เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ผู้เขียนได้ไปรับราชการที่สำนักงานอัยการจังหวัดลำปาง และพักอยู่ด้วยกันกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวจังหวัดเชียงราย ปัจจุบันรับราชการอยู่ที่สำนักงานป้องกันภัยฯจังหวัดเชียงใหม่ เราสองคนรักกันมาก พักด้วยกัน ไปไหนไปด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน ยามเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ต่างคนต่างเฝ้าดูแลกัน แม้ในวันแต่งงานยังเอาเราไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว จึงเป็นกัลยาณมิตร และครอบครัวเราทั้งสองก็ติดต่อกันตลอดมา
ครั้งหนึ่งจังหวัดลำปาง ได้เปิดสอบคัดเลือกข้าราชการเข้าปฏิบัติราชการในหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในจังหวัด มีผู้มาสมัครเป็นจำนวนมาก โรงแรม วัด จะมีคนที่มาสมัครสอบจองเต็มหมด ในการรับสมัครดังกล่าว เพื่อนเราก็ได้เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการรับสมัครเช่นกัน
อยู่มาวันหนึ่ง มีนักศึกษาสาวคนหนึ่งเดินทางมาจากจังหวัดพิษณุโลก แต่เป็นชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มายื่นใบสมัครกับเพื่อน และบอกว่าหากเดินทางมาสอบตามกำหนด จะมาสอบไม่ได้ เพราะไม่มีที่พัก หาจองโรงแรมแล้ว ปรากฎว่าเต็มหมด และไม่มีเพื่อนฝูงและญาติที่จังหวัดลำปาง และขอมาพักที่บ้านพักกับเพื่อนด้วย ด้วยความสงสาร เพื่อบริการประชาชน เพื่อนจึงตกลงให้มาพักด้วย
เมื่อถึงวันสอบตามที่กำหนด น้องผู้หญิงคนดังกล่าวก็มาพักตามที่ตกลงกัน ผู้เขียนและเพื่อนต้องย้ายตัวเองออกมานอนข้างนอกหน้าห้อง เพราะห้องพักเป็นห้องเล็ก ๆ ปล่อยให้น้องนอนคนเดียว สอบวันแรก และวันที่สองผ่านไปด้วยดี พอถึงวันที่สามหลังจากน้องคนดังกล่าวสอบสัมภาษณ์เสร็จแล้ว และพรุ่งนี้เช้าจะเดินทางกลับ พอตกตอนดึก ปรากฏว่าน้องคนนี้ปวดท้องอย่างรุนแรง พวกเราทั้งสองจึงได้พาไปที่โรงพยาบาล แพทย์ตรวจแล้วเห็นว่าเป็นนิ้วในลำใส้จะต้องผ่าตัดด่วน เพราะนิ้วใกล้จะแตก อาจเกิดอันตรายแก่ชีวิตได้ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ แพทย์จึงทำการผ่าตัดในคืนนั้นโดยด่วน
ผู้เขียนและเพื่อนตกใจมาก ไม่ทราบจะติดต่อกับญาติของน้องเขาได้อย่างไร สมัยนั้นไม่มีมือถือ จึงได้ตกลงกันว่าเปลี่ยนเวรเฝ้าคนละครึ่งวัน กลางวัน วันแรก ให้เพื่อนเฝ้า ส่วนกลางคืนให้ผู้เขียนเฝ้า และได้โทรเลขไปให้พี่สาวของน้องที่เป็นครูอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ทราบข่าวดังกล่าว
สมัยนั้น หากมีการผ่าตัดจะต้องนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อย ๑ อาทิตย์ แล้วกลับมาพักฟื้นที่บ้าน อีกอาทิตย์ต่อมาถึงจะตัดไหมที่เย็บแผลได้ ทำให้ผู้เขียนและเพื่อนจะต้องเข้าเวรกันไปเฝ้าดูอาการของน้องสาวคนดังกล่าวเป็นอาทิตย์ บางวันจะต้องโดดงานไปนอนเฝ้า
ในช่วงที่เฝ้าน้องสาวดังกล่าว พยาบาลเข้าใจว่าเราเป็นสามี-ภรรยา กัน ต้องให้ผู้เขียนเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า พยุงเข้าห้องน้ำ และป้อนข้าวให้กับน้องคนดังกล่าว เราก็จำเป็นต้องทำ ขณะนั้นผู้เขียนกำลังเป็นหนุ่มและเพิ่งเข้าทำงานได้ประมาณ ๒ ปี ทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่นไปหมด เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของชีวิตที่ต้องไปเฝ้าไข้หญิงสาวที่เราไม่สนิทและรู้จักมาก่อน
วันศุกร์ของอาทิตย์นั้น พี่สาวของน้องที่เป็นข้าราชการครูได้มาเยี่ยม และได้ไปเฝ้าดูอาการแทน หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว น้องและพี่สาวก็ได้มาพักที่ห้องพักอีก ๑ อาทิตย์ ตลอดเวลาที่พี่สาวมาอยู่ที่ห้องพัก ได้ทำงานบ้านให้ผู้เขียนและเพื่อนทุกอย่าง ตั้งแต่ซักเสื้อผ้า รีด เช็ดบ้าน และหุงหาอาหารให้รับประทาน พวกเราทั้งสองมีหน้าที่ไปจ่ายตลาด และทานอาหารอย่างเดี่ยว ครูคนนั้นเธอขอบคุณพวกเราทั้งสองตลอดเวลา ที่เราทั้งสองได้ดูแลน้องสาวของเขาเป็นอย่างดี
ผลจากการทำความดีดังกล่าว ทำให้ผู้เขียนมีความเจริญก้าวหน้าตลอดมา ย้ายไปทำงานที่ใดก็จะมีคนมาให้ความช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่คนนั้นเราไม่รู้จักมาก่อน ส่วนเพื่อน ลูกสาวเรียนคนโตเรียนจบเป็นทันตแพทย์หญิงและปัจจุบันได้ข่าวว่า ทำงานที่โรงพยาบาลจังหวัดลำปาง
ไม่ใช่ชาติไม่ใช่เชื้อ ถ้ามีความเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้ออาตมา
ถึงเป็นชาติเป็นเชื้อ ถ้าไม่มีความเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้อในป่า
...ตั้งแต่วันนั้นมา มีการเปิดสอบอีกคราวใด เพื่อนจะปฏิเสธ และไม่ยอมรับใครมาพักด้วยอีกเลย...สงสัยจะเข็ดหลาบ ฮา ! ฮา ! ฮา!...
เป็นการใส่ใจ และเป็นน้ำใจที่ดีค่ะ
มาชื่นชมน้ำใจครับ สมัยก่อนที่บ้านผมคุณแม่ก็ยอมรับลูกหลานเวลาไปสอบเข้ารับราชการที่จังหวัดพังงา แต่ญาติไม่มาเพียงญาติแต่พาเพื่อนของญาติมาด้วยยั้วเยี้ยไปหมด เราต้องไปนอนเบียดกับน้อง แต่ก็ถือว่าเป็นการเอเฟื้อเผื่อแผ่กันครับ คนที่มานอนที่บ้านที่เดี๋ยวนี้ยังจำได้มีคนเดียวเพราะสวยกว่าใครเพื่อน ฮ่าๆๆ
น้ำใจที่ดีไม่มีซื้อขายนะคะ..ดีใจที่ได้อ่านเรื่องราวดีดี..ขอบคุณค่ะ
เป็นความดีงามในน้ำใจของท่านคะ ขอยกย่องนะคะสำหรับความบริสุทธิ์ใจของท่าน
สวัสดีคุณอรวี
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม
สวัสดีค่ะอาจารย์ ช่วยคนคือช่วยตน...
สุดยอดเลยค่ะ....การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์...ช่วยเยียวยาหังใจเราด้วยค่ะ
ไม้มงคลของไทยเรา...มาไหว้วันหยุดนะคะ...
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วอิ่มใจไปด้วยค่ะ....
ใจดีมาก ๆ เลยค่ะ หากเป็นสมัยนี้...ไม่แน่ใจค่ะ ว่าจะเป็นอย่างไร
ขอบคุณเรื่องเล่าดี ๆ นะคะ
(^___^)