พัดชา
สุภัสตรา เก้าประดิษฐ์ ทรัพย์ชุกุล

การเพิ่มสันติภาพในหลักสูตร-ระดับอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย


การป้องกันสงครามเป็นงานของนักการเมือง แต่การสร้างสันติภาพเป็นงานของการศึกษา ( Averting war is the work of politicians; establishing peace is the work of education. by Maria Montessori)

เมื่อ 2 เดือนก่อน ได้มีการประชุมในเรื่องความรุนแรงในสถานศึกษา ซึ่งมีนักวิชาการหลากหลายเข้ามาร่วมประชุมกัน แต่สิ่งที่จะขอเขียนนี้ เป็นการแปลบทความ เรื่อง การเพิ่มสันติภาพในหลักสูตร-ระดับอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย (Adding Peace to the Curriculum--Preschool through College) โดย Linden L. Nelson ซึ่งได้รับความกรุณาจาก รศ.ดร.โคทม อารียาที่นำมาแจกให้ จึงอยากจะเผยแพร่ข้อเขียนนี้ให้กับผู้สนใจ

การป้องกันสงครามเป็นงานของนักการเมือง แต่การสร้างสันติภาพเป็นงานของการศึกษา ( Averting war is the work of politicians; establishing peace is the work of education. by Maria  Montessori)

การสร้างโลกสันติภาพ ต้องมีการพัฒนาคนให้มีสันติ ดังนั้น การศึกษาสันติภาพจึงเป็นส่วนที่จำเป็นของการทำงานเพื่อสันติภาพ  โดยภาพรวม การศึกษาทางสันติภาพคือความพยายามทั้งหลายที่อำนวยให้เกิดการพัฒนาของคนที่รักสันติภาพ

ด้วยทัศนคติเกี่ยวกับความขัดแย้ง ความรุนแรงและสันติภาพเริ่มจากวัยเด็ก และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง การศึกษาด้านสันติภาพจึงควรเริ่มตั้งแต่เยาว์วัย  เมื่อเด็กเจริญเติบโตขึ้นผ่านโรงเรียนและอื่นๆ เด็กจะต้องปรับตัวต่อวัฒนธรรมความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ และเรียนรู้ที่จัดการกับความขัดแย้งที่เพิ่มความซับซ้อนจากบุคคลถึงนานาชาติ ดังนั้นการศึกษาเรื่องสันติภาพควรจะดำเนินต่อไปจนเป็นผู้ใหญ่  การเรียนรู้ที่จะให้เกิดสันติภาพเป็นงานตลอดชีพ และจำเป็นที่จะต้องพัฒนาบุคลากรด้านสันติภาพตลอดช่วงชีวิต

การศึกษาด้านสันติภาพเกิดขึ้นในโรงเรียน โบสถ์ ครอบครัว ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ศูนย์ให้คำปรึกษา คลีนิก เรือนจำ และสถานที่ทำงาน  การเรียนรู้ด้านสันติภาพอาจจะเกิดได้ทุกที่และผู้เรียนรู้ก็เป็นใครก็ได้ ทั้งเด็ก บัณฑิต ผู้ดุแลด้านสันติภาของ UN เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นต้น  แม้ว่าเนื้อหาของบทนี้จะเน้นไปที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัย เพราะเป็นแหล่งที่ดีทีสุดในการให้การศึกษาคนส่วนใหญ่และเพราะเป็นหน่วยที่เตรียมเด็กและวัยหนุ่มสาวเพื่อมาเป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบ แต่น่าจะเป็นประโยชน์กับส่วนอื่นๆด้วย

เป้าหมายของการศึกษาด้านสันติภาพ

เป้าหมายเบื้องต้นคือ เพื่อพัฒนาคนที่มีสันติภาพ คนที่มีสันติภาพ เป็นคนที่อย่างน้อยไม่ใช้ความรุนแรง และให้ความร่วมมือ คำถามคือ "ปัจจัยใดบ้างที่จะจูงใจให้คนๆหนึ่งที่จะมีพฤติกรรมในการไม่ใช้ความรุนแรงและให้ความร่วมมือ? ประชาชนมักจะดำเนินชีวิตอย่างสันติ ถ้า 1) มีความรู้และทักษะที่ต้องการ 2) ให้คุณค่ากับพฤติกรรมสันติภาพและผลลัพธ์ที่เกิด 3) เชื่อมั่นว่า ตนเองสามารถสร้างสันติภาพได้ดนเองหรือการทำงานกับคนอื่น

ความรู้และทักษะ

ในการให้ความร่วมมือ บุคคลจำเป็นต้องเข้าใจความสนใจและการรับรู้ของคนอื่น  ควรตู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขความขัดแย้ง และการใช้ทักษะการสื่อสารในการแก้ไขปัญหา   เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรระบุและสอนความรู้พื้นฐานและทักษะทั่วไป  ความรู้พื้นฐานสำหรับระดับมัธยมปลาย เช่น หลักโน้มน้าวต่อการมีอคติในการรับรู้ต่อคนอืน ( เช่น การละเมิดต่อความเป็นมนุษย์  การลำเอียง ชาตินิยม เป็นต้น); ปัจจัยในการเพิ่มและลดความขัดแย้ง ;เหตุและผลของการร่วมมือ การแข่งขันและความรุนแรง;  บทบาทและพลวัตของอารมณ์ในมนุษยสัมพันธ์; ความสำคัญของการสมานฉันท์หลังความขัดแย้ง; การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขปัญหา และการตัดสินใจ; กลยุทธการจัดการความขัดแย้ง(การเจรจาต่อรอง การเจรจาไกล่เกลี่ย อนุญาโตตุลาการ; วิธีการไม่ใช้ความรุนแรงของอิทธิพลทางสังคม(สิ่งกระตุ้นและการสนับสนุนทางบวก  ความเป็นมิตร การเสริมและการต้านต่อการไม่ใช้ความรุนแรง

ค่านิยม

ความรู้และความสามารถไม่เพียงพอ คนเราอาจจะรู้วิธีการร่วมมือแต่ตัดสินใจที่จะแข่งขัน ผู้นำทหารไม่จำเป็นต้องมีความสามารถในการแก้ไขปัญหา หรือ รู้หลักการเจรจาต่อรอง  การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า คะแนนของนักศึกษาวิทยาลัยในการวัดการแก้ปัญหาของการจัดการความขัดแย้งนานาชาติไม่สัมพันธ์กับความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับการใช้อำนาจทหาร (ต่อการให้ความร่วมมือ) นักการศึกษาทางสันติภาพ ต้องทำมากกว่าการสอนความจริง แนวคิดและทักษะ   เพื่อที่จะพัฒนาคนทางสันติภาพ  เราต้องปลูกฝังค่านิยมสันติภาพ

ประชาชนบางคนจะคัดค้านต่อแนวคิดที่ว่าโรงเรียนควรจะปลูกฝังค่านิยมทางสันติภาพ หากโรงเรียนเป็นกล่มต่อต้านทหารหรือต่อต้านสงคราม   แต่มีส่วนหนึ่งที่จะแย้งว่า สันติภาพ  ความยุติธรรม ประชาธิปไตย และความเท่าเทียมกัน เป็นเรื่องไม่สำคัญ   ค่านิยมกลางของบุคคลากรทางสันติภาพได้รับการนับถือโดยทั่วไป  ถ้าเป้าหมายเป็นการพัฒนา "ลักษณะจริยธรรม"  "ค่านิยมประชาธิปไตย" หรือ " คุณค่าของสันติภาพและยุติธรรม"  มีฉันทามติเกี่ยวกับความสำคัญของวัตถุประสงค์ทางการศึกษา  Velerie Braithwaite ระบุกลุ่มของคุณค่าที่สัมพันธ์กัน 10 อย่าง โดยให้ชื่อว่า ค่านิยมแห่งความสมานฉันท์และความเท่าเทียมนานาชาติ"

-  มีชีวิตที่ดีสำหรับผู้อื่น (ปรับปรุงสวัสดิการของคนที่ต้องการความช่วยเหลือ)

- กฎโดยประชาชน (ร่วมกับคนอื่นในการตัดสินใจต่อสิ่งที่กระทบต่อชุมชน)

- การร่วมมือนานาชาติ (ทุกชาติทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน)

- ความก้าวหน้าทางสังคมและการปฏิรูปทางสังคม (พร้อมที่เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น)

- โลกมีสันติภาพ (ปราศจากสงคราม)

- โลกแห่งความสวยงาม (ความงามของธรรมชาติและศิลปะ :เสียงเพลง  วรรณกรรม ภาพวาด)

- ศักดิ์ศรีของมนุษย์ (ดูแลทุกคนดั่งคนที่มีคุณค่า)

- โอกาสที่เท่าเทียมกันทั้งหมด(การให้ทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมกันในชีวิต)

- ความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ (ลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน)

- การอนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม (การป้องกันการทำลายความงามและทรัพยากรธรรมชาติ)

หลักสูตรควรจะจัดให้มีกิจกรรมที่มีการอภิปรายเกี่ยวกันค่านิยมในหมู่นิสิต และระหว่างครูกับนักเรียน ค่านิยมของนักเรียนมีอิทธิพลต่อทิศทางของสันติภาพโดยการรวมกลุ่มบรรทัดฐานที่พัฒนาระหว่างการอภิปรายเกี่ยวกับผลลบของความรุนแรง และประโยชน์ของการสร้างสันติภาพ

เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่า ทัศนคติและค่านิยมเป็นไปตามพฤติกรรม เมือ่นักเรียนได้มีการทำกิจกรรมสันติภาพ เช่น การเป็นผู้เจรจาไกล่เกลี่ย  การเข้าร่วมในโครงการบริการชุมชน  และการเขียนจดหมายต่อบรรณาธิการ ค่านิยมที่มาจากการกระทำเหล่านี้จะเข้มแข็งขึ้น

ความเชื่อเกี่ยวกับความสามารถและผลลัพธ์

คนทั่วไปจะไม่ทำงานด้านสันติภาพ ถ้าเขาไม่เชื่อว่าการกระทำจะได้ผลที่สำเร็จตามปรารถนา หรือ อย่างน้อยมีความก้าวหน้า  ความเชื่อเช่นนี้ พัฒนาจากประสบการณ์ส่วนบุคคลและจากการสังเกตประสบการณ์ผู้อื่น  หากความคาดหวังเชิงบวกจำเป็นสำหรับการพัฒนาคนที่มีสันติภาพ การศึกษาสันติภาพควรจะมีตัวอย่างของความสำเร็จในการไม่ใช้ความรุนแรง  การริเริ่มทางการทูต  และความพยายามสันติภาพอื่นๆ ที่ทั้งปัจเจกบุคคลและกลุ่มคนได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐและปัญหาสังคม หลักสูตรควรจะจัดให้นักเรียนได้ร่วมในกิจกรรมการสร้างสันติภาพ   บรรยากาศของโรงเรียนที่มีการแข่งขันไม่สนับสนุนให้เกิดความคาดหวังทางบวกสำหรับพฤติกรมการร่วมมือ แต่เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกันทำให้เกิดผลบวกขึ้นได้

ความหลากหลายของการศึกษาสันติภาพ

 Ian Harris ได้เสนอการศึกษาสันติภาพ 5 ชนิดคือ

1.การศึกษาสันติภาพโลก(Global peace education) เช่น นานาชาติศึกษา (international studies) ความหายนะศึกษา (Holocause Studies) และการสอนเกี่ยวกับอาวุธทำลายล้าง                                                                                      

2. โปรแกรมการจัดการความขัดแย้งสมานฉันท์ สอนเกี่ยวกับ การเจรจาไกล่เกลี่ย การเจรจาต่อรอง และทักษะการสื่อสาร                                                                                                                                                                 

3.โปรแกรมการป้องกันความรุนแรง เน้นความรุนแรงภายใน  การใช้ยา การจัดการความโกรธ และการสอนความอดทน  

4. การศึกษาการพัฒนา ประกอบด้วยการศึกษาสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อมศึกษา และอำนาจ ความไม่เท่าเทียมกันทางทรัพยากร และความรุนแรงทางโครงสร้าง                                                                                                                     

5. การศึกษาการไม่ใช้ความรุนแรง/อหิงสา  เป็นตามแนวคิดของคานธี คิง และนักสันติภาพคนอื่น

สำหรับการศึกษาการจัดการความขัดแย้งเชิงสมานฉันท์  Tricia Jones ได้ให้ความแตกต่างระหว่างการศึกษาสันติภาพ  การป้องกันความรุนแรง การเรียนรู้อารมณ์และสังคม และการศึกษาการต้านอคติ   จริงๆ คำเหล่านี้มีความเหลื่อมล้ำกัน แต่หากเป้าหมายเน้นการพัฒนาให้คนมีสันติภาพ ก็ให้ใช้คำว่า  "การศึกษาสันติภาพ (peace education)"

การส่งเสริมการศึกษาสันติภาพ (Promoting Peace Education)

แม้ว่าแนวคิดการศึกษาสันติภาพเป็นประโยชน์ต่อคนทำงานด้านสันติภาพ แต่ก็ไม่ใช่คำที่ดีสุดในการส่งเสริมการศึกษาสันติภาพในโรงเรียน สำหรับกลุ่มอนุรักษ์ จะเห็นว่า แนวคิดสันติภาพเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง และความคิดเสรีนิยม ที่ต่อต้านการใช้จ่ายทางการทหาร การรักษาความมั่นคงของชาติ และการกระทำของทหาร ดังนั้น หากจะให้โครงการสำเร็จ ก็ควรจะใช้คำกลางๆ เช่น การป้องกันความรุนแรง การเรียนรู้อารมณ์และสังคม การศึกษาการจัดการความขัดแย้งเชิงสมานฉันท์ และหลักสูตรความมั่นคงของโลก  การส่งเสริมการศึกษาสันติภาพมี 4 วิธี คือ

1. การสนับสนุนให้ครูสอนเกี่ยวกับความขัดแย้ง ความรุนแรงและสันติภาพในรายวิชาที่มี และจัดหาทรัพยากรให้

2. สนับสนุนผู้บริหารโรงเรียนและคณะกรรมการโรงเรียนที่จะยอมรับในโปรแกรม มีการให้ข้อมูล

3.สนับสนุนทางกฎหมายเพื่อที่จะกำหนดโปรแกรมในโรงเรียนรัฐ

4. สนับสนุนองค์การทางการศึกษาสันติภาพ

 การช่วยให้ครูกลายเป็น "นักการศึกษาสันติภาพ"

ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมปลาย

ครูอาจใช้ข้อมูล แนวคิดและกิจกรรมเกี่ยวกับความขัดแย้งและสันติภาพที่ได้จากการอ่าน การเขียนและการคิด โดยมิจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงหลักสูตร  วิธีการที่จะสนับสนุนการศึกษาสันติภาพที่ง่ายสุด อาจเป็นการใช้แนวคิดการซึบซาบในรายวิชาที่มีอยู่  Ian Harris และ Mary Lee Morrison ได้ยกตัวอย่างว่า เราควรสนับสนุนครูที่รู้จักเป็นการส่วนตัวที่จะใช้โอกาสนี้ และจัดหาข้อมูลคู่มือและ เว็บไซต์การสอนที่อธิบายถึงกิจกรรมและบทเรียน  หรืออาจจะขอคำแนะนำจากอาจารย์ที่ดูแลโปรแกรมการฝึกอบรมเรื่องนี้

Educators for Social Responsibility (ESR) เป็นแหล่งหนึ่งที่ดีที่สุดสำหรับการศึกษาสันติภาพและการให้คำแนะนำ บทเรียน และกิจกรรม  website www.estnational.org มีทั้งการอธิบายและขายคู่มือการสอนของทุกระดับ  นอกจากนี้มี Online Teacher Center ที่มีข้อมูลการสอนใฟ้ฟรีในประเด็นความมั่นคงนานาชาติ การจัดการความขัดแย้งโดยสันติ การทำสันติภาพ การป้องกันความรุนแรง และความรับผิดชอบต่อสังคม  ข้อมูลได้มีการจัดเป็นระดับเด็กจนถึงมัธยมปลาย  ซึ่งมีการส่งข่าวให้ฟรี  webiste อื่นที่มีวัสดุการสอนฟรี คือ

The Ohio Comission on Dispute Resolution and Conflict Management: http://www.disputeresolution.ohio.gov/schools/resourcescm.htm#cur

TheSouthern Poverty Law Center Teaching Tolerance Program: http://www.tolerance.org/teach/activities/index.jsp

The United States Institute of Peace: http://www.usip.org/class/index.html

The Hague Appeal for Peace (Click Learning to Abolish War, Book 2): http://www.haguepeace.org/index.php?action=resources

Heifer International Read to Feed Program: http://www.readtofeed.org/for_teachers_leaders_and_parents

อาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย

โดยทั่วไป อาจารย์มีอิสระในการกำหนดเนื้อหาในรายวิชา โดยอาจจะเปิดรายวิชาใหม่ที่มีชื่อกว้างๆว่า "หัวข้อพิเศษ" หากเรารู้จักอาจารย์ท่านใดที่ดูว่าสนใจในการพัฒนาบุคลากรด้านสันติภาพ ก็ควรมาร่วมทำงานกัน แนะนำข้อมูลต่างๆ  เช่น ผู้เขียนเป็นอาจารย์ด้านจิตวิทยา ก็จะร่วมเขียนตำรากับคนอื่นด้วย  อาจารย์อาจจะพิจารณาว่า มีองค์การ หรือ คณะกรรมการใดที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของตน  เช่น the Union of Concerned Scientists (www.ucsusa.og) ได้ผลิตเอกสารที่เป็นประโยชน์ในรายวิชาด้านชีววิทยาและฟิสิกส์  Psychologists for Social Responsibility (www.psysr.org) มีเอกสารเกี่ยวกับรายวิชาด้านจิตวิทยา  The Society for the Study of Peace, Conflict, and Violence (www.webster.edu/peacepsychology) มีเอกสารการสอนบนเว็บ ไซต์ 

CRInfo (www.crinfo.org) มีเอกสารทั้งหนังสือ บทความ ภาพยนตร์และสื่ออื่นๆ มากกว่า 25,000 ชนิดฟรี  

www.campus-adr.org ไปที่ "Classrom Building" หรือ "Faculty Club" มีข้อมูลรายวิชาด้านการจัดการความขัดแย้งโดยสันติวิธีและประเด็นที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลตำรา และข้อมูลอื่นสำหรับอาจารย์ที่สนใจพัฒนาวิชาด้านการจัดการความขัดแย้ง

The Office of Teaching Resources in Psychology www.lemoyne.edu/OTRP/teachingresources.html#diversity มีข้อมูลการสอนของ "จิตวิทยาความรุนแรงมวลชน (Psychology of Mass Violence)"  Social Psychology Network เป็นแหล่งสะสม links ที่ดีด้านจิตวิทยาสันติภาพ ที่ www.socialpsychology.org/peace.htm  และด้านความรุนแรง ความขัดแย้ง การเจรจาต่อรองและสันติภาพ ที่ www.socialpsychology.org/social.htm#violence  และ INCORE guide ที่ www.incore.ulst.ac.uk/cds/themes/psyc.html  นอกจากนี้มีตำราเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งเชิงสมานฉันท์ สันติภาพศึกษา และจิตวิทยาสันติภาพ  วารสาร เช่น Bulletin of the Atomic Scientists, Conflict Resolution Quarterly, Journal of Conflict Resolution, Peace and Conflict: Journal of Peace Psychology, Political Psychology, และ the Journal of Peace Education

 การนำโปรแกรมการศึกษาสันติภาพสู่ระบบโรงเรียน

การดำเนินการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดประการหนึ่งในการส่งเสริมการศึกษาสันติภาพคือการคุยกับคณะกรรมการโรงเรียนในท้องถิ่น หรือ ผู้บริหารในเขตการศึกษา  โดยอาจจะถามว่า โรงเรียนของเรามีโปรแกรมการศึกษาการจัดการความขัดแย้งโดยสันติวิธี  การป้องกันความรุนแรง หรือ การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม คำถามนี้จะนำไปสู่การคุยถึงประโยชน์ของโปรแกรมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาโปรแกรมแบบนนี้ การพูดคุยควรจะใช้กลุ่มเล็กที่เห็นเหมือนกัน แล้วติดตามผลหลังจากคุยประมาณสองสามสัปดาห์

คณะกรรมการการศึกษาสันติภาพในส่วนของ Psychologists for Social Responsibility และ  the Society for the Study of Peace,Conflict, and Violence ได้ร่วมกันในการพัฒนาแผ่นพับแจกให้กับนักการศึกษาถึงประโยชน์ของการศึกษาการจัดการความขัดแย้งเชิงสมานฉันท์ การป้องกันความรุนแรง และโปรแกรมการเรียนรู้อารมณ์และสังคม

 นอกจากนี้มี Blueprint for violence Prevention: http://www.colorado.edu/cspv/blueprints    Collaborative for Academic, Social, and Emotional Learning: http://www.casel.org/about_sel/SELprograms.php    Virginia Best Practices in School-based Violence Prevention: http://www.pubinfo.vcu.edu/vabp

จากการวิจัย Tricia Jones พบว่า โปรแกรมการศึกษาการจัดการความขัดแย้งเชิงสมานฉันท์เพิ่มความสำเร็จทางวิชาการ  ทัศนคติเชิงบวกต่อโรงเรียน ความร่วมมือ ทักษะการสื่อสาร พฤติกรรมความขัดแย้งทางโครงสร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและระหว่างกลุ่ม และการควบคุมตนเอง  โดยโปรแกรมเหล่านี้จะช่วยลดความก้าวร้าว อัตราการลาออก และการลงโทษทางวินัย  Jones ได้สรุปว่า ".....งานวิจัยได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า CRE(Conflict Resolution Education) ได้ผลน่าประทับใจ....หลักฐานสำหรับประสิทธิภาพของ SEL(Social and Emotional Learning) และโปรแกรมการจัดการความขัดแย้งเชิงสมานฉันท์เป็นไปอย่างชัดเจน

การส่งเสริมด้านกฎหมายในโปรแกรมการศึกษาสันติภาพ

The Ohio Commission on Dispute Resolution and Conflict Management (www.disputeresolution.ohio.edu) ตั้งขึ้นโดย The General Assembly ในปี 1989 เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศาล ชุมชน และรัฐบาลของรัฐโอไฮโอ  คณะกรรมการได้สนับสนุนโปรแกรมผ่านเงินทุน การอบรม และการพัฒนาทรัพยากร ด้วยเป้าหมายของให้มีการศึกษาการจัดการความขัดแย้งเชิงสมานฉันท์ในการปฎิบัติงานประจำวันของโรงเรียน

รัฐอิลลินอยส์เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำเรื่องกฎหมายใส่ในโปรแกรมการเรียนรู้อารมณ์และสังคม  ในปี 2003 the Illinois legislature ได้ผ่าน the Children's Mental Health Act. มาตรา 15(b) ว่า "เขตการศึกษาทุกแห่งในอิลลินอยส์ควรจะพัฒนานโยบายเพื่อการพัฒนาอารมณ์และสังคมอยู่ในโปรแกรมการศึกษาของเขต"  คณะกรรมการการศึกษาของรัฐอิลลินอยส์ ได้กำหนดมาตรฐานการพัฒนาทางอารมณ์และสังคมเป็นส่วนหนึ่งของ the Illinois Learning Standards ในการประเมินความสำเร็จทางวิชาการ  ความเชื่อมต่อระหว่าง การเรียนรูทางอารมณ์สังคม และการศึกษาสันติภาพเป็นเรื่องชัดเจนในมาตรฐาน : ระบุและจัดการอารมณ์และพฤติกรรมของคน  ตระหนักถึงความรู้สึกและการคาดหวังของคนอื่น ตระหนักถึงความเหมือนและแตกต่างของปัจเจกบุคคลและกลุ่ม การใช้การสื่อสารและทักษะทางสังคม เพื่อการปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการแสดงความสามารถที่จะป้องกัน การจัดการ และแก้ไขความขัดแย้งระหว่างบุคคลได้ รายละเอียดทั้งหมดอยู่ที่ www.isbe.net/il/social_emotional/standards.htm 

ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายในแต่ละรัฐมีที่ www.disputeresolution.ohio.gov/legislationscm.htm   และข้อมูลของทั่วโลกที่ www.disputeresolution.ohio.gov/crecountry.htm 

การสนับสนุนองค์การทางการศึกษาสันติภาพ

วิธการหนึ่งที่จะส่งเสริมการศึกษาสันติภาพคือ การร่วมและสนับสนุนโปรแกรมการศึกษาทางสันติภาพ เช่น

-Association for Conflict Resolution

- Educators for social responsiblity

-Heifer International Read to Feed progrma

- Psychologists for Social Responsibility

-Southere Poverty Law Center Teaching Tolerance Program

บทสรุป

 หากเราปรารถนาที่จะอาศัยในโลกแห่งสันติภาพ เราต้องดูแลตัวเราพร้อมกับพัฒนาคนที่มีสันติภาพ  การศึกษาสันติภาพเป็นความพยายามทั้งหมดที่จะอำนวยให้เกิดการพัฒนาของคนที่มีสันติภาพ ซึ่งมีวิธีการอย่างน้อย 4 วิธีคือ : การสนับสนุนครูให้สอนเกี่ยวกับความขัดแย้ง ความรุนแรงและสันติภาพ; การสนับสนุนให้ผู้บริหารโรงเรียนและคณะกรรมการโรงเรียนที่จะรับโปรแกรมการศึกษาสันติภาพ; การสนับสนุนกฎหมายที่ควบคุมการศึกษาสันติภาพในโรงเรียนรัฐ และการสนับสนุนองค์การการศึกษาสันติภาพ

หมายเลขบันทึก: 262307เขียนเมื่อ 20 พฤษภาคม 2009 15:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 02:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อ่านแล้วได้ความรู้มากเลยครับ ขออนุญาตนำข้อมูลบางส่วนไปสอนนักศึกษานะครับ ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท