(28 เม.ย. 49) ได้รับเชิญไปเป็นผู้ปาฐกถาพิเศษเรื่อง
“วิกฤตการเมืองไทยกับบทบาทของสถาบันการศึกษาเพื่อกระบวนการสันติวิธี”
ใน “งานวันมหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ” (ศ.ดร.วิรุณ
ตั้งเจริญ อธิการบดี ดร.อำนาจ เย็นสบาย ผู้ดูแล
“งานยุทธศาสตร์การจัดการความรู้เพื่อสังคม” โทร. 0-1170-2063)
ในภาคค่ำ ซึ่งจัดที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ถนนสุขุมวิท
ได้อาศัยสาระสำคัญดังต่อไปนี้ เป็นแนวในการปาฐกถา
1.“วิกฤตการเมืองไทย” อาจเรียกว่าเป็น “ปรากฎการณ์”
“พัฒนาการ” และ “นวพัฒนาการ” พร้อมๆกันไป
และถือเป็นบทเรียนทางรัฐศาสตร์ที่มีความลึกซึ้ง ซับซ้อน และอ่อนไหว
ชนิดที่หาได้ยากในโลก เป็น “บทเรียน” ที่มี “ค่าเล่าเรียน”
ซึ่งสูงมิใช้น้อยสำหรับสังคมไทย หรือเป็น “ค่าใช้จ่าย”
ที่ค่อนข้างสูงแต่น่าจะคุ้มค่าสำหรับการพัฒนาทางการเมืองของคนไทยและสังคมไทย
2. “สันติวิธี” เป็นหลักการและวิธีการที่มีความสำคัญ
มีคุณค่า
สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในสถานการณ์วิกฤตและในสถานการณ์ปกติของพัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทยได้
ในสถานการณ์ปกติ จะเป็น
“สันติวิธีเชิงป้องกันความขัดแย้ง” หรือ
“สันติวิธีเชิงสร้างความสมานฉันท์” เป็นหลัก
ส่วนในสถานการณ์วิกฤต หรือสถานการณ์ความขัดแย้ง จะเป็น
“สันติวิธีเชิงแก้ไขความขัดแย้ง” หรือ
“การแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี”
“สันติวิธี” ยังมี “แบบชั้นเดียว”
(ไม่ใช้ความรุนแรง แต่มุ่งให้ได้ชัยชนะเหนือคู่ขัดแย้ง
และอาจมีการใช้ความรุนแรงทางวาจา) กับ “แบบสองชั้น”
(ไม่ใช้ความรุนแรงทั้งทางกายและทางวาจาและมุ่งให้บรรลุความตกลงที่พอใจหรือยอมรับร่วมกัน
หรือให้ได้ “ฉันทามติ” ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง)
3.“บทบาทของสถาบันการศึกษา” (มหาวิทยาลัย)
สามารถและควรจะนำ
“หลักการและวิธีการสันติวิธี”ไปเสริมแทรกใน (1)
การเรียนการสอน (2) การศึกษาวิจัย
และ(3) การบริการสังคม ซึ่ง
“หลักการและวิธีการสันติวิธี” นี้ เป็นทั้ง “ศาสตร์”
และ “ศิลป์”
ซึ่งมหาวิทยาลัยเองควรสร้างสมทั้งองค์ความรู้และความชำนาญให้มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในการมีบทบาทเช่นนี้ มหาวิทยาลัยอาจพิจารณาจัดตั้ง
“หน่วยดำเนินการเฉพาะ” ขึ้นมา
โดยมีบุคลากรประจำและมีงบประมาณสนับสนุนที่เหมาะสมทำนองเดียวกับที่บางมหาวิทยาลัยและบางหน่วยงานได้จัดตั้งขึ้นล้ว
เช่น 1.มหาวิทยาลัยขอนแก่น (“สถาบันสันติศึกษา”)
2.สถาบันพระปกเกล้า (ศูนย์สันติวิธีและธรรมาภิบาล”)
3.สภาความมั่นคงแห่งชาติ
(“คณะกรรมการยุทธศาสตร์สันติวิธี”)
4.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิทยาเขตหาดใหญ่ (โครงการสันติศึกษา)
5.มหาวิทยาลัยมหิดล (“ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี”)
6.กระทรวงสาธารณสุข (“ศูนย์สันติวิธีกระทรวงสาธารณสุข”)
7.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
(“โครงการศึกษาสันติวิธีและความขัดแย้ง”)
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
2 พ.ค. 49
ไม่มีความเห็น