาตรา ๒๒ ดังนี้
“มาตรา ๒๒ บรรดาบุคคลที่สืบสันดานจากบุพการีที่มีเชื้อสายไทยแต่ไม่ได้สัญชาติไทย โดยผลของกฎหมายอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ ถ้าเข้ามาอาศัยอยู่จริงในราชอาณาจักรไทยโดยมีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร และประสงค์จะขอกลับคืนสัญชาติไทย ให้ยื่นแสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
การพิสูจน์การเป็นผู้สืบสันดานจากบุพการีที่มีเชื้อสายไทยตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีโดยความเห็นของคณะกรรมการตามมาตรา ๒๕ ประกาศกำหนด
การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้กลับคืนสัญชาติไทยตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการตามมาตรา ๒๕ พิจารณาเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเพื่อมีคำสั่ง”
แต่ด้วยการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยสัญชาติในครั้งนี้ มีประเด็นต่างๆถึง ๗ ประเด็น และเรื่องคนไทยพลัดถิ่นเป็นการขอคืนสัญชาติไทย เป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่มีในกฎหมายสัญชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้องยังไม่เข้าใจมากนัก สภานิติบัญญัติ ได้ตัดสินใจตัดมาตรา ๒๒ ออกจากร่างพระราชบัญญัติสัญชาติ
ขณะนี้ทางเครือข่ายกำลังจะเสนอพ.ร.บ. คืนสัญชาติ ซึ่งรศ. ดร. บรรเจิด สิงคเนติเป็นผู้รับแปลเป็นภาษากฎหมายให้แก่ชาวไทยพลัดถิ่น ตัวแทนชาวไทยพลัดถิ่นและมูลนิธิชุมชนไทจะมารับตัวพ.ร.บ.ดังกล่าวในวันจันทร์ 29 มิถุนายนนี้ เวลา 17.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เก็บภาพบรรยากาศมาฝากค่ะ
พี่รุ่ง เป็นหนึ่งในคณะทำงานเครือข่ายการแก้ปัญหาคืนสัญชาติคนไทย พี่รุ่งบอกว่าได้ศึกษาความรู้เกี่ยวกับสถานะบุคคลในเว็บไซท์ของอาจารย์พันธุ์ทิพย์ www.archanwell.org แล้วนำไปเผยแพร่ให้แก่ชาวบ้าน
ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่
http://cid-e511f9da71c0967a.skydrive.live.com/albums.aspx
ขอบใจจ๊ะ ที่ถ่ายทอดบรรยากาศมาให้