หน้าแรก
สมาชิก
Mr theera watchar...
สมุด
น้ำใจไทย
เสน่ห์ในหนี้ชาวบ้าน
Mr theera watcharapranee
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
เสน่ห์ในหนี้ชาวบ้าน
ถ้าหนี้แบบ 1-2 ก็พอที่จะแก้ไขโดยการบรรเทาหนี้ด้วยวิธีต่างๆ แต่ถ้าเป็นประเภทที่ 3 มันเป็นลักษณะค่านิยม
สภาพหนี้ของชุมชนเวลานี้เป็นปัญหาสำคัญ เมื่อเทียบกับอดีตสัก ปี 2540 แล้ว คนละเรื่อง ขณะนั้นแม้ว่าสภาวะการเงินจะไม่คล่องตัว แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดหนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเร่งเครื่องการพัฒนาในระดับรากหญ้า กระตุ้นเศรษฐกิจโดยรัฐอัดฉีดเงินลงไปถึงมือประชาชน เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังการบริโภคภายใน ทำให้เกิดการผลิตเพื่อตอบสนองต่อความต้องการภายในประเทศ (จะเห็นจากการโฆษณาสินค้าบริโภคที่หนักมากๆ และมักเป็นเรื่องอบายมุขเสียด้วย) ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจชุมชนชะลอตัวจากราคาสินค้าที่ตกต่ำ ผลผลิตที่ไม่เต็มที่ ปัจจัยการกีดกันการค้า ปัจจัยทางด้านโรคระบาด เป็นต้น ทำให้เกิดการชะงักงันทางเศรษฐกิจฐานราก หนี้สินที่เคยเป็นหนี้เพื่อการลงทุน หรือใช้จ่ายทั่วไปกลายเป็นหนี้ที่ไม่สามารถคืนกลับมาได้ หรือการคืนกลับมาก็เป็นการสร้างภาระหนี้เพิ่มมากขึ้น
กล่าวไปแล้วสภาพหนี้สินที่เกิดขึ้นซึ่งผมขอเรียกว่า "เสน่ห์หนี้ชาวบ้าน" พอจำแนกรูปแบบ ได้สัก 3 อย่าง คือ
- หนี้ที่เกิดจากการไม่เจตนา เช่น เจ็บป่วยมากรักษาตัวนาน ต้องกู้เขามาหนัก ขณะที่คนหนึ่งป่วย อีกคนก็ต้องเฝ้าไข้ งานที่ทำได้ก็ทำได้น้อยลง ปัญหาก็หนักขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ถ้ามีการเบาเท่าหนี้ก็พอจะช่วยให้หายใจหายคอได้บ้าง
- หนี้ที่เกิดจากการลงทุน แต่ขาดทุน หวังจะได้กำไรแต่ก็ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ การลงทุนบางอย่างไม่ได้วิเคราะห์ผลทางหนีทีไล่ให้ดีก่อน แต่บางทีก็วิเคราะห์ยากเช่น ลงทุนปลูกข้าว แต่ขายไม่ได้กำไร แบบนี้ก็มีปัจจัยภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้างเยอะ แต่ครั้นจะบอกว่า ถ้าปลูกข้าวไม่ได้กำไร ก็เป็นไปสร้างอาคารให้เช่าเสียสิ ถ้าตอบแบบนี้ก็แสดงว่าผู้ตอบไม่เข้าใจว่า
“
ข้าวเป็นวัฒนธรรม
”
ไม่ใช่สินค้าเดี่ยวๆ ข้าวเป็นรากเหง้าของบ้านเราเลยล่ะ
- หนี้แบบวัวพันหลัก แบบนี้มีมากสำหรับคนยากจน ที่อยากได้อยากมีเหมือนเขาบ้าง เช่น อยากได้สร้อยทองคำราคา 10,000 บาท ก็ใช้วิธีซื้อเงินผ่อน บางทีก็ผ่อนเป็นอาทิตย์ บางทีก็ผ่อนเป็นวัน เป็นต้น
ถ้าหนี้แบบ 1-2 ก็พอที่จะแก้ไขโดยการบรรเทาหนี้ด้วยวิธีต่างๆ แต่ถ้าเป็นประเภทที่ 3 มันเป็นลักษณะค่านิยม เป็นวัฒนธรรมคนไทยในการมีชีวิตอยู่แบบเงินผ่อน ดิ้นไม่หลุดกับกระแส แต่ถ้าจะแก้ไข ก็ต้องเล่นกันยาว คือ การตั้งเป้าหมาย 10 ปี ที่จะปรับนิสัยคนไทยทั้งระบบ โดยเน้นที่เด็กนักเรียนชั้นประถม 5-6 และมัธยม 1-3 ให้เด็กได้คุ้นเคยกับการทำบัญชีรับจ่ายครัวเรือน อย่างน้อย 5 ปี อีกทั้ง มีการสอนเรื่องการจัดการทรัพย์ โดยเน้นการออมและการนำทรัพย์ที่ได้มาลงทุนในกิจการเล็กๆ ระดับเด็ก มีการสอนเพื่อวิเคราะห์ผล มีการสอนการรวมกลุ่มเพื่อการลงทุน สร้างนิสัยสหกรณ์ตั้งแต่เด็กๆ ทำแบบนี้ทั้งระบบ ปรับพฤติกรรมที่เด็กและให้เด็กไปสอนคนโต ส่วนคนโตนั้นก็ใช้กระบวนกกลุ่มการเรียนรู้ในการสอน
เรื่องนี้เป็นเรื่องนิสัยของคน ต้องใช้เวลา และความอดทน ความมุ่งมั่นที่จะปรับเปลี่ยนครับ ไม่ใช่สำเร็จกันง่ายๆ
เขียนใน
GotoKnow
โดย
Mr theera watcharapranee
ใน
น้ำใจไทย
คำสำคัญ (Tags):
#uncategorized
หมายเลขบันทึก: 26119
เขียนเมื่อ 30 เมษายน 2006 11:55 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:49 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
Mr theera watchar...
สมุด
น้ำใจไทย
เสน่ห์ในหนี้ชาวบ้าน
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท