1.ประชุม เรื่อง การประชุมนำเสนอความก้าวหน้าโครงการที่ได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานตาม แผนงานพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพเพื่อการพึ่งตนเอง ปีที่ 2 วันที่ 2 – 3 มีนาคม 2552 ณ ร.ร. เค ยู โฮม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สรุปผลการประชุม ดังนี้
1.ผู้เข้าร่วมประชุมมาจากเครือข่ายในแต่ละภาคได้แก่ ภาคเหนือ , ภาคกลาง , ภาคใต้ และภาคอีสาน ซึ่งคุณวีรพงษ์ เกรียงสินยศ (เลขาธิการมูลนิธิ) และคณะ จากมูลนิธิสุขภาพไท โดยจังหวัดอุดรธานีมีตัวแทนจากชมรมหมอพื้นบ้านสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น อำเภอบ้านดุงซึ่งเป็นผู้รับทุนสนับสนุนโครงการ คือนายสมัย ชัยช่วย เลขานุการชมรม ฯ และเจ้าหน้าที่สนาม จำนวน 2 คน พร้อมทั้งพี่เลี้ยงโครงการคือเภสัชกรสมชาย ชินวานิชย์เจริญ
2.ผลการประชุม 2 มีนาคม 2552 ภาคเช้า เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้ใช้เทคนิคการฟังด้วยใจเพื่อให้ผู้รับผิดชอบแต่ละโครงการได้ทบทวนแผนงานที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก สสส. ทบทวนเป้าหมายและการมาร่วมโครงการ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่ผ่านมา การแก้ไข เป็นการสร้างความสนิทสนมให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรม (3 คำถาม หมุนเวียน 3 คู่ สบตา และตั้งใจฟัง ผลัดกันพูด ผลัดกันฟัง) แล้วนำมาเข้าเวทีกลางเพื่อให้เพื่อนพูดถึงเพื่อน
3.ผลการประชุม 2 มีนาคม 2552 ภาคบ่าย ซึ่งเป็นการร่วมประชุมกับ STEERING COMMITTEE ของ สสส. ในแผนงานพัฒาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ นำโดย นพ.วิชัย โชควิวัฒน ซึ่งติดภารกิจ อาจารย์จิราภรณ์ ลิ้มปานานนท์ , อาจารย์เสาวณีย์ กุลสมบูรณ์ , อ.ดร.สินธุ์ สโรบล , ตัวแทนจาก สปสช. , ตัวแทนจาก สสส. , ตัวแทนจากภาคประชาชน (นายก อบต.) โดยมูลนิธิสุขภาพไทยได้นำเสนอภาพรวมของการดำเนินงานในปีที่ 2 ( ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคม 2552 ส่งหลักฐานการเงินภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2552) รายละเอียดโดยย่อคือยุทธศาสตร์ด้านการจัดการความรู้ , รูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพไปใช้ , การสร้างและบริหารจัดการเครือข่าย และการจัดการฐานทรัพยากร และนำเสนอรายภาค เครือข่ายภาคเหนือ เน้นงานเกี่ยวกับ รูปแบบการบริการของแม่ก๋ำเดือนกับการผสมผสานเข้าระบบ , เครือข่ายภาคกลาง เน้นงานเกี่ยวกับหลังคลอด , เครือข่ายภาคอีสาน เน้นงานจัดการฐานทรัพยากร , รูปแบบการนำไปใช้ , เครือข่ายภาคใต้ เป็นการจัดการความรู้ ซึ่งคณะกรรมการมีความเห็นว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการติดตั้งระบบการแพทย์พื้นบ้านในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม โดย ตัวแทนจาก สปสช.ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ ระบบ INTERMEDIATE AND REFERAL SYSTEM โดยเครือข่ายหมอพื้นบ้านสามารถเข้าร่วมในกิจกรรมของการฟื้นฟูผู้พิการในรูปแบบจิตอาสา สปสช.กำลังจะนำร่องดำเนินการภายในระยะ 2 – 3 เดือนนี้
4.ผลการประชุม 3 มีนาคม 2552 ภาคเช้า เป็นเวทีกลุ่มย่อยของแต่ละยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ด้านการจัดการความรู้ , รูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพไปใช้ , การสร้างและบริหารจัดการเครือข่าย และการจัดการฐานทรัพยากร เป็นเวทีเรื่องเล่าเร้าพลังของแต่ละยุทธศาสตร์ (รวมภาค – แต่ละยุทธศาสตร์มีหลายภาค) รวมทั้งการเสนอข้อเสนอจากเครือข่ายเพื่อให้ระดับนโยบายได้นำไปกำหนดแผนงานระดับชาติต่อไป
5.ผลการประชุม 3 มีนาคม 2552 ภาคบ่าย เป็นการนำเสนอข้อเสนอจากเครือข่ายเพื่อให้ระดับนโยบายได้นำไปกำหนดแผนงานระดับชาติต่อไป ทั้งนี้จะได้จัดเวทีเครือข่ายเพื่อบรรลุข้อตกลงต่อไป ยกตัวอย่างเช่น
ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างกลไกการทำงานที่ชัดเจน มีชื่อคนทำงาน มีคณะกรรมการเครือข่าย
ยุทธศาสตร์การสนับสนุนการพัฒนาความเข้มแข็งของภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม (การติดตั้งระบบพัฒนา , การผลักดันเชิงนโยบาย , การหนุนเสริมคนทำงานในพื้นที่ , การสร้างการมีส่วนร่วมจาก อปท. เป็นต้น)
6.ที่ประชุมได้นัดหมายจะมีการประชุม อปท.ที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 23 มีนาคม 2552 โดยจังหวัดอุดรธานีได้โควต้า 7 – 8 คน
สิ่งที่จะได้ดำเนินการต่อไป
1.จัดเตรียมแผนงานในระยะต่อไป เป็นการเตรียมการแผนงานในระยะต่อไป ซึ่งเติบโตจากความเป็นชมรมเข้าสู่ความเป็นสถาบันรวมทั้งการกำหนดภารกิจที่จะต้องสร้างการมีส่วนร่วม ร่วมรับผลประโยชน์ ร่วมคิด ร่วมสร้างจากภาคี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ให้ทุนสนับสนุนเป็นวาระประจำ) สาธารณสุขในพื้นที่ (เป็นพี่เลี้ยงผู้ประสานงานที่ดี)
2.จัดทำหนังสือประสานงานไปยัง อบต.เป้าหมายที่จะเข้าร่วมประชุม และขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ได้อำนวยช่วยเหลือคณะกรรมการชมรมหมอพื้นบ้านในการประสานงานกับผู้บริหาร อบต. ในการจัดเวทีเพื่อให้ผู้บริหาร อบต.ได้นำเสนอสิ่งที่ อบต. ได้สนับสนุนการดำเนินงานของเครือข่ายภูมิปัญญาท้อถิ่นด้านสุขภาพ และขอให้เจ้าหน้าที่ สอ.บ้านม่วง (นายสุนทร คุณภาที) ได้นำเสนอผลการดำเนินโครงการ (มูลนิธิสนับสนุนงบประมาณค่าพาหนะ รถตู้)
3.ประสาน สอ.จอมศรี เพื่อศึกษาโครงการความร่วมมือของเครือข่ายชุมชนในการดูแลสุขภาพผู้พิการ
2.ประชุมเตรียมการสรรหาคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร.ร.Pullman จ.ขอนแก่น วันที่ 4 มี.ค.52
สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไป
1.ส่งรายชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็น ก.ส.จ. ไปยังกรมพัฒน์ฯ ภายใน 24 มี.ค.52
2.ก.ส.จ. ตามคำสั่งแต่งตั้ง ดำเนินการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิระดับจังหวัด ภายใน 15 พ.ค.52
3. ประชุมพัฒนาศักยภาพบุคลากรแพทย์แผนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร.ร.Pullman จ.ขอนแก่น
วันที่ 4-5 มี.ค.52
1.ผศ.ภญ.สำลี ใจดี กล่าวเปิดการประชุมและชี้แจงวัตถุประสงค์การประชุม
2.การนำเสนอ Good Practices และจัดนิทรรศการ เรื่องรูปธรรมการบูรณาการงานแพทย์แผนไทยในหน่วยบริการและในชุมชน โดยตัวแทนจากสถานบริการแต่ละจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด จากทั้งหมด 19 จังหวัด ซึ่งจ.อุดรธานี ได้พิจารณาให้ รพ.หนองหาน เป็นตัวแทนระดับจังหวัดในการนำเสนอผลการดำเนินงาน โดย ภ.ญ.ขวัญสุดา ชาติโสม หัวหน้างานแพทย์แผนไทย รพ.หนองหาน เป็นตัวแทนนำเสนอผลงาน
3.ข้อมูลสถานการณ์การแพทย์แผนไทยฯ โดย นพ.ประพจน์ เภตรากาศ รองอธิบดีกรมพัฒนาฯ โดยเน้นให้ใช้แผนยุทธศาสตร์ชาติการพัฒนาภูมิปัญญาไท พ.ศ.2550-2554 เป็นหลักในการกำหนดแผนและนโยบาย การดำเนินงาน และการขอรับการสนับสนุน
4.โอกาสของการพัฒนากำลังคน โดย นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผอ.สถาบัน
การแพทย์แผนไทย แจ้งว่า ก.พ.ได้ประกาศบรรจุพนักงานราชการตำแหน่งนักการแพทย์แผนไทย ประมาณ 20,000 ตำแหน่ง ซึ่งคาดว่าจะบรรจุได้โรงพยาบาลละ 1 ตำแหน่ง (จากข้อมูลคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง) และจะเปิดการสอบแข่งขันต่อไป เรื่องการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมผู้ช่วยแพทย์แผนไทย 18 แห่งในส่วนภูมิภาค มีงบประมาณแล้วแต่รอความพร้อมของสถานที่
5.สปสช.ได้สรุปสถานการณ์และผลการดำเนินงาน ปี 2551-2552 แยกรายเขตพื้นที่ และการระดมความเห็นกรณีการจัดสรรงบ 2 ประเด็น
ประเด็นที่ 1 กำหนดอัตราคงที่ จัดสรรให้ CUP ที่บริการสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภาพรวม แล้วนำเงินส่สวนที่เหลือมาจัดสรรให้แก่ทุกแห่งที่จัดบริการและส่งข้อมูลผ่านโปรแกรมฯ
ประเด็นที่ 2 กำหนดอัตราคงที่ จ่ายให้ทุก CUP ที่ร่วมจัดบริการและส่งข้อมูลผ่านโปรแกรมฯในอัตราคงที่ 60-100 บาท/visit แล้วนำเงินส่วนที่เหลือมาจัดสรรให้แก่ CUP ที่จัดบริการสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภาพรวม ซึ่งอาจจะได้งบชดเชย ประมาณ 100-120 บาท/ครั้ง
ซี่ง สปสช.จะสรุปและพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
สิ่งที่จะได้ดำเนินการต่อไป
1.ติดตาม และกระตุ้นการลงข้อมูลการให้บริการ พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายของจังหวัด
2.ติดตามและประสานการเข้าสู่ตำแหน่งนักการแพทย์แผนไทย
3.สรุปประเด็นการนำเสนอผลงาน Good Practices เพื่อแจ้งหน่วยบริการ นำไปปรับใช้และเป็นต้นแบบต่อไป โดยเฉพาะตัวอย่างของ รพ.กุดชุม จ.ยโสธร ซึ่งมีการกำหนดนโยบายจาก นพ.สสจ.ให้ทุกโรงพยาบาลจัดซื้อยาสมุนไพรอย่างน้อยปีละ 100,000 บาท ให้สถานีอนามัยมีการใช้ยาสมุนไพรอย่างน้อยร้อยละ 3 และกรณีการดำเนินงานของ รพร.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่งมีการพัฒนาอย่างมากในช่วงเวลาการดำเนินงาน 4 ปี (น่าจะมีการศึกษาดูงาน)
4. อบรมการใช้โปรแกรมรหัสข้อมูลสุขภาพด้านการแพทย์แผนไทย ณ ห้องประชุมร่มโพธิ์ทอง สสจ.อด. วันที 16 – 19 มี.ค.52
1.ผู้เข้าอบรม
จำนวนผู้เข้ารับการอบรม เป้าหมายทุกโรงพยาบาลและทุกสถานีอนามัย รวมจำนวน 220 แห่ง เข้ารับการอบรมรวมจำนวน 185 แห่ง คิดเป็นร้อยละ
2.ผลการทดสอบหลังการอบรม
หลังการอบรม ให้ผู้เข้ารับการอบรมทำแบบฝึกหัดการให้รหัสโรคและรหัสหัตถการ
ทางการแพทย์แผนไทย ในภาพรวมของอำเภอ แบ่งเป็น 3 หมวดๆละ 5 ข้อๆละ 1 คะแนน
3.สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไป
3.1 โรงพยาบาล สถานีอนามัย ใช้รหัสและทำการบันทึกข้อมูลในโปรแกรมฯ
3.2 โรงพยาบาล สถานีอนามัย รายงานข้อมูลสุขภาพด้านการแพทย์แผนไทย ผ่าน www.thcc.or.th โดยข้อมูลพื้นฐานของสถานบริการ ให้รายงานปีละ 1 ครั้ง (เดือนตุลาคม) ส่วนรายงานการให้บริการ ให้รายงานทุกเดือน ภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป
3.3 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ติดตาม ตรวจสอบการรายงานของหน่วยงานที่อยู่ในความรับผิดชอบทุกเดือน ผ่านwww.thcc.or.th
5.ประชุมสรุปงานสำรวจสมุนไพรป่าตลิ่งชัน ต.หินโงม อ.สร้างคอม วันที่ 23 มี.ค.52
1.ผู้เข้าร่วมประชุม ได้แก่ ผู้นำชุมชน นายก อบต.หินโงม เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย สาธารณสุขอำเภอ เจ้าหน้าที่งานการแพทย์แผนไทย สสจ.อุดรธานี และตัวแทนจากชมรมหมอพื้นบ้านสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นอำเภอบ้านดุง รวมจำนวน 36 คน
2.ภก.สมชาย ได้ให้ข้อมูลสรุปผลการสำรวจสมุนไพรในเขตป่าดอนปู่ตาบ้านตลิ่งชัน และเชิญสาธารณสุขอำเภอมอบหนังสือสารานุกรมสมุนไพรท้องถิ่นป่าบ้านตลิ่งชัน ให้แก่นายก อบต.หินโงม อ.สร้างคอม จำนวน 50 เล่ม
3.แบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็นในการจัดการพื้นที่เพื่อคุ้มครองสมุนไพรตามแนวทางของ พรบ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พศ.2542
ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการ มีกิจกรรม ได้แก่
-การพัฒนาคนทำงาน โดยให้มีการประชุมคณะกรรมการกลุ่มเป็นประจำ
-ด้านการดูงาน อาจจะเป็นที่ป่าสะแกราช ปักธงชัย นครราชสีมา หรือดูงานการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งได้เสนอแพนด้าแค้มป์ บ้านไร่ อุทัยธานีเอาไว้ เพราะอย่างน้อยก็เป็นเครือข่ายที่เรารู้จักหน้าค่าตากัน (พี่มด คุณศิริพงษ์ โทหนองตอ 056-596014 )
ยุทธศาสตร์ด้านการเผยแพร่และกระตุ้นพื้นที่ มีกิจกรรมได้แก่
-เวทีคืนข้อมูล เป็นการจัดเวทีในหมู่บ้านเพื่อให้ชุมชนได้รับรู้กิจกรรมหรือผลงานของกลุ่มที่ได้ทำมา
-พิมพ์สารานุกรมเพิ่มหรือไม่
-การทำป้ายต่าง ๆ ข้อบังคับ อนุรักษ์ ผ้าป่าสมุนไพร
สิ่งที่น่าจะได้ดำเนินการต่อไป
ติดตามพื้นที่ให้มีการดำเนินการ
1.จัดทำร่างโครงการเพื่อให้ทันสมัยประชุมของ อบต. ประมาณไม่เกินเดือนมิถุนายน 2552 โดยสนับสนุนให้ชุมชนสามารถผลักดันโครงการ โดยเนื้อหาโดยละเอียดอ่านได้ที่ http://gotoknow.org/blog/kumpava/254068
6.อบรมหมอยาน้อย ของชมรมหมอยาพื้นบ้านสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นอ.บ้านดุงณ ศูนย์ห้วยแล้ง ม.4 บ้านสามัคคี ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง วันที่ 24-25 มี.ค.52
1.มีผู้เข้าร่วมอบรมเป็นคณะกรรมการชมรม และหมอยาน้อย รวมจำนวน 33 คน
2.รองนายกตำบลบ้านม่วงกล่าวเปิดงาน
3. หมอยาน้อยต้องอ่านได้-เขียนคล่อง
4. การสอบถามอาการคนป่วยคนป่วยและการเก็บข้อมูลคนป่วย
5. ภ.ก.สมชาย ชินวานิชย์เจริญ อธิบายกิจกรรมในปีนี้ที่ชมรมกำลังดำเนินงานอยู่มีดังนี้
1. ภูมิปัญญาท้องถิ่น
-หมอพื้นบ้าน
2. ภูมิปัญญาท้องถิ่น เอกสาร ใบลาน
-5 ผูก/คน 5-10 / ตำบล
-ใบรับรอง
3. ทุนทางสมุนไพร
-เย็บพันธุ์ไม้
-แผนสำรวจป่าหาสมุนไพร
และให้ทำกิจกรรมเพื่อหมอยาน้อยจะได้รู้จักกันมากขึ้นและมีสมาธิในการฟังมากขึ้นโดยมีหัวข้อกิจกรรมดังนี้
กิจกรรมฟังด้วยใจ
ให้จับคู่กันให้ในคู่กันตกลงกันว่าใครจะเป็นหมายเลข 1 หรือใครจะเป็นหมายเลข 2 ตกลงกันก่อนถ้าคนหนึ่งพูดคนหนึ่งฟังก็ต้องฟังอย่างเดียวไม่มีสิทธิ์พูดผลัดกันพูดผลัดกันฟัง คำถามมีดังนี้
1. มาเข้าร่วมโครงการอบรมหมอยาน้อยได้อย่างไร คาดหวังอย่างไรจากกิจกรรมนี้
2. แต่ก่อนแต่กี้ทำอะไรอยู่ ชีวิตครอบครัวเป็นอย่างไร มีพื้นเพมาจากไหน ตอนนี้เป็นอย่างไร
จากนั้นให้ ฝึกสัมภาษณ์หมอพื้นบ้าน การสำรวจใบลาน และมีกิจกรรมการเดินป่าภูดูสมุนไพร ที่
วนอุทยานอ้อมฤดี
7.ประชุมเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทย ครั้งที่ 1 ณ ห้องประชุมสายสัมพันธ์ สสจ.อด. วันที่ 27 มี.ค.52
มีผู้เข้าร่วมการประชุม 10 คน
1.ภ.ก.สมชาย ชินวานิชย์เจริญ แจ้งที่ประชุม ดังนี้
1.ขอให้ทีมงานเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยได้มีการมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน 2 เดือน ต่อ 1 ครั้ง และมี เลขานุการ เพื่อจดวาระการประชุม 2 ท่าน เพื่อสรุปเสนอผู้บริหารให้รับทราบทุกครั้งที่มีการประชุม ประกอบด้วย
1.นส.อุบล สมบูรณ์ ตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน ปฏิบัติงาน ร.พ หนองแสง
2.นส.วิญาดา บุตรจำรวญ ตำแหน่ง เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน ปฏิบัติงาน ร.พ.ทุ่งฝน
2.การเบิกจ่ายค่าบริการนวด โดย ค่านวดรักษาและค่าประคบ รวมกัน ไม่เกิน 250 บาท / ครั้ง ไม่เกิน 3 ครั้ง/อาทิตย์ ตามหนังสือ กค.0422.2 / ว 42 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 ไปก่อน โดยให้ถือปฏิบัติตามนัยหนังสือดังกล่าวจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากกรมบัญชีกลาง
3.การพัฒนาศักยภาพของบุคคลากรด้านการแพทย์แผนไทย เพื่อเป็นการไม่เสียโอกาสในการพัฒนาความรู้ และมีการพ
ไม่มีความเห็น