บางครั้งการวินิฉัยโรคกระดูกและข้อจากการทำงานนั้นค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ต้องแยกระหว่างความไม่สบายในการทำงาน และโรคที่เกิดจากท่าทางการทำงานให้ได้ก่อน ขอแนะนำ Tips เล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยในการ recognize
หลักในการวินิจฉัยโรคกล้ามเนื้อและกระดูกจากการทำงาน
•1. ผู้ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อและกระดูกจริง
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังจากการทำงาน ผู้ป่วยจะต้องมีอาการปวดเวลามีการเคลื่อนใหวกล้ามเนื้อหรือข้อ บริเวณที่ผู้ป่วยบอกเล่า หรือในกรณีที่มีเส้นประสาทถูกกดทับ ผู้ป่วยจะต้องมีอาการปวดหรือชาตามการกระจายของเส้นประสาทนั้น
•2. มีสาเหตุในงานที่ทำให้มีอาการนั้น
สาเหตุที่ทำให้มีอาการที่สำคัญคือท่าทางการทำงานที่ผิดปกติ ได้แก่
2.1 การทำงานซ้ำซากในท่าเดียวกับนนานๆ โดยเฉพาะในท่าที่ทำงานไม่สบาย
2.2 งานที่ต้องใช้กำลังมากๆ โดยเฉพาะที่ต้องใช้กำลังเฉพาะที่ ซ้ำๆ เป็นเวลานานๆ เช่น การบิดข้อมือไปมา เพื่อขันสกรู โดยใช้ไขควง เป็นต้น
2.3 งานที่ต้องขยับข้อต่างๆ ไปมาซ้ำกัน เป็นระยะเวลานานๆ โดยเฉพาะถ้ามีการต้องใช้กำลัง เช่นการบิดผ้าเปียกหลายครั้ง
2.4 งานที่ต้องทำอยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานานๆ เช่น ช่างเชื่อมจะต้องนั่งคุกเข่าทำงานในท่าเกร็งเป็นเวลานานๆ
2.5 งานยกของจากที่ต่ำกว่าไปยังที่สูงกว่า โดยเฉพาะการยกที่ต้องเดินแบกเป็นระยะทางใกล ของที่มีน้ำหนักมาก ไม่มีที่จับที่ถนัดมือ หรือ ต้องบิดตัว
2.6 การทำงานในสถานที่คับแคบ ทำให้ไม่สามารถบิดตัวได้
2.7 การทำงานในสถานที่ซึ่งมีความสั่นสะเทือน หรือในสถานที่ซึ่งมีสิ่งคุกคามด้านจิตสังคม เช่นมีเสียงดัง หรือสภาพแวดล้อมในการทำงานไม่เหมาะสมจะทำให้อาการเจ็บเป็นมากขึ้น
2.8 การทำงานในสถานที่ซึ่งไม่สบายตัว เช่นการระบายอากาศไม่พอ แสงสว่างไม่พอ ความชื้นสูง ไม่มีความสบายในการนั่ง หรือไม่มีความรู้ในงานเพียงพอ ปัจจัยเหล่านี้จะซ้ำเติมปัญหาทางการยศาสตร์ที่มีอยู่
2.9 ปัจจัยด้านตัวคนเช่นอ้วน เป็นโรคที่ทำให้ระบบเนื้อเยื่อเกี่ยวพันง่ายต่อการเป็นโรค เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคเรื้อรังอื่นๆ
3. เมื่อมีข้อ 1 และ ข้อ 2 ต่อไปจึงมาถึงข้อสามซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายเช่นนายจ้าง เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยประจำโรงงาน โดยเฉพาะในเรื่องโรคกล้ามเนื้อและกระดูก จำเป็นที่จะต้อง ตรวจสถานประกอบการ หรือ walk through survey เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค อย่างไรก็ตามการซักประวัติก็เป็นเรื่องสำคัญที่พอจะทำให้ประเมินสภาพการทำงานได้ เช่น มีอาการมากในช่วงทำงาน อาการดีขึ้นในวันหยุด มีเพื่อนร่วมงานเป็นด้วย มีอาการหลังทำงานนี้ระยะเวลาหนึ่ง เป็นต้น ที่ต้องระวังคือ อาการกล้ามเนื้อและกระดูกนี้เป็นได้กับทุกคนไม่จำเป็นต้องเกิดจากการทำงาน นั่งดูโทรทัศน์ที่บ้านก็ปวดได้
สรุป ในการวินิจฉัยโรคจากการทำงาน ที่สำคัญที่สุดคือต้องเป็นโรคนั้นจริง แล้วจึงค่อยหาว่าในการทำงานของผู้ป่วยมีปัจจัยอะไรที่ทำให้มีอาการอย่างนั้นบ้าง เมื่อได้ว่ามีปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดโรคได้ ค่อยลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่มเติมว่าปัจจัยนั้นๆ มีขนาดมากพอ มีความเสี่ยงมากพอ หรือผู้ป่วยมีการสัมผัสมากพอที่จะทำให้เป็นโรคได้หรือไม่
การป้องกัน
ตาม ILO recommendation 194 ที่กระทรวงแรงงานลอกมาออกเป็นกฎหมาย (แต่ลอกไม่หมด)นั้น ระบุว่า โรคกระดูกและกล้ามเนื้อจากการทำงานต้องมี ปัจจัย เสี่ยง 5 ข้อ ตามข้างล่าง
Musculo-skeletal diseases caused by specific work activities or work environment where particular risk factors are present. (นิติกรกระทรวงแรงงานลอกมามาทำเป็นกฎหมาย เพียงบรรทัดนี้เท่านั้น)
Examples of such activities or environment include:
(a) rapid or repetitive motion
(b) forceful exertion
(c) excessive mechanical force concentration
(d) awkward or non-neutral postures
(e) vibration Not included
Local or environmental cold may increase risk
ไปดูในเล่มสีชมพู (เกณฑ์มาตรฐานการวินิจฉัยโรคจากการทำงาน ฉบับเฉิมพระเกียรติ) ก็ไม่มีรายละเอียด แถมยังผิดเยอะมาก