กลุ่มออมทรัพย์ : สร้างฐานการจัดการ สร้างฐานทุนสู่การสร้างคน
ทรงวุฒิ พัฒแก้ว, ประสิทธิ์ชัย หนูนวล, จินดา จิตตะนัง
สมาคมดับบ้าน ดับเมือง
๓๐/๑ หมู่บ้านราชพฤกษ์ ๒ ซอย ๒ ตำบลปากนคร
อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ๘๐๐๐๐
โทรศัพท์ ๐-๗๕๓๑-๘๖๒๓ โทรสาร ๐-๗๕๓๑-๘๖๒๔ อีเมล์ [email protected]
ตั้งหลักคิดให้ชัด การจัดการให้แน่น
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญประการหนึ่งของกลุ่มอนุรักษ์ก็คือ การเปลี่ยนฐานคิดจากการพึ่งพาทุนภายนอกมาสู่การพึ่งพาทุนที่เกิดขึ้นจากการจัดการของชุมชนเอง เพราะฉะนั้นการเรียนรู้ของชุมชนบ้านสระบัวจึงเริ่มต้นจากการไปศึกษาดูงานในชุมชนอื่นๆ เช่น ที่ จ.สตูล และจังหวัดสงขลา การเรียนรู้เหล่านี้นำมาซึ่งการเกิดความคิดในการที่จะทำให้กิจกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นในชุมชนบ้านสระบัวด้วย ทั้งนี้จากการเรียนรู้ดังกล่าวชุมชนเริ่มเกิดแนวคิดที่จะตั้งกลุ่มออมทรัพย์ จากการเพาะบ่มแนวคิดดังกล่าวจากกลุ่มอนุรักษ์ขึ้นมาซึ่งเรียกว่า “กลุ่มประมงออมทรัพย์มุสลิมมะห์ บ้านสระบัว”
ทำไมจึงได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มออมทรัพย์มุสลิมมะห์ ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มออมทรัพย์ที่ตั้งขึ้นใหม่มุ่งหวังให้การดำเนินการหลักเป็นของผู้หญิงในชุมชน ทำไมจึงต้องเป็นผู้หญิงจึงเป็นคำถามที่น่าสนใจทั้งนี้เพราะการที่ชุมชนต้องการให้ผู้หญิงเป็นผู้ดำเนินการหลักของชุมชนเนื่องมาจากว่าก่อนหน้านี้บทบาทหลักในการทำกิจกรรมของชุมชนนั้นเกิดขึ้นจากการดำเนินการของผู้ชาย ฝ่ายผู้หญิงเพียงเป็นฝ่ายเฝ้ามองดูหรือช่วยอยู่ห่างๆ บางทีก็มีคำถามว่าสามีไปทำอะไรที่ไหน เพื่อต้องการลดช่องว่างและให้บทบาทต่อการพัฒนาที่เท่าเทียมกันแกนนำชุมชนซึ่งก็คือแกนนำของกลุ่มอนุรักษ์จึงมีมติให้การดำเนินการของกลุ่มออมทรัพย์เป็นการดำเนินการหลักโดยกลุ่มมุสลิมมะห์
กลุ่มออมทรัพย์บ้านสระบัว ก่อตั้งขึ้นด้วยการอยากให้สมาชิกชาวประมง มีเงินออมมีเงินเก็บ เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่จะไม่ได้ไปธนาคาร เมื่อเก็บเงินไว้กับตัวจึงใช้จ่ายกันหมดนอกจากนี้ยังเป็นแหล่งทุนสำหรับการพัฒนากิจกรรมของกลุ่มอนุรักษ์ที่มีการทำกิจกรรมอยู่เสมอ ก่อนหน้านี้ในกลุ่มอนุรักษ์เริ่มมีการเก็บเงินเป็นของกลุ่มบ้างแล้วเพราะต้องคอยขับไล่การทำการประมงที่ไม่เหมาะสมในอ่าว จึงต้องมีการเก็บเงินเรือประมงทุกลำ ลำละ ๑๐ บาทต่อเดือน เพื่อเป็นค่าน้ำมันในการออกเรือไปขับไล่อวนลากอวนรุน
เมื่อเกิดแนวคิดที่จะตั้งกลุ่มออมทรัพย์การเก็บเงินจึงใช้แนวเดิมเมื่อครั้งเก็บเงินเข้ากลุ่มอนุรักษ์จากการที่ต้องเดินเก็บในทุกเดือน ในช่วงแรกคณะกรรมการแบ่งเป็นสี่โซนเพื่อเดินเก็บ ตั้งเป็นหุ้นละ ๒๐ บาท ไม่เกินหุ้น ๕ หุ้นต่อเดือน ครบรอบเดือนไปเก็บเงินออมครั้งหนึ่ง สาเหตุที่เดินเก็บเงินเนื่องมาจากเคยเดินเก็บเงินของกลุ่มอนุรักษ์ก็เลยเดินเก็บต่อ เก็บเงินเพื่อออมอย่างเดียว เริ่มแรกเริ่มสนุกในแต่ละบ้านฝากกันหลายคน จนครบหนึ่งปี ปีที่ ๒ คณะกรรมการอยากให้สมาชิกเข้าร่วมมากขึ้น เลยให้สมาชิกมาฝากที่บ้าน ใช้รูปแบบการจัดการที่ทุกคนมีส่วนร่วม ใช้กฏระเบียบของกลุ่มในการควบคุมจัดการ
ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น พอเปลี่ยนมาจ่ายเองต้องมาฝากเองก็เลยไม่สะดวกลาออกกันไปบ้าง แต่กรรมการก็ยืนยันเพราะอยากส่งเสริมความมีระเบียบวินัย การมีส่วนร่วม และการทำกิจกรมร่วมกัน ปัญหาต่อมา คือเริ่มแรกประชุมกันกรรมการไม่ค่อยมา ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญ ไม่มีคนทำงานกลุ่ม กลุ่มแกนนำเองก็ไม่ให้ความสำคัญเรื่องการจัดการมากนัก มีความสนใจเฉพาะกลุ่มเล็กๆ สุดท้ายมีปัญหาเรืองระบบเอกสาร เมื่อมีการแก้ปัญหาเรื่องระบบเอกสารทั้งหมด และระบบการทำงานกระบวนการทำงานและกระบวนการกลุ่มดีขึ้น ทุกคนสนุกกับการทำงาน
การจัดการทางบัญชี ระเบียบวินัยทางการเงิน สู่ความเชื่อมั่น
กลุ่มออมทรัพย์เป็นกลุ่มที่เน้นการจัดการทางด้านการเงิน ปัจจัยหลักๆ ในการดำเนินงาน คือ หนึ่งความน่าเชื่อถืออันจะนำไปสู่ความเชื่อมมั่นของสมาชิก สอง กฎระเบียบของกลุ่มและการบริหารจัดการ สาม การเปิดเผยข้อมูล ติดตามตรวจสอบได้ จากการดำเนินงานของกลุ่มออมทรัพย์ที่นี่ เมื่อดำเนินการฝากถอนเสร็จ จะปิดบัญชีให้เสร็จสิ้นภายในวันนั้น และจะนำเงินส่วนที่เหลือฝากธนาคาร แล้วสำเนาหน้าสมุดธนาคารมาติดไว้ในที่เปิดเผย หรือหากติดเสาร์อาทิตย์ก็จะดำเนินการภายในเปิดราชการทันที
การจัดการที่ดี ย่อมนำมาสู่ความราบรื่น ความเชื่อใจ และการไม่เป็นภาระ นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกระเบียบวินัยไปในตัวด้วย กล่าวคือ กลุ่มอออมทรัพย์จะดำเนินการเดือนละ ๑ ครั้ง ดังนั้นหากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นภายใน ๑ วันก็จะไม่เป็นภาระกับภารกิจครอบครัวหรืออื่นๆ กลุ่มออมทรัพย์แม้จะมีเงินเยอะแต่หากขาดระเบียบวินัยทางการเงินและขาดความน่าเชื่อถือ จะปิดตัวลงได้ง่ายๆ ดังนั้นความสม่ำเสมอ ความต่อเนื่องต้องเสมอต้นเสมอปลาย
สร้างออมทรัพย์ให้เป็นทั้งออม และที่พึ่ง
ตอนเริ่มออมทรัพย์ปีแรกไม่มีใครกู้ อยากฝากอย่างเดียว เนื่องจากไม่มีปัญหาทางการเงิน ประกอบกับยังไม่เข้าใจกฎระเบียบต่างๆ มากนัก ในปีหลังสมาชิกเริ่มมีความต้องการเงิน และหวังให้กลุ่มออมทรัพย์เป็นที่พึ่งทางการเงิน จึงมีการปล่อยกู้เงินฉุกเฉิน เนื่องจากมีความจำเป็น ในการซื้อตาชั่ง ในการซ่อมเรือ เครื่องมือประมง เมื่อมีการกู้ได้ เริ่มมีคนรู้สึกว่าดี เลยเข้ามาเรื่อยๆ เริ่มแรกหลายๆคนก็หวังออมเงินเพื่อการกู้ แต่คณะแกนนำอยากให้สมาชิกเน้นการออม ดังนั้น จึงเอากลุ่มออมทรัพย์ไปผูกติดกลับกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นมาใหม่ เช่น ร้านค้าชุมชน กองทุนประมง จะต้องเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ก่อน จึงจะเป็นสมาชิกกลุ่มอื่นได้
หลังจากมีการปล่อยกู้ สมาชิกที่ค้างจ่ายเกินเวลาที่กำหนดก็จะมีหนังสือจากกลุ่มไปทวง ในการสรุปรายปีก็มีรายชื่อติดไว้ตามร้านน้ำชา เป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จแต่ไม่ค่อยได้รับความพอใจจากสมาชิกมากนัก ส่งผลให้ มีปัญหาโกรธกันบ้าง ลาออกกันไปบ้าง แต่ก็เป้นกติการ่วมกันของคนในชุมชน ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัวด้วย เพราะเมื่อสิ้นปีจะติดประกาศทางบัญชี ว่าใครมีเงินเท่าไหร่ มีการกู้เท่าไหร่ ใครค้าง ใครกู้ และที่สำคัญ ระบบการเงินคืนกำไรสู่ชุมชนในเรื่องไหนบ้าง เป็นการกระตุ้นสมาชิก และเชิญชวนสมาชิกใหม่ๆในชุมชนเข้าร่วมให้มากขึ้นไปอีกด้วย
ออมทรัพย์ คือฐานของชุมชนในการแก้ปัญหา
ปัจจัย หลักที่ทำให้กลุ่มออมทรัพย์ตั้งขึ้นมาได้ ๕ ปีแล้ว เนื่องจากคณะกรรมการและสมาชิกมีความตั้งใจ มีความจริงจัง มีการเสียสละ จนสร้างความน่าเชื่อถือเชื่อมั่น ของคนในชุมชน กลุ่มออมทรัพย์ไม่ได้หยุดนิ่งแค่การออมและการกู้ แต่ค่าธรรมเนียมยังตั้งเป็น กองทุนพัฒนากลุ่ม กองทุนพัฒนาสังคม และกองทุนสวัสดิการชุมชน ปัจจุบันมีสมาชิกเข้าร่วมแล้วประมาณ ๑๐๐ ครัว มีสมาชิกร้อยกว่าคน และมีสมาชิกที่มีการกู้เป็นครึ่งหนึ่งของคนฝากทั้งหมด
ตารางที่ ๑ แสดงการจัดสรรการเงินของกลุ่มออมทรัพย์
ที่ |
รายการ |
อัตราปันผล |
1 |
กองทุนพัฒนากลุ่ม |
ร้อยละ 15 |
2 |
กองทุนพัฒนาสังคม |
ร้อยละ 15 |
3 |
กองทุนสวัสดิการสมาชิก |
ร้อยละ 40 |
4 |
กองทุนอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล |
ร้อยละ 15 |
5 |
ค่าตอบแทนคณะกรรมการ |
ร้อยละ 15 |
จากการจัดสรรเงินของกลุ่มออมทรัพย์แสดงให้เห็นว่า กลุ่มออมทรัพย์นี้นอกจากประเด็นที่พึ่งทางการเงินแล้วยังเป็นแหล่งทุนสำหรับการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกันจ่าย อีกทั้งยังเป็นกองทุนสวัสดิการเพื่อรวบรวมเข้ากับกองทุนอื่นๆ
จากการที่กลุ่มออมทรัพย์ไม่มีดอกเบี้ย แต่มีการหักค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการ และนำค่าธรรมเนียมเหล่านี้คืนกำไรสู่ชุมชนเพื่อแก้ปัญหาในชุมชนกันเอง ดังนั้นส่งผลให้กลุ่มออมทรัพย์มีวัตถุประสงค์ชัดเจน คือ การออมและเป็นฐานทุนพัฒนาชุมชน เป็นฐานทุนในการพัฒนาชุมชน พัฒนาคนอย่างมีส่วนร่วมชัดเจน เพราะผลของการตั้งกลุ่มออมทรัพย์ คือ ไม่หวังผลกำไร แต่เป็นการหวังเรื่องคน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
กลุ่มออมทรัพย์ที่บ้านสระบัวก่อตัวและสร้างตัวตนของตัวเองขึ้นมาได้อย่างไรและอะไรเป็นจุดเด่นของกลุ่มออมทรัพย์ที่นี่? จึงเป็นคำถามที่น่าสนใจ ประการต่อมาหากเราถอดรหัสของกลุ่มออมทรัพย์บ้านสระบัวก็จะพบว่ามีการดำเนินการที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาของชุมชนเป็นหลัก คำว่าแก้ปัญหานั้นก็หมายความถึงการเติมเต็มปัจจัยที่ยังขาดในการสร้างสุขชุมชนและการสร้างคนในชุมชนให้รู้จักการออมและมีวินัยในการดำเนินชีวิต
ผูกออมทรัพย์ไว้กับกิจกรรมอื่นๆ ในชุมชน
กลุ่มออมทรัพย์ที่บ้านสระบัวยังกลายเป็นกลุ่มกิจกรรมที่มีฐานสมาชิกมากที่สุด ทั้งนี้เป็นความต้องการของแกนนำชุมชนที่ต้องการให้การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของสมาชิกในชุมชนนั้นต้องผ่านการเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ก่อน ด้วยการดำเนินการดังกล่าวทำให้ระบบกลุ่มการทำกิจกรรมของชุมชนบ้านสระบัวเกิดการเชื่อมโยงกันหมดกลายเป็นลูกไก่ฝูงเดียวกัน ซึ่งมีปรัชญาการดำเนินการคล้ายกันรวมถึงกลุ่มคนที่ดำเนินการแต่ละกลุ่มนั้นเป็นกลุ่มคนที่ผ่านการมีระบบคิดเดียวกันโดยมีแกนนำของกลุ่มอนุรักษ์เป็นแกนหลักในการเป็นพี่เลี้ยงของกรรมการทุกกลุ่ม
กลุ่มออมทรัพย์กลายเป็นกลุ่มหลักของชุมชนเพราะกลายเป็นเงื่อนไขว่า ถ้าใครจะเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มอื่นๆจะต้องเป็นสมาชิกของกลุ่มออมทรัพย์ก่อน ทั้งนี้เนื่องจากการสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์แท้ที่จริงคือกระบวนการพัฒนาคน เพราะฝึกให้คนรู้จักการออม ตรงต่อเวลา มีวินัย เห็นใจผู้อื่น และมีความรับผิดชอบ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่อาจสอนกันได้ มีแต่ลงมือทำจึงเห็นผลที่แท้จริง นอกจากนี้ยังเป็นกระบวนการตรวจสอบสมาชิกของกลุ่มต่างๆ ผ่านกลุ่มออมทรัพย์อีกด้วย การออกแบบในลักษณะนี้เป็นผลมาจากการที่ทุกกลุ่มล้วนสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทั้งในเชิงงานและกลุ่มคน กลุ่มออมทรัพย์จึงทำหน้าที่สร้างการเรียนรู้ให้คนด้วยนอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจ และหากดูกิจกรรมของกลุ่มออมทรัพย์จะทราบว่า กลุ่มของบ้านสระบัวได้หลีกพ้นไปจากมิติทางด้านเศรษฐกิจแต่ก้าวไปสู่การใช้กลุ่มออมทรัพย์จัดการทางสังคม ซึ่งการให้ซะกาต กองทุนสวัสดิการสังคม กองทุนประมง เป็นต้น
ใช้ออมทรัพย์เป็นเครื่องมือขยายฐานการเรียนรู้และความร่วมมือแก่ชุมชนอื่น
กลุ่มออมทรัพย์แม้จะเป็นเพียงกลุ่มกิจกรรมเล็กๆในชุมชน แต่เป็นกิจกรรมที่สร้างคน และมีความต่อเนื่องของกิจกรรมเป็นอย่างดี จากการทำงานมาต่อเนื่องและตกผลึกทางความคิด แกนนำชุมชนจากบ้านสระบัว และบ้านในถุ้ง มีแนวคิดในการขยายฐานการเรียนรู้แก่ชุมชนอื่นๆ จึงได้ดำเนินการขยายการเรียนรู้ในตำบลไปยังหมู่บ้านอื่นๆ จนก่อเกิดเป็น “เครือข่ายประมงพื้นบ้านอ่าวท่าศาลา” สามารถสร้างการเรียนรู้แบบบูรณาการในระดับตำบล สร้างความร่วมมือกับ อบต. ในการยกระดับสู่กิจกรรมอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังขยายฐานไปยังตำบลอื่นๆ เพื่อสร้างฐานชุมชน ผ่านความสัมพันธ์เชิงเครือญาติและภูมินิเวศวัฒนธรรมและอาชีพ การขยายฐานการเรียนรู้นี้ นอกจากได้เพื่อนแล้ว ยังนำไปสู่การแก้ปัญหาใหญ่ๆ ที่เป็นประเด็นร่วม เช่น ปัญหาประมงพาณิชย์ การแลกเปลี่ยนเรื่องความรู้ในการพัฒนาชุมชน
บทสรุปของกลุ่มออมทรัพย์ : สร้างฐานการจัดการ สร้างฐานทุนสู่การสร้างคน
เห็นได้ว่า กลุ่มออมทรัพย์เป็นกิจกรรมเล็กๆ แต่เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพยิ่งของชุมชน ในการสร้างทุน ของชุมชน และการสร้างกลุ่มให้เกิดการจัดการและความต่อเนื่อง ซึ่งเป็นมากกว่ากิจกรรม แต่นั่นหมายถึง เป็นภารกิจที่สำคัญของชุมชนอันจะนำไปสู่การสร้างฐานสู่ความยั่งยืน
ดังนั้น คำถามที่สำคัญต่อกลุ่มออมทรัพย์หรือการพัฒนา คือ ให้กลุ่มออมทรัพย์เป็นประโยชน์อย่างไรต่อชุมชน เป็นฐานการพัฒนาได้อย่างไร เพื่อจะต้องตอบให้ได้ว่า ออมทรัพย์ เป็นมากกว่าการกู้เงินหรือการออมเงินเพียงอย่างเดียว
เอกสารอ้างอิง
กลุ่มประมงออมทรัพย์มุสลิมมะห์ บ้านสระบัว. ระเบียบเพื่อการบริหารจัดการและดำเนินงาน
ฉบับปรับปรุงครั้งที่ ๕ วันที่............... ๒๕๕๑
เครือข่ายทรัพยากรและการจัดการสิ่งแวดล้อม. เพื่อให้อยู่ดีที่บ้านเรา : บทเรียนของชุมชนเพื่อรักษา
ต้นธารแห่งชีวิต โครงการดับบ้านดับเมือง เรียนรู้อยู่ดีที่ปากใต้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการ
สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) . ๒๕๔๙
ทรงวุฒิ พัฒแก้ว และคณะ. สร้างสุขด้วยยุทธการพอเพียง ว่าด้วยการสรีระชุมชนที่สระบัว. โครงการดับ
บ้านดับเมือง เรียนรู้อยู่ดีที่ปากใต้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) .
๒๕๕๑
วิจารณ์ พาณิช. การจัดการความรู้ ฉบับนักปฏิบัติ. สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.).
๒๕๔๘
ภาคผนวก
ไม่มีความเห็น