-ความหมายของกริด
-
Grid หมายถึง Infrastructure ซึ่งสนับสนุนการรวมและร่วมใช้งานของ
High-end computers เครือข่าย ฐานข้อมูล และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
ซึ่งเป็นจัดการโดยองค์กรต่าง ๆ ที่หลากหลาย
-
Application ของกริด ส่วนใหญ่
มักจะเกี่ยวข้องกับการคำนวณหรือข้อมูลปริมาณมหาศาล
และมักต้องการการรักษาความปลอดภัย
ของทรัพยากรซึ่งใช้ร่วมกันระหว่างองค์กร
-
เทคโนโลยีกริด (GRID Technology)
เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อทรัพยากรคอมพิวเตอร์หลายๆหน่วยเข้าด้วยกัน
-
ทรัพยากรคอมพิวเตอร์เหล่านี้อาจจะเป็นหน่วยประมวลผล
เนื้อที่สำหรับจัดเก็บข้อมูล ระบบประมวลผลคลัสเตอร์ หรือฐานข้อมูล
เป็นต้น
-
ทรัพยากรเหล่านี้อาจจะตั้งอยู่ในสถานที่ที่ใกล้กันหรือ
อาจจะไกลกันมาก อยู่คนละทวีปก็ได้
-
การเชื่อมต่อทรัพยากรทั้งหลายเข้าเป็นหน่วยเดียวกันนี้
นำไปสู่การแชร์ ทรัพยากรขนาดใหญ่
-
การร่วมมือกันระหว่างผู้ใช้และโปรแกรมที่อยู่คนละสถานที่คนละองค์กร
หรือคน ละทวีป ทำให้บางองค์กรเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า
การประมวลผลตามต้องการ (On-demand computing) อีก ด้วย
-
เทคโนโลยีการประมวลผลแบบ Grid
แตกต่างไปจากหลักการประมวลผลแบบกระจาย (Distributed Computing)
โดยที่จะเน้นไปที่การ แบ่งปันทรัพยากรในการประมวลผลในระดับใหญ่ (Large
scale resource sharing) เพื่อที่จะรองรับการ
ประมวลผลที่ต้องการประสิทธิภาพในการคำนวณสูง หรือที่รู้จักกันในชื่อ
High Performance Computing; HPC
-ความหมายของ Grid
Computing
-
Grid Computing คือการ นำทรัพยากรจากเครื่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ
เครื่องมาช่วยกันแก้ปัญหาร่วมกันในช่วงเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะ
กับการประมวลผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องการความสามารถในการประมวลผลมาก
หรือเป็นงานที่ทำกับ ข้อมูลเป็นจำนวนมาก
-
ในสมัยก่อน การประมวลผลที่มีความซับซ้อนมาก
ต้องทำด้วยเครื่องที่เรียกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
ที่มีพลังมหาศาลในการประมวลผล แต่ก็มีข้อเสียคือ
มีราคาแพงทั้งในการจัดหาและการดูแลบำรุงรักษา
แต่ด้วยเทคโนโลยีของการผลิตไมโครชิปทำให้เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีราคาถูกลง
ๆ และมีความสามารถในการประมวลผลที่มากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยี
ด้านเน็ตเวิร์กที่สามารถให้เครื่องเหล่านี้สามารถสื่อสารกันได้ทั้งกับเครื่องที่อยู่ใกล้กันและอยู่ห่างไกลกัน
แนวคิดของการนำเครื่องเหล่านี้มาทำงานร่วมกันจึงเริ่มมีให้เห็นเป็นรูปธรรมขึ้น
และกลายเป็นที่มาของ Grid Computing
- เวลาที่พูดถึงกริดไม่ได้จำเพาะอยู่ที่การนำ CPU มาช่วยกันประมวลผลเท่านั้น
แต่รวมถึงการใช้ทรัพยากรอื่น ๆ ร่วมกันด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อที่สำหรับการจัดเก็บไฟล์และข้อมูล
แบนวิตของเน็ตเวิร์กฐานข้อมูลและคลังข้อมูล รวมถึงโปรแกรมต่าง ๆ
- โครงสร้างของ Grid Computing
จะรวมถึงวิธีการในการจัดให้ การจัดหา การตรวจสอบสิทธิ์ของการใช้
การจัดแบ่งและจัดลำดับการทำงาน การรวบรวมผล และการติดตามต่าง ๆ
ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกจัดการด้วยมิดเดิลแวร์ (Middleware)
- เทคโนโลยี Grid Computing และ Cluster Computing
เป็นเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มที่จะมีบทบาท สำคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต
เนื่องจากเป็นการเพิ่มสมรรถนะการประมวลที่สูงโดยลดต้นทุนที่ต่ำกว่า
เพราะสามารถนำเทคโนโลยี Cluster มาใช้ทดแทน
การลงทุนจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ราคาสูง
สำหรับทุกหน่วยงานที่ทำงานวิจัย และการใช้ประมวลผลในลักษณะ Grid
Computing เพื่อเชื่อมโยง
ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่กระจายตัวกันอยู่ให้ทำงานร่วมกันเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
- นอกจากนั้นระบบกริดยังทำ
ให้เกิดโครงสร้างการติดต่อระหว่างระบบโปรแกรมที่เป็นมาตรฐานและมีความปลอดภัยสูง
- สำหรับประเทศ ไทย การนำระบบ Grid Computing ไปใช้ยังไม่กว้างขวาง
เนื่องจากประสบปัญหาขาดความเข้าใจในระบบ Grid Computing
อย่างถ่องแท้
-ประโยชน์ของเทคโนโลยีกริด
-
ความสามารถในการทำงานวิจัยยาก ๆ
ที่ต้องอาศัยการประมวลผลสูง
-
งานที่ต้องทำด้วยคอมพิวเตอร์
ซึ่งถ้าทำเครื่องเดียวอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีจึงจะคำนวณเสร็จ
ให้เหลือเวลาในการคำนวณในระดับเป็นวัน เป็นชั่วโมง เท่านั้น
ตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรม คือ
โครงการไทยกริดพอทัลเพื่อการคิดค้นสูตรยา หรือ Thai Grid Drug Design
เป็นส่วนหนึ่งของโครงการคัดสรรสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพด้วยระบบกริด
อธิบายง่ายๆ คือการที่เรา
เอาเทคโนโลยีกริดกริดคอมพิวติ้งมาคำนวณหาสารที่สามารถออกฤทธิ์เป็นยาได้จากฐานข้อมูลสารจำนวน
3,000 ชนิด
-
Grid Computing ได้เปิดช่องให้ระบบมีความยืดหยุ่นได้มากขึ้น
นับจากการสร้าง
โครงข่ายการประมวลผลจากคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันได้และยังสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ
ในการใช้งานให้ เหมาะกับสภาพแวดล้อมได้มากขึ้น
ผลที่ได้นอกจากประสิทธิภาพในการประมวลผลแล้วยังได้การบริหาร
แบนด์วิดธ์ที่ดีขึ้นมาด้วยพร้อม ๆ กัน
-จุดมุ่งหมายในการนำเทคโนโลยีกริดมาใช้งาน
-
ความต้องการในเรื่องความรวดเร็ว
ในการทำงานพร้อมทั้งความแม่นยำ
-
สิ่งสำคัญคือเรื่องของการลดค่าใช้จ่าย
แต่ว่าเมื่อมีการลงทุนทางด้าน เทคโนโลยีแล้ว
สิ่งที่ตามมาคือการดูแลรักษาระบบเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการใช้งาน
ในแต่ละส่วนไม่เท่ากัน
แต่ทางบริษัทจำเป็นที่จะต้องลงทุนระบบทั้งหมดเพื่อความสมบูรณ์ในการทำงาน
-สถาปัตยกรรมระบบกริด
-
ยุคแรกของกริดจะเน้นการใช้งานด้านวิทยาศาสตร์
โดยมุ่งสร้างโครงสร้างของระบบที่รวมพลังการประมวลผลเข้าหากัน เรียกว่า
Computational Grid และ ระบบ ที่ช่วยในการขนส่งข้อมูลจำนวนมากเรียกว่า
Data Grid
-
ในปัจจุบันกริดเริ่มวิวัฒนาการเข้าสู่ยุคที่สอง คือ Service
oriented grid ซึ่งมุ่งเน้นในการสร้างบริการ (Services)
และการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ในลักษณะ สถาปัตยกรรมเน้นบริการ (Service
Oriented Architecture หรือ SOA)
-สถาปัตยกรรมระบบกริดยุคที่
1
-
โครงสร้างของระบบกริดยุคที่ 1
-
-
Grid Fabric Layer ในระดับนี้จะประกอบไปด้วย
ทรัพยากรต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์สมรรถนะ สูง ระบบเก็บข้อมูลขนาดใหญ่
เครือข่าย ฐานข้อมูล
ซึ่งทรัพยากรเหล่านี้จะกระจายตัวอยู่บนเครือข่าย
-
Connectivity Layer
กำหนดมาตรฐานของการสื่อสารแบบปลอดภัยและการตรวจสอบผู้ใช้
และสิทธิต่างๆ ในเลเยอร์นี้จะช่วยให้มีการติดต่อระหว่างซอฟต์แวร์ใน
Fabric Layer อย่างปลอดภัยและเป็น รูปแบบเดียวกัน เทคโนโลยี อย่างเช่น
Secure shell (SSL), Public key encryption จะเป็นแกนหลัก
-
Resource Layer ซอฟต์แวร์ใน Layer นี้
จะกำหนดชุดของ protocol ที่ทำให้มีการจอง การใช้ การเจรจา
การควบคุมและติดตาม รวมทั้งการคิดราคาการใช้งานบนทรัพยากรต่างๆ
ในเลเยอร์นี้จะต้อง
สนับสนุนการสอบถามและการควบคุมสถานะของทรัพยากรแต่ละอย่าง
ซึ่งระบบความปลอดภัยทั้งหมดจะ พึ่งพา connectivity layer
เป็นหลัก
-
Collective layer
ในเลเยอร์นี้จะเป็นการประสานงานของการใช้งานทรัพยากรจำนวนมากให้
เป็นไปตามความต้องการของ application บริการเหล่านี้บางส่วนได้แก่
Directory Services, Scheduling Services, Data Replication Services,
Collaboratory Services
-
Application Layer ในเลเยอร์นี้คือ
โปรแกรมประยุกต์แบบกระจายที่จะใช้บริการของทุกเล
เยอร์ในการบริการผู้ใช้และทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ
-
ในการพัฒนาซอฟแวร์นั้นโครงสร้างทั้งหมดจะถูกรวมไว้ในซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า
Grid Middleware
-
ปัจจุบันมิดเดิลแวร์ที่ใช้กันอย่างกว้างขวางและเป็นมาตรฐานที่สุดคือ
โกลบัส (Globus)
-
โกลบัสที่ใช้งานกันมากคือ รุ่น 3.2 ผู้ใช้งานระบบกริดจะเรียกใช้
API ของมิดเดิลแวร์หรือเรียกใช้ บริการบางอย่างผ่าน Command line
utility ที่ระบบให้มา
-สถาปัตยกรรมของระบบกริดยุคที่สอง
-
โกลบัสจึงได้เสนอสถาปัตยกรรม Open Grid Services Architecture
(OGSA) ซึ่งเป็นแนวคิดหลักและกำลัง ถูกสร้างเป็นมาตรฐานโดย Global
Grid Forum
-
ในสถาปัตยกรรมแบบ SOA นั้นจะถือว่าระบบประกอบด้วยบริการ
(Service) จำนวนมากกระจายตัวกันอยู่บนเครือข่าย โดยมีผู้ให้บริการ
(Service Provider)
ทำหน้าที่ให้บริการจากนั้นโปรแกรมประยุกต์จะเป็นผู้เรียกใช้บริการ
(Service requestor) มาทำงานตามคำสั่งของผู้ใช้
การหากว่ามีผู้ให้บริการใดและอยู่ที่ไหนจะทำผ่านผู้ลงทะเบียน (Service
registry) ซึ่งผู้ให้บริการต้องมาลงทะเบียนเอาไว้
ในระบบกริดนั้นกลไกเหล่านี้จะถูกสร้างไว้เป็นพื้นฐานและมีขีดความสามารถบางอย่างเพิ่มขึ้นมา
ทำให้สามารถพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ขนาดใหญ่ที่กระจายตัวผ่านเครือข่ายได้ง่าย
-
ตัวอย่างได้แก่ Factory ส่วนที่ดูแล Service provider
ทำให้สร้างและเรียกใช้บริการต่างๆ ได้ง่าย
-
การทำงานของกริดหรือซูเปอร์คอมพิวเตอร์
มีลักษณะเหมือนกับการกระจายแหล่งประมวลผล โดยมี
แม่ข่ายกลางเป็นตัวควบคุม และตรวจสอบการจราจร
ซึ่งจะแบ่งงานออกเป็นส่วนๆ และสั่งการให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
เมื่องานแต่ละส่วนประมวล ผลเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำผลที่ได้มารวมกัน
และสั่งงานต่อไปจนกว่างานชิ้นใหญ่จะเสร็จ
-การนำระบบกริดไปประยุกต์ใช้งาน
-
การนำเทคโนโลยี Grid สู่การใช้งานเชิงพาณิชย์
-
-
การนำเทคโนโลยี Grid มาใช้กับระบบเว็บเซอร์วิส
หรือใช้ในการให้บริการลูกค้าด้านต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เว็บเซอร์วิสเป็นระบบอัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ความสะดวกกับทั้งบริษัทและผู้ใช้
ที่เป็นลูกค้าของบริษัทโดยใช้ซอฟต์แวร์พิเศษเป็นตัวทำงาน
-
ตัวอย่างเช่น เว็บเซอร์วิสอาจช่วยให้ระบบ
ฐานข้อมูลสินค้าของบริษัทสามารถติดต่อกับผู้จัดจำหน่ายได้โดยตรง
เพื่อสั่งซื้อสินค้าอัตโนมัติ เมื่อสินค้าในคลังใกล้จะหมด
หรือในการนัดตรวจรักษาโรค
ผู้ป่วยสามารถใช้เว็บเซอร์วิสสื่อสารกับฐานข้อมูลของแพทย์ ประจำตัว
เพื่อจัดหาช่วงเวลาที่ว่างตรงกันโดยอัตโนมัติ
-
การรวมพลังการคำนวนแบบมหาศาลให้งานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม
-
-
ในปัจจุบันมีงานบางงานต้องการใช้คอมพิวเตอร์อย่างมหาศาล
ตัวอย่างเช่น การ Render ภาพกราฟิก จำนวนมากเพื่อสร้างภาพยนตร์การ์ตูน
การค้นหายา การออกแบบรถยนต์ งานเหล่านี้สามารถทำให้เร็วขึ้น โดย
การกระจายงานไปบนระบบกริด
-
เครื่องคอมพิวเตอร์ต้องการทำงานคำนวนจะใช้คำสั่งส่งงานให้ซอฟต์แวร์พิเศษ
ที่เรียกว่า Resource Broker หรือ grid scheduler ซึ่งมีหลายตัวเช่น
Condor/G, Nimrod/G, SQMS/G เป็นต้น ซอฟต์แวร์ broker
นี้จะใช้บริการของกริดตามหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ว่างงาน
จากนั้นจะส่งโปรแกรมไปให้โดยบริการ Remote execution
ของกริดที่เรียกว่า GRAM (Grid Resources Access and Management)
เมื่องานนั้นใช้เครื่องปลายทำงานเสร็จแล้ว ระบบกริดร่วมกับ broker
ก็จะส่งผลที่ได้กลับมาให้ผู้ใช้ การทำงานในลักษณะนี้
ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเครื่องนับพันบนกริดให้เป็นระบบหนึ่งเดียวกันได้
-
การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์แบบ SOA
-
-
การส่งผ่านข้อมูลแบบปลอดภัย
-
-
ระบบกริดจะมีเทคโนโลยีในการทำ Replica catalog
ทำให้สามารถติดตามการวางตำแหน่งของไฟล์ที่กระจายตัวกันอยู่บนเครือข่ายได้
-
การใช้งานอย่างหนึ่งของกริด
คือการนำไปสร้างโครงสร้างที่มีความปลอดภัยสูงในการส่งรับข้อมูลขนาดใหญ่
กริดในลักษณะนี้จะเรียกว่า Data Grid
-
นอกจากนั้นในขณะนี้มีซอฟต์แวร์เรียกว่า OGSA DAI
ซึ่งพัฒนามาจากยุโรป ซอฟต์แวร์นี้ช่วยสร้าง กริดเซอร์วิสครอบฐานข้อมูล
เช่น My SQL, Oracle เพื่อให้โปรแกรมแบบกริด เรียกใช้ได้
ทำให้สามารถสร้างโปรแกรมเชื่อมโยงฐานข้อมูลเข้าหากันผ่านกริดได้