การให้อำนาจกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน
(Power to the People)
Seth Silver* แปลโดย วันทนา เมืองจันทร์
การให้อำนาจกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานนั้น ผู้เขียนเชื่อว่าไม่ได้เป็นเรื่องของความนิยมชั่วครู่ ชั่วยามแต่เป็นวิธีการที่เป็นความพยายามอย่างแท้จริงของผู้บริหารในการปรับปรุงการปฏิบัติงานซึ่งวิธีการนี้มักจะถูกลืมอยู่เนื่องๆ ผู้เขียนมีความเชื่อว่า ความปรารถนาของบุคลากรผู้ปฏิบัติงานนั้น อยากจะได้รับอำนาจที่ได้รับมาจากการมอบหมายของผู้บริหารตลอดไป และองค์การต่าง ๆ ที่ไม่ใส่ใจในความคิดนี้ก็ค่อนข้างจะมีความเสี่ยงสูง ต่อการพัฒนาองค์การให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
การให้อำนาจกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน (Power to the People) ตามความหมายที่ได้มาจากผลการวิจัยนั้น เป็นที่เข้าใจว่ามีความหมายเป็นสองนัยเปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นด้านของผู้บริหาร ซึ่งเป็นฝ่ายให้อำนาจหรือมอบอำนาจให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน โดยมอบให้ทั้งอำนาจในการที่จะตัดสินใจในงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่และให้โอกาสที่จะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารหรือสารสนเทศที่ควรจะต้องรู้ ตลอดจนอำนาจที่จะสามารถใช้ทรัพยากรต่าง ๆ (Input) เพื่อนำมาใช้ในการทำงานให้สำเร็จตามที่ต้องการ ส่วนความหมายอีกนัยหนึ่งนั้น จะหมายถึง การที่บุคลากรผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนมีความรู้สึกรับรู้ถึงอำนาจที่ได้รับ ซึ่งเป็นอำนาจที่จะสามารถตัดสินใจในงานที่ตนรับผิดชอบอยู่ได้
แน่นอนว่าความหมายของทั้งสองนัยนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน จากผลการวิจัย พบว่า ถ้าผู้บริหารให้อำนาจกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน เพื่อจะได้มีโอกาสทำงานโดยอิสระ มีโอกาสใช้ทรัพยากรตามที่ต้องการได้ตามความจำเป็นมีโอกาสได้รับรู้ข้อมูล ข่าวสาร และสารสนเทศที่เหมาะสมกับความสำคัญของงาน และสามารถตัดสินใจในงานที่รับผิดชอบได้ ถ้าเป็นเช่นนี้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานก็จะรู้สึกว่า งานที่ตนทำอยู่มีความหมาย มีความสำคัญและผลกระทบที่จะตามมาก็คือ ทำให้เขามีขวัญและกำลังใจ และมีความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้น และในที่สุดเขาก็จะสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
จากผลการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า ผลลัพธ์ของการให้อำนาจกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานจะทำให้เกิดการปรับปรุงงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้ ได้แก่ (1) ด้านการนำนวัตกรรมมาใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มผลผลิต (2) ด้านการพัฒนาคุณภาพงาน (3) ด้านการให้บริการเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ (4) ด้านการพยายามหาทางลดค่าใช้จ่ายลง และ (5) จะทำให้บุคลากรที่ได้รับมอบอำนาจมีขวัญ และกำลังใจในการทำงานเพิ่มขึ้น
ดังนั้น คำถามที่ว่า “ทำไมการให้อำนาจกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นที่นิยมชั่วครู่ ชั่วยาม ? คำตอบที่เห็นชัด ๆ อยู่แล้วก็คือ ประการแรก บุคลากรผู้ปฏิบัติงานจะมีความปรารถนาในสิทธิที่จะสามารถควบคุมสิ่งที่จะบังเกิดขึ้นกับงานของเขา ดังนั้นการได้รับอำนาจจึงหมายถึง การที่ผู้ปฏิบัติงานจะสามารถควบคุมงานที่เขาทำอยู่ สามารถใช้วิจารณญาณของตนตัดสินใจ โดยไม่ต้องถูกสั่งอยู่ตลอดเวลา ว่าจะต้องทำอะไร และทำอย่างไรในงานของตน ดังนั้น การได้รับอำนาจในงานที่ทำจึงเกิดผลดีในทางจิตวิทยา เพราะจะทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถควบคุมตนเองและปกครองตนเองได้ ประการที่สอง ผู้ปฏิบัติงานในวัยหนุ่มสาวมักจะคาดหวังว่าเขาจะได้รับมอบอำนาจในงานที่ตนทำเพราะคนวัยนี้จะมีทัศนคติต่องานที่ตนทำในแง่ดี และหวังว่าเขาจะได้รับการยอมรับ ได้รับเกียรติ และเขาก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเสียสละ แต่ทว่า เมื่อใดก็ตามที่เขารู้ตัวว่าไม่มีค่าควรแก่งาน เพราะไม่ได้รับการมอบอำนาจ เขาก็จะทิ้งงานไปโดยไม่ไยดี ดังนั้น แม้ในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจขาลงเช่นนี้ การลาออกจากงานกลางคันของแรงงานวัยหนุ่มสาว จึงมีอัตราการลาออกที่สูงอยู่
ประการสุดท้าย ผู้บริหารที่ฉลาดย่อมรู้ดีว่า การให้อำนาจกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน จะทำให้ผลการปฏิบัติงานสูงขึ้น ถ้าให้อำนาจกับผู้ปฏิบัติงานที่มีความรับผิดชอบสูง มีศักยภาพและมีวินัยในตนเอง ก็ย่อมจะทำให้เกิดผลดีกับงาน ข้อเท็จจริงนี้มักจะพบได้จากองค์การที่มีการรีเอ็นจิเนียริ่ง หน่วยงานหรือองค์การที่นำระบบ TQM (Total Quality Management) มาใช้ในการปฏิบัติงาน
ดังนั้น องค์การที่ต้องการให้มีผลการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นจึงควรพิจารณานโยบาย การให้อำนาจแก่บุคลากรผู้ปฏิบัติงานที่มีความรับผิดชอบสูง มีศักยภาพ และมีวินัยในตนเองตามความเหมาะสม
ต่อไปนี้เป็นข้อเสนอแนะในการให้อำนาจแก่บุคลากรผู้ปฏิบัติงานตามความหมายทั้งสองนัยของการให้อำนาจแก่บุคลากรผู้ปฏิบัติงานซึ่งได้แก่
1. ควรให้บุคลากรทุกระดับได้รับรู้ข่าวสารและรับรู้ข้อมูลสารสนเทศขององค์การให้มากที่สุดเท่าที่ควรจะได้รับรู้ ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับ (1) ผลการปฏิบัติงาน (2) ข้อมูลด้านค่าใช้จ่ายขององค์การ (3) ข้อมูลด้านการแข่งขันกับองค์การอื่น และ (4) ข้อมูลป้อนกลับที่ได้รับจากลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ
2. องค์การจะต้องมีนโยบายที่ชัดเจน มีการกำหนดขอบข่ายของงานที่ชัดแจ้ง มีการจัดลำดับขั้นตอน และกระบวนการในการทำงานและกำหนดข้อจำกัดของอำนาจ (Limit of Authority) ที่จะมอบให้กับผู้ปฏิบัติงาน และกำหนดเป้าหมายขององค์การที่ต้องการ
3. มีการจัดการทำงานในรูปทีมงานสนับสนุนการบริหารงาน (Support self – managing team) ให้ผู้รับมอบอำนาจมีการบริหารจัดการด้วยตนเอง
4. ถ้าเป็นไปได้ ควรมีการมอบหมายงานหรือโครงการต่าง ๆ ให้กับทีมงานที่ได้รับมอบอำนาจ โดยให้ทีมสามารถกำหนดเป้าหมายการทำงานเองและกำหนดมาตรการในการทำงานขึ้นมา
5. ผู้บริหารอย่าควบคุมการปฏิบัติงานมากจนเกินไป เมื่อให้อำนาจไปแล้วผู้รับมอบอำนาจอาจจะเลือกวิธีการทำงานที่ผู้บริหารไม่พึงพอใจ หรือแนวคิดในการทำงานของทีมงานที่ได้รับมอบอำนาจไปอาจไม่เป็นที่ยอมรับ ผู้บริหารก็จะต้องสอนงานเขา (Coach them) เพื่อให้เขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานโดยให้ทีมงานคิดเสนอแนวทางในการสร้างทางเลือกหลาย ๆ วิธีแล้วเลือกวิธีการที่ดีที่สุด เหมาะสม และประหยัดที่สุดแต่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ต่อไปบุคลากรเหล่านี้ก็จะมีความสามารถในการทำงานและสามารถตัดสินใจได้เอง
ข้อควรระวังก็คือ ผู้บริหารจะต้องสอนงาน (Coach) เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ผู้ปฏิบัติงานทีมความเข้าใจเป้าหมายรวมหรือภาพรวม (Big Picture) ที่ต้องการขององค์การ และสอนว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำงานให้เหมาะสมและจะต้องจัดหาทรัพยากรที่เขาต้องการ สนับสนุน ส่งเสริมพร้อม ๆ กับให้ข้อมูลป้อนกลับในทางบวก และข้อมูลในเชิงสร้างสรรค์ และตั้งคำถามให้ผู้ปฏิบัติงานหาคำตอบเพื่อให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้น
เอกสารอ้างอิง
Seth Silver, “Power to the People,” Training, October 2001 Volume 38 Number 10
แวะมาเยี่ยมแล้วครับ
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเยี่ยม