เด็กวัฒฯ
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร คนวัฒนธรรม

“ไม่” ในวิถีชีวิต...ที่ควรพิจารณาปรับปรุงในยุคโลกาภิวัฒน์


การปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตที่ถูกที่ควรในยุคโลกาภิวัฒน์เป็นสิ่งที่จำเป็นขึ้นเรื่อยๆสำหรับสังคมไทย สาเหตุใหญ่อยู่ที่การตามใจตนเองมากเกินไป หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดวิกฤตได้

การปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตที่ถูกที่ควรในยุคโลกาภิวัฒน์เป็นสิ่งที่จำเป็นขึ้นเรื่อยๆสำหรับสังคมไทย สาเหตุใหญ่อยู่ที่การตามใจตนเองมากเกินไป หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดวิกฤตได้ ลองมาดูว่า  การ”ไม่” ในสิ่งต่างๆ จะเป็นเหตุให้เกิดปัญหาในสังคมจริงหรือไม่

ไม่ควบคุมรายจ่าย
----------------------
เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย ทั้งที่มีแบบอย่างที่ดีของคนที่อยู่ได้อย่างประหยัดอยู่เหมือนกันในสังคมไทย แต่คนไทยกลับไม่สนใจนำมาปรับใช้  คงนิสัยฟุ่มเฟือยและมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นมนุษย์เงินเดือนรายได้ต่ำแต่มีพฤติกรรมรายจ่ายแบบผู้จัดการธนาคาร ตัวอย่างที่ใกล้ตัวคือเป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ระดับล่างเช่นลูกจ้างแต่ดันแต่งตัวแบบไฮโซ ขับรถราคาแพง กินข้าวต้องไปเลี้ยงในร้านอาหารหรือภัตตาคารแทนที่จะซื้อกินตามปรกติ หรือทำกินเอง แต่ต้องไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าใหญ่แทนที่จะซื้อใกล้บ้าน ต้องไปเที่ยวดูหนังดูคอนเสริ์ตทุกคืนแทนที่จะอยู่บ้านสบายๆ อ่านหนังสือดูโทรทัศน์....เป็นต้น

ไม่มีมรดกอะไรเลยแต่ชอบสร้างหนี้
---------------------------------------
ข้อนี้คงต้องโทษระบบผ่อนด้วย ทำให้คนเป็นหนี้ได้ง่ายดายโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก จึงปรากฎว่าร้อยละ 99.99 ของคนจนหาเข้ากินค่ำรวมทั้งมนุษย์เงินเดือนเป็นหนี้หมด ทั้งในระบบและนอกระบบและที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลยก็คือเป็นหนี้แบบที่ตัวเองไม่เคยคิดจะจำกัดเพดานหนี้หรือวางแผนปลดหนี้ในอนาคตเลยซึ่งถือว่าอันตรายมาก

ไม่เคยสนใจในเรื่องความรู้
-------------------------------
จนเงินอย่างเดียวไม่เป็นไร หากขยันวันหน้าก็สามารถรวยได้ ตัวอย่างคนสู้จนรวยมีให้เห็นไม่น้อย แต่ถ้าจนแล้ว ปล่อยเวลาว่างให้ผ่านไปโดยไม่สนใจหาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเติมโดยเฉพาะความรู้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ก็น่าเสียดาย จริงๆแล้ว ในยุคสังคมฐานความรู้ ความรู้แม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปหารายได้เสริมได้ นอกจากนั้นจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้การหาความรู้ทำได้ง่ายมาก ขอเพียงมีความตั้งใจอยากจะรู้

ไม่เคยสนใจเรื่องความพอเพียงในการดำรงชีวิต
---------------------------------------------------------
คนส่วนใหญ่ทำตัวเป็นผู้บริโภคที่เกินตัวเสมอ ไม่เคยคิดถึงเหตุผลของการบริโภคของแต่ละอย่างเลย แต่ยึดหลักบริโภคตามกระแสสังคมเอาไว้ก่อน ยกตัวอย่างง่ายๆ การมี เสื้อผ้าหรือของใช้ เครื่องประดับที่มีราคาแพงมาก จำเป็นเพียงใดสำหรับนักเรียน นักศึกษาและคนธรรมดาที่ไม่ได้มีรายได้ที่สอดคล้องกับราคาของ แต่พยายามเงินมาซื้อของเหล่านี้เพียงเพื่อให้ทันกระแสสังคม

ไม่เคยใช้หัวสมองคิดแก้ปัญหาแต่ใช้ความถูกใจ
---------------------------------------------------------------------------
แค่หยิบหนังสือพิมพ์มาหนึ่งฉบับก็จะได้เรียนรู้ว่าคนไทยใช้วิธีแก้ปัญหาโดยไม่ใช้ปัญญา ยอมทำผิดกฎหมายทุกอย่างเพียงเพื่อหาเงินมาเที่ยว หลงไหลกับเรื่องเพศไม่เหมาะสมกับวัย หลงไหลการพนัน สรุปง่ายๆ สวนทางกับศีลห้าทุกข้อ เคยอ่านไหมครับข่าวลูกฆ่าบิดามารดาบังเกิดเกล้าเพียงเพราะไม่พอใจที่โดนว่ากล่าวตักเตือน หรือการฆ่ากันระหว่างสามีภรรยาเพียงแค่ทะเลาะกันหรือแม้กระทั่งฆ่ากันโดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเพียงแค่มองหน้ากันแล้วไม่ถูกชะตาหรืออยู่คนละสถาบัน

ไม่เคยประหยัด
-------------------
แม้โลกจะพัฒนาไปยุคไหนแล้วก็ตาม หากรู้จักประหยัด ก็สามารถอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยคือไม่มีใครคิดจะประหยัดกันเลย เป็นประเทศที่คนในประเทศเผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง เคยเห็นไหมครับที่เปิดไฟ เปิดน้ำ เปิดแอร์ทิ้งไว้ แค่เดินผ่านบ้านใครสักคนก็สามารถจะเห็นสิ่งเหล่านี้รวมทั้งตามที่สาธารณะต่างๆ เช่นถนนสายต่างๆ บ่อยครั้งที่เปิดไฟข้างถนนทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น หลายสถานที่ทำงานเปิดประตูหน้าต่างทั้งที่เปิดแอร์ แม้แต่ในบ้านที่เราอยู่ก็เช่นกัน ลองหันไปดูรอบๆ ตัวเรา อาจจะเห็นสิ่งที่สามารถจะประหยัดได้แต่เราไม่เคยคิดกันเลย

คนไทยจะรู้หรือไม่ว่าในต่างประเทศที่ได้ชื่อว่าพัฒนาและเจริญแล้วเช่นในยุโรปนั้น คนของเขาไม่ได้มีวิถีชีวิตฟุ่มเฟือยอย่างที่คิดเลยแต่กลับมีความประหยัดมากกว่าคนไทยเสียอีก

ไม่เคยหยุด... ตามกิเลส
------------------------------
เป็นมนุษย์มีคำกล่าวว่าคือสัตว์ประเสริฐ เพราะรู้จักใช้หัวสมองคิด แต่คนเมืองส่วนใหญ่ไม่เคยหยุดที่จะตามกิเลสแล้วคิดถึงข้อเท็จจริงในสภาพปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร คุณธรรมจึงเสื่อมลงอย่างเห็นได้ชัด คนไทยอยุ่ในต่างแดนหลายคนยอมรับว่าสังคมไทยน่ากลัวและดูไม่ปลอดภัยที่จะอยู่
ที่พูดตรงๆ มาทั้งหมดนี้เพียงเพื่อให้เกิดการตระหนักคิดกันบ้าง แม้จะรู้ว่าคงไม่ง่ายนักหรอกที่จะเปลี่ยนความคิดเหล่านี้ อย่างไรก็ดี คนไทยมีดีอยู่เหมือนกันคือเป็นคนใจบุญ ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น หากเปลี่ยนความเมตตานี้มาช่วยสังคมของเราเองให้รู้จักการมีวิถีชีวิตที่เหมาะสมมากกว่านี้ก็จะดี เพื่ออนาคตของลูกหลานเราจะได้สบายกว่านี้....

ทางออก
-----------
ทางออกทางหนึ่งที่เห็นกันคือคือการปรับทัศนะคติและปรับวิถีชีวิตใหม่ พัฒนาสติและนำภูมิปัญญาและความรู้ออกมาใช้เพื่อมีชีวิตอยู่อย่างสมดุลย์ พอดีและอย่างพอเพียง แนวทางนี้มิใช่เพื่อให้อยู่กับความยากจนแต่ให้อยุ่กับความมีที่พอเพียงและเหมาะสม  เพราะความยากจนจะไม่เกิดกับผู้มีปัญญา
หากเราไม่คิดทำเพื่อการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ สิ่งดีๆ ก็จะไม่เกิดและอนาคตของสังคมก็จะประสบกับปัญหาที่มากขึ้นเรื่อยๆ
..................................

หมายเลขบันทึก: 267682เขียนเมื่อ 12 มิถุนายน 2009 16:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 15:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ไม่เคยหยุด... ตามกิเลส

ผมว่าตัวนี้สำคัญที่สุดครับ  และไม่ใช่เฉพาะคนเมืองเท่านั้น ตอนนี้คนท้องนาก็ตกเป็นเหยื่อคนเมืองไปมากต่อมากแล้ว

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ

 

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท