บทความนี้เผยแพร่ใน จดหมายข่าว MTEC
เกร็ด Sci.&Tech. By Marisa
ฉบับนี้ ขอกล่าวถึงแก๊สน้ำตา ซึ่งกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในขณะนี้ ณ ที่นี้ ขอกล่าวเฉพาะเรื่องข้อมูลน่ารู้ของแก๊สน้ำตาเท่านั้นนะคะ
แก๊สน้ำตา ในภาษาอังกฤษมีชื่อหลายชื่อทั้งแบบตรงตัวเลยคือ Tear gas หรือจะเป็น Lachrymatory agent (LA) / Lachrymator มีรากศัพท์มาจากคำว่า Lacrima ในภาษาละติน แปลว่าน้ำตา สาเหตุที่เรียกว่าแก๊สน้ำตาเนื่องจากมันเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาทตา ทำให้มีอาการเจ็บปวดที่นัยน์ตา มีน้ำตาไหล และอาจทำให้ตาบอดชั่วคราว ด้วยสมบัติดังกล่าว จึงมีการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อควบคุมการจลาจล ซึ่งจะทำให้ผู้ก่อการจลาจลไม่สามารถต่อสู้หรือขัดขืนได้
ฤทธิ์ของแก๊สน้ำตา
ไม่เพียงแต่มันจะมีฤทธิ์ที่จะทำให้นัยน์ตาเจ็บจนน้ำตาไหลเท่านั้น มันยังทำให้เยื่อบุภายในโพรงจมูก ช่องปาก และ ปอดเกิดอาการระคายเคือง หายใจไม่สะดวก และ อาจทำให้ผิวไหม้หรือรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนหนามแหลมแทงได้อีกด้วย โดยทั่วไปการออกฤทธิ์จะเกิดขึ้นทันทีที่ได้สัมผัสเพียง 0-30 วินาที ฤทธิ์จะคงอยู่นานถึงครึ่งชั่วโมง แต่ในบางครั้งอาจจะยาวนานถึง 3 วันเลยทีเดียว กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่เป็นที่ชัดเจนนัก แต่น่าจะเกิดจาก สารในแก๊สน้ำตาทำปฏิกิริยากับหมู่ซัลฟ์ไฮดริล (Sulfhydryl R−SH) ที่อยู่ในเอนไซม์ ทำให้ระบบเอนไซม์หยุดทำงาน จึงเป็นผลให้เนื้อเยื่อเกิดความเสียหายและได้รับบาดเจ็บ
แก๊สน้ำตามีกว่าสิบประเภท แต่ที่สำคัญมี 4 ประเภท ได้แก่
|
<!--[if !vml]--><!--[endif]-->อย่างไรก็ตาม แก๊สน้ำตายังแบ่งได้ตามประเภทของการใช้งาน ได้แก่ ประเภทขว้าง และ ประเภทยิงจากอาวุธปืนเฉพาะ และยังสามารถแยกย่อยได้ตามกลไกการปล่อยสาร คือ ประเภทที่ปล่อยควันสารเพียงอย่างเดียวและประเภทที่ปล่อยควันพร้อมเสียงระเบิด
|
<!--[if !vml]--><!--[endif]-->
มีเอกสารบางฉบับกล่าวถึง ความสำคัญของวิธีการใช้แก๊สน้ำตากับความปลอดภัยของผู้ที่ได้สัมผัส โดยทั่วไป แก๊สน้ำตาจะไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หากใช้ถูกวิธี นอกจากนี้ ในบางประเทศยังให้ความสำคัญกับอันตรายที่อาจจะเกิดกับผู้ก่อการจลาจลอีกด้วย โดยมีการห้ามใช้แก๊สน้ำตาบางชนิดที่คาดว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้ที่สัมผัส ยกตัวอย่างเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการใช้แก๊สน้ำตาชนิด CR gas ในการปราบจลาจล เนื่องจากมันมีสมบัติเป็นสารก่อมะเร็ง เป็นต้น
วิธีการรักษาเมื่อได้สัมผัสกับแก๊สน้ำตา
|
<!--[if !vml]--><!--[endif]-->แก๊สน้ำตาแต่ละชนิดจะมีวิธีการรักษาที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่สัมผัสกับแก๊สน้ำตาชนิด CS gas สามารถใช้น้ำกำจัดได้ แต่สำหรับผู้ที่สัมผัสแก๊สน้ำตาชนิด CR gas น้ำกลับเพิ่มความเจ็บปวดมากขึ้น ในกรณีที่นัยน์ตาได้รับ CS gas จนเกิดภาวะบอดชั่วคราว มีวิธีการรักษาเร่งด่วนคือ ใช้น้ำนมวัวกลั้วตาช่วยทำให้ตากลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดนั้นจะยังคงอยู่ก็ตาม ที่สำคัญหากใส่คอนแทคเลนส์อยู่ควรรีบถอดออกทันทีเพราะมันจะทำให้แก๊สน้ำตามีฤทธิ์ยาวนานขึ้น
แหล่งอ้างอิง
http://www.prd.go.th
http://en.wikipedia.org/wiki/CR_gas
http://en.wikipedia.org/wiki/CS_gas
http://en.wikipedia.org/wiki/CN_gas
http://en.wikipedia.org/wiki/OC_gas
http://en.wikipedia.org/wiki/Tear_gas
http://www.zarc.com/english/tear_gases/jamateargastoxic.html
http://www.brooksidepress.org/Products/OperationalMedicine/DATA/operationalmed/Manuals/RedHandbook/008Riot-ControlAgents.htm
<p> </p>
<div style="text-align: center;">
</div>
ไม่มีความเห็น