"พี่หลิน ไปสิงคโปร์กันดีกว่า...นี่เลยหยุดยาว 4 วัน"
จากคำชวนนี้ทำให้ แผนการเที่ยวเกาะสิงคโปร์เริ่มขึ้น
มีหลายเสียงบอกมาว่า สิงคโปร์ไม่เห็นจะมีอะไร
เมืองเล็กนิดเดียวเอง สองวันก็เที่ยวทั่วแล้ว
เอาวะ...ขอลองไปดูเมืองเล็กที่ไม่มีอะไรกะเค้าสักตั้งละกัน
แล้วจะได้รู้ว่า....สิงคโปร์ มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด......
ถ้าพร้อมแล้ว ออกเดินทางได้เลยค่ะ.....
คณะของเรา 11 ชีวิต พร้อมกันหน้า สหชัยทัวร์ เพื่อรอขึ้นรถทัวร์
(แต่ตจริง ๆ แล้วบริษัทตัวแทนทนทัวร์นั้นอยู่ตรงข้าม ลีการ์เด้นพลาซ่าและรถจอดหน้าเซ็นทรัลค่ะ)
เป็นรถทัวร์ 2 ชั้น ขนาด VIP เบาะใหญ่มาก ของkonsurtium ราคา 720-750 บาท
(แล้วแต่ว่าต่อเก่งแค่ไหน อ้อ ให้ดี ซื้อที่ บ.หาดใหญ่วาไรตี้ทัวร์นะคะ)
การเดินทาง เริ่มประมาณบ่าย 2 โมง ผ่านไปยังด่านสะเดา เข้าประเทศมาเลเซียก่อน
ออกจะลำบากสักนิดที่ต้องถือกระเป๋าไปยืนรอตรวจคนเข้าเมืองเองนี่แหละคะ
จากนั้นวิ่งตรงไปยัง กัวลาลัมเปอร์ และต่อไปยังยะโฮห์ ซึ่งเป็นทางออกสู่สิงคโปร์
ถึงสิงคโปร์ ในเช้าอีกวัน 6 โมงเช้าสิงคโปร์ ซึ่งเวลาจะเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง
รถจอดที่ golden mild เค้าว่าเป็น Thai town คนไทยจะค้าขายแถวนั้นเยอะมาก
จากนั้นเดินทางเข้าที่พัก เราเลือก ABC backpackers hostel เป็นที่พักราคาถูก
ใหม่ สะอาด มีเป็นแบบห้องน้ำรวม และห้องน้ำในห้องมี อยู่ 2 ห้อง สนราคาก็
14-20 ดอลล่าสิงคโปร์ สำหรับห้องน้ำรวม และ 40-50 ดอลล่าสิงคโปร์สำหรับห้องน้ำในตัว แถมมีอินเตอร์เนตความเร็วสูงอีกด้วย...ฟรีด้วยนะ.. แถมขนมปังปิ้งเป็นอาหารเช้าอีกอย่างด้วย
(9 พ.ค.52)
ไม่รอช้าแล้วค่ะ หลังจากพักอาบน้ำ ทานขนมปังปิ้งซึ่งทางโรงแรมจัดให้เราบริหารตัวเองแล้ว
ก็เริ่มออกเดินตะลุยสิงคโปร์กันเลย เอาใกล้ ๆ เดินถึงก่อน....เราอยู่ตรงถนนวิคตอเรีย ใกล้สถานี
MRT บูกิส แถมตรงปากซอยเราก็เป็นป้ายรถเมล์อีก เดินทางสะดวกค่ะ
ไกด์จำเป็น...พี่หลิน หรือเราเรียกเจ้.....พาเราเดินเล่นไปยัง ถนน Arab เดินดูบ้านเมือง
แล้วต่อไป littel India เดินวนไปวัดฮินดู ซึ่งเป็นวันที่บูชาเจ้าแม่กาลี จากนั้นเดินต่อไป
Littel India Arcade เป็นตลาดขายของ ของที่ขายเหมือน ๆ บ้านเรา พวกกำยานหอม ๆ
กระเป๋า ผ้าคลุมไหล่ โปสการ์ด
จากนั้นเดินต่อไป Albert complx หรือจตุจักรสิงคโปร์ เหมือนกิมหยงบ้านเราเลย
แวะทานข้าวเช้า และก็มีไอติมอีก ก้อนนึงด้วย
เดินต่อไปยัง วัดเจ้าแม่กวนอิม คนเยอะมาก
ถัดไปอีกนิดเป็นวัดฮินดู Sri Krishna temple
ที่นี่พื้นที่ทุกตารางเป็นเงินเป็นทอง
ต่อไปยัง Bugis village ที่มีเอกลักณษ์ของบ้านที่มีบันไดหนีไฟสีสันตัดกับตัวบ้าน
ก่อนจะเดินกลับไปยัง Bugis
ภาพประวัติศาสตร์ ถังขยะเมืองสิงคโปร์ กลางสี่แยก
และตึกที่เค้าบอกว่า ต้องแก้ฮวงจุ้ยกันเยอะที่สุดในเมืองนี้
จากนั้นเราก็ลงไป สถานีMRT Bugis เพื่อซื้อ Singapore toursit pass เป็นบัตรเหมาจ่าย
การเดินทางด้วยรถเมล์ และ MRT ซึ่งวันละ 8 $ สิงคโปร์ (ค่ามัดจำบัตร 10$ ได้คืนตอนคืนบัตร
จะใช้กี่วันก็คิดไว้เลยนะคะ ซื้อทีเดียวเลย)
นั่ง MRT ไปลงที่ tajong pagar
ตั้งใจจะไปดูสำนักผังเมืองของสิงคโปร์ แต่ว่าวันที่ไปเค้าปิด..อดเลย
แต่เราก็ได้ถ่ายรูปกับตึก Red dot มาแทน เป็นตึกสีแดงที่สวย และเด่นมาก ๆ
จากนั้นเราก็เดินทางด้วย MRTลงที่ harbuor front ไปยัง vivo City แวะทานข้าวเที่ยงที่นี่
ข้าวมันไก่ อร่อยจริง ๆ นะ (5.5 $SG)
ซึ่งชั้น 3 ของที่นี่จะเป็น สถานีรถไป Sentosa เราจองรอบดูการแสดง
song of the sea ไว้ด้วยเลย ราคารถรวมค่าเหยียบเกาะsentosa 3 $ ค่าดูการแสดง
10 $ แต่ด้วยคูปองส่วนลด ทำให้เราลดไปได้ 2$ รวมแล้ว 11$
พอถึงsentosa แนะนำว่าให้ชม image of singapore เพราะว่าคุ้มมากมาย
ใหญ่มากและทำได้สวยงามประทับใจจริง ๆ ด้วยราคา 8$(10$ได้ส่วนลด 2$)
แล้วก็ขอลองขึ้น tiger sky tower เพื่อชมวิวสิงคโปร์แบบ bird eye สักหน่อย
10$ (12$ ลด2$) ทำให้เรามองสิงโปค์ชัดเจนขึ้น ว่ามันเล็กจริง ๆ ด้วย
แต่ทำไมมันมีอะไรมากมายให้เราค้นหา ให้เราไปเที่ยว ไปชม
โครงการ คาซิโนยักษ์ใหญ่ ไว้จะกลับไปดูอีกที อิอิ
เดินเล่นต่อ ที่ เมอไลออน วอค
จากนั้น ทานข้าวเย็น แล้วก็รอชม Song of the sea เป็นการแสดงบนม่านน้ำ
พร้อมเอฟเฟกอลังการมาก ๆ แถมละอองน้ำสาดอีก เก็บกล้องแทนไม่ทัน
(3.5 $SG)
ออกจากเซ็นโตซ่า กลับไปยัง สถานี Bugis เดินดูของที่ Bugis street เล็กน้อยก่อน
นั่งรถเมล์ ต่ออีก 2 ป้าย ก็ถึงที่พักพอดี......
เหนื่อยแทบขาดใจ สำหรับวันแรกในสิงคโปร์
วันที่ 2 ในสิงคโปร์...สวนนก และสามสิ่งสำคัญ
(10 พ.ค. 52)
วันที่ 2 ในสิงคโปร์ วันนี้ ตื่นสายกันทุกคนเลย เพราะเหนื่อยจากเมื่อวาน
แดดแจ่มเชียวเช้านี้ สมาชิกทัวร์ของเราเตรียมพร้อมตอน 10 โมง แต่...
พอพร้อมฝนก็ตกซ่าลงมาอย่างหนักซะงั้น...เห้อ โปรแกรมเราเลยล่าช้าออกไป
กะจะไปสวนนกแต่เช้าสักหน่อย กลายเป็นว่าลองเปลี่ยนแผนไปไชน่าทาวน์ก่อน
เพราะนั่งรถเมล์ต่อเดียวถึง แล้วป้ายรถเมล์ก็ใกล้ที่พักมาก ๆ
รถเมล์ที่นี่ ใช้ระบบที่ทันสมัยไม่แพ้รถไฟฟ้าเลย โดยเวลาใช้บริการเราจะต้องขึ้น
ทางด้านหน้าเท่านั้นเพื่อนำบัตร Singapore tourist pass แตะกับเครื่องสแกนข้างกล่องใส่เงิน
กล่องใส่เงินใช้เมื่อเราจ่าเป็นเงินสด ขอบอกว่าไม่มีการทอนนะคะ ราคาก็ประมาณ 1-2 $ SG
แถมที่ป้ายยังมีบอกเส้นทางอีกด้วยว่าสายไหนไปลงที่ไหนบ้าง ยังกะรถไฟฟ้าเลย ชอบมาก ๆ
พอเราลงที่ ไชน่าทาวน์ ฝนก็หยุดตกเราเลยเปลี่ยนใจอีกรอบมุดลงรถไฟฟ้าใต้ดิน
สถานีไชน่าทาวน์ไปสวนนกกันดีกว่า...จากสถานีไชน่าทาวน์ มาเปลี่ยนสายเป็นสายสีเขียวที่
outram parkและนั่งต่อไปจนลงที่ boon lay สถานนี้เป็นจุดเชื่อมต่อ กับสถานีรถบัส
โอ้วววแม่เจ้า สถานีรถบัสนะคะ ไม่ใช่ป้ายรถเมล์ มันจะเป็นที่รวมของรถเมล์ เยอะมาก
แวะกินข้าวที่ร้านแถว ๆ นั้น ราคาถูกมาก เยอะด้วยแล้วเดินทางต่อ
นั่งรถเมลสาย 194 ต่อไปยังสวนนก ใช้ Singapore tourist pass ตลอกการเดินทาง
สะดวกมากเลยค่ะ เมื่อไหร่เมืองไทยจะใช้ได้แบบนี้ อิอิ
แล้วก็เที่ยวในสวนนกจูร่ง จ่ายค่าเข้า 16 $SG และค่ารถวนรอบอีก 5 $SG(ใช้บัตรลดได้ 2$SG)
ใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง กว่าจะกลับออกมา ที่สวนนกมีโชว์ให้ดูเยอะแยะ ทั้งฟรี และไม่ฟรี
นกแก้วแสนรู้
เห็นตู้โทรศัพท์สวยเลยขอแปลงร่าง
โรงละคร ที่แสดงของโชว์ต่าง ๆ
ดูยิ่งใหญ่มากมาย
ถังขยะแยกประเภท
lory loft
จำลองที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของนกโนรี
รถ ที่จ่าย 5$SG ไปง่ะ (อย่าถามนะว่าทำไมเป็นโลโก้การบินไทย)
ถังขยะ โซน น้ำตกแอฟริกา
เหนื่อยแล้วก็นั่งรถเมล์ สายเดิมกลับมาที่เดิม มากินข้าวอีกแล้ว มีร้านแบบ take home
เราเลยซื้อมานั่งกินหน้าห้าง jurong point คนผ่านไปผ่านมาก็คงตกใจนะคะ
กลุ่มใหญ่เชียว นั่งกินกันอย่างสนุกสนาน เสร็จแล้ว เตรียมตัวออกเดินทางไปล่องเรือแม่น้ำสิงคโปร์
การเดินทางก็ใช้รถไฟฟ้า ซึ่งผ่าน chinese garden ด้วย แต่เวลาที่น้อย และแรงเที่เหลือน้อย
ทำให้ได้เพียงมองจากมุมบน ผ่านกระจกรถไฟฟ้า แค่นั้น เพราะกว้างมากหากจะเดินคงไม่ไหวแล้ว
chinese garden
chinese garden
จาก MRT มาลงที่ clarke quay แล้วเดินไปทางตึก novoltel
ไปหาท่าเรือที่เราจะล่องแม่น้ำสิงคโปร์กัน
ถามราคามี 2 แบบค่ะ 30 นาที กับ 45 นาที
เราเลือกแค่ 30 นาที 13$SG ใช้บัตรลด เหลือ 11$SG
แล้วเราก็ล่องเรือกันไป พบกับสีสันclarke quay
ตึกสูงมากมาย ผ่านไปยังโรงแรมหรู ริมแม่น้ำ
ชิงช้าสรรค์ยักใหญ่
สิงโตทะเลพ่นน้ำ สวยไปอีกแบบสำหรับกลางวัน
ขึ้นจากเรือ เดินมาเห็นเค้าล่ามจักรยานกับเสา แอบถ่ายมา จากนั้นเดินทางต่อไปที่ MRT city hall
เกือบหกโมงแล้ว ฟ้าเริ่มมืด เดี๋ยวเราจะไปเดินสนามหลวงสิงคโปร์
เป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่เค้าใช้จัดงานสำคัญต่าง ๆ เหมือนสนามหลวงบ้านเราจริง ๆ
ผ่านโบสถ์เซ็นแอนดรู ผ่านรัฐสภา
กลับไปแถวท่าน้ำอีก แวะทักทาย ท่านราฟเฟิล
แล้ว เดินข้ามสะพานไปดู fulution hotel
ต่อด้วยเดินเล่นไปเรื่อย ๆ จนถึง ไฮไลท์ของสิงคโปร์
สามสิ่งสำคัญ
โรงละครหนามทุเรียน (esplanade)
ชิงช้าสรรค์ยักใหญ่ (Singapore flyer)
สิงโตทะเลพ่นน้ำ (merlion) ในบรรยากาศยามค่ำคืน
เสียดาย ขาตั้งกล้องไม่ได้ใช้งาน เพราะเหนื่อยเกินไปแล้ว เลยไม่แบกไปด้วย
และสุดท้ายสำหรับคืนนี้ คือการไปชมน้ำพุมงคลที่ suntec city
เดินไปไกลมากมาย กว่าจะถึง แต่ก็ต้องเสียแรงฟรี เพราะ ปิดซ่อมพอดี
กับช่วงที่เราไป ได้ถ่ายมาแค่ป้าย....แสดงว่าต้องไปอีก( อิอิ)
ขากลับ จะเดินไปขึ้น MRT ไม่ไหวแล้ว เลยขอสำรวจดูป้ายรถเมล์
เห็นป้ายใหญ่ต้นทางอยู่หน้า suntec city ตึกที่...เท่าไหรจะไม่ได้
อยู่ด้านหน้าป้ายของน้ำพุ แต่นำพุจะอยู่ในวงเวียน
การข้ามถนนของสิงคโปร์ จะต้องข้ามทางม้ายลาย
และแถว น้ำพุ เค้ามีทางเชื่อมกันอยู่ใต้ดิน
เดินไปสายรถเมล์ พบว่า สาย 133 นี่แหละ ถึงที่พักเราเลย ไม่ต้องต่อหลายรอบ
ที่สิงคโปร์ ไม่ต้องกลัวหลงทาง เพราะป้ายรถเมล์เค้าดูง่าย
ว่าสายไหนไปลงยานไหนบ้าง ถนนไหนบ้าง
เป็นข้อดี ที่ประทับใจมาก ๆ กับขนส่งมวลชนของสิงคโปร์
ไปมา สะดวก รถไม่ติด มลพิษไม่เยอะ
****
กว่าจะกลับถึงที่พัก ก็เกือบ 4 ทุ่ม หลับเป็นตายอีกคืน
ไปต่อกันที่นะคะ
S-I-N-G-A-P-O-R-E เกาะเล็ก ๆ ที่ไม่เล็กอย่างที่คิด 2
ไม่มีความเห็น