หายหน้าไปนานเลยล่ะคะ ใครจะคิดว่าช่วงสงกรานต์เราจะมีโอกาสได้หยุดพักผ่อนยาวถึง 10วัน แต่ผู้เขียนก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกลจากบ้านหรอกค่ะ ในสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ก็ต้องวนเวียนอยู่ระหว่างบ้านกับที่ทำงาน โล่งใจนะคะที่เรื่องราวจบลงด้วยดี(จบจริงหรือเปล่าน้า) แต่อย่างน้อยตอนนี้บ้านเมืองก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ก่อนอื่นคงต้องขอขอบคุณพี่ ๆ ทหารหาญที่มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย ณ ที่ทำงานผู้เขียนอย่างเข้มแข็ง ทำให้พวกเราอุ่นใจขึ้นมาก
ต่อเนื่องจากเรื่องสัพเพเหระคราวที่แล้ว ที่ผู้เขียนตั้งใจว่าจะไปเที่ยวตลาดร้อยปีสักครั้ง แล้วนำมาเขียนเล่าให้ฟัง ก็ต้องมีอันแพ้แรงโหวตจากเพื่อน ๆ ร่วมทาง เนื่องจากพวกเธอคุณนายกันทั้งนั้น กลัวดำบ้าง กลัวผิวเสีย กลัวร้อน ขี้เกียจเดินบ้างล่ะ เลยตกลงเที่ยวกันในเมืองอยุธยานั่นแหละคะ 2 วัน 2 คืน ไปโบราณสถาน และวัดวาอารามต่าง ๆ สนุกแบบร้อน ๆ แถมมีพายุฝนด้วยก็มีรสชาติไปอีกรูปแบบหนึ่ง
จะว่าไปคนไทยสมัยนี้ก็เริ่มเข้าวัดกันมากขึ้นนะคะ สังเกตจากจำนวนนักท่องเที่ยว ที่อยุธยาไม่ได้มีเพียงชาวต่างชาติ ยังมีคนไทยอีกจำนวนหนึ่งที่มาพร้อมครอบครัว ดูอบอุ่นดีนะคะ และผู้เขียนก็รู้สึกดีจังเลยที่เห็นภาพบุตรหลานวัยรุ่นประคองปู่ ย่า ตา ยาย เดินชมสถานที่ท่องเที่ยวและพากันไปกราบไหว้พระ พูดถึงการเข้าวัดกราบพระ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่มีแฟนต่างสถาบัน ถ้ามีวันหยุดหรือมีเวลาว่างทั้งคู่จะชอบเข้าวัดทำบุญ ชวนกันปล่อยนกปล่อยปลา ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ แม้กระทั่งผู้เขียนยังแอบทำตัวเหลวไหล ไปเที่ยวเฮฮาตามประสาวัยรุ่นกันบ้าง (อดไม่ได้เนอะ) ผู้เขียนยังคิดเสมอว่า เออ...เพื่อนเรากับแฟนเหมาะสมกันดี ถ้าแต่งงานกันไป สงสัยบรรลุทั้งคู่ เรียนจบฝ่ายชายรับราชการเป็นทหารอากาศ และฝ่ายหญิงเป็นพยาบาล ช่วงนี้ผู้เขียนเริ่มห่าง ๆ เพื่อนไปบ้างเพราะต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำนะคะ ผู้เขียนไม่ได้เจอเพื่อนหลายปี แต่ยังคงได้ข่าวคราวจากเพื่อนคนอื่นเสมอ วันหนึ่งผู้เขียนมีโอกาสเจอเพื่อน เราก็ดีใจสุด ๆ เข้าไปทักทายถามสารทุกข์กันตามประสาคนไม่เจอกันมานาน แสดงความยินดีกับเพื่อนเพราะได้ข่าวว่าจะแต่งงานต้นเดือน ธ.ค.ปี 48 ก็ตั้งใจทวงการ์ดเพื่อนด้วยแหละ แต่ผู้เขียนสังเกตว่าเพื่อนเราทำไมหน้าเศร้าจังเลย เอ..มีปัญหาที่บ้าน หรือมีปัญหาเรื่องงาน เพราะคนกำลังจะแต่งงานหน้าตาควรยิ้มแย้มแจ่มใส ดวงตาเป็นประกายใช่ไหมคะ พอถามเพื่อนก็เริ่มน้ำตาคลอ เราก็อึ้งสิคะ
หตุการณ์นี้เกิดประมาณต้นเดือน พ.ย.ปี 48 เรื่องมีอยู่ว่า....ทั้ง 2 คน คุยกันเรื่องแต่งงาน วางแผนอนาคตร่วมกันเรียบร้อยแล้ว และทุกอย่างก็พร้อมหมด ทั้งหน้าที่การงานมั่นคง มีพร้อมทั้งบ้านและรถ ต่างฝ่ายต่างดูใจกันมานาน พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็เห็นชอบ กำหนดวันเพื่อจัดพิธีแต่งงาน จองโรงแรม ตัดชุดเจ้าสาว-เจ้าบ่าว เริ่มพิมพ์การ์ด กำหนดการต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วค่ะ เพื่อนยังบอกว่าเนี่ยเดี๋ยวจะคัดชื่อเพื่อนสมัยเรียนแล้วหาที่อยู่จะได้แจกการ์ดให้ครบ เพื่อนเก่าจะได้มาจอยกันในงานแต่ง วันหนึ่งฝ่ายหญิงไปทำงานตามปกติ ขับรถจักรยานยนต์ไปเหมือนเคย เธอตั้งใจว่าจะแวะเอาการ์ดไปให้เพื่อน ๆ แถวโรงพยาบาลด้วย ก็เกิดอุบัติเหตุรถชนทำให้ฝ่ายหญิงเสียชีวิตทันทีค่ะ และรอบตัวก็มีแต่การ์ดแต่งงานตกเต็มไปหมด คือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากนะคะ พอเพื่อนเล่าให้ฟังแล้วผู้เขียนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้เขียนเองยังร้องไห้เลยค่ะ
นับจากวันที่ฝ่ายหญิงเสียจนถึงวันที่ผู้เขียนได้เจอเพื่อนเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น แต่ผู้เขียนไม่มีโอกาสไปเคารพศพและไม่มีโอกาสไปร่วมแสดงความเสียใจกับเพื่อน ผู้เขียนนึกโกรธตัวเองมาก และเสียใจที่ไม่ได้ติดตามข่าวเพื่อนเลย เนื่องจากตอนนั้นผู้เขียนเองก็มีปัญหาชีวิตที่แก้ไม่ตก ลางานหลายวัน แถมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ปิดการติดต่อสื่อสารทุกชนิด ทำให้เพื่อน ๆ ติดต่อไม่ได้ พอทราบข่าวจากปากเพื่อนเราก็ใจหายสิคะ แทนที่จะร่วมแสดงความยินดีที่เห็นเพื่อนสุข สมหวัง กลายเป็นว่าต้องนั่งร้องไห้ด้วยกันค่ะ
เพื่อนว่ายังทำใจไม่ได้ เลยเอาเถ้ากระดูกของแฟนใส่กรอบห้อยคอติดตัวไว้ตลอดเวลา แม้ว่าจะเข้าใจการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่ต้องเกิดกับทุกคนไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แต่มันเร็วเกินไป ยังไม่มีโอกาสได้สั่งเสียอะไรกันเลยค่ะ
เพื่อนบอกว่าถ้าสักวันเรื่องของเขาทั้งสองเป็นไปไม่ได้ จะต้องแยกทางจากกันจริง ขอเลือกจากเป็นมากกว่าจากตาย เพราะการจากกันตอนยังมีชีวิตอยู่นั้น อย่างน้อยก็ยังมีใครให้ระลึกถึงอยู่เสมอ
นี่คือเพลงที่เพื่อนบอกผู้เขียน ทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้จะคิดถึงคนรักและหลั่งน้ำตาทุกครั้งไป
" อยากต่อว่าฟ้าดินที่ให้เราพบกัน แต่ไม่ยอมจับเราคู่กัน
ฟ้าดินจงใจแกล้งเรา เธอว่าหรือเปล่า
ทำไมนะต้องห้ามรักกัน ความเหมาะสมนะหรือที่ยืนยาว
ทิ้งให้ใจมันค้านสุดท้ายต้องยอมจำนน
ก่อนถนนของเราแยกกัน ก่อนความฝันของเราสิ้นลง
แค่อยากพบกับเธอสักหน สบตาอีกครั้ง
แค่ให้ฉันได้บอกเธอสักคำ พูดในวันที่จำต้องจาก
อยากให้รู้ว่ารักเธอมาก และจะรัก รัก ตลอดไป
เกิดชาตินี้แค่ได้พบเธอ เกิดชาติหน้าค่อยฝันกันใหม่
วันนี้ใจสลาย ยอมจำนนให้ฟ้าดินแยกเราไกลกัน....
สะใจแล้วใช่ไหมฟ้าดิน ที่ได้เห็นว่าคนต้อยต่ำ
มันต้องเจ็บต้องช้ำต้องน้ำตาตก
โลกใบนี้มีคนมากมาย ทำไมต้องเป็นเราสองคน
ยอมจำนนให้แล้วหวังว่าคงพอใจ
คนรักกันใยฟ้าดินถึงไม่เข้าใจ..."
ขอแสดงความอาลัย...แด่เพื่อนผู้จากไปไกลแสนไกลนักแล้ว
"...รอบตัวก็มีแต่การ์ดแต่งงานตกเต็มไปหมด"
จิตที่จากไป คงเต็มไปด้วยความคิดถึงไม่น้อยครับ
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ (หมายเหตุ อุบัติเหตุป้องกันได้)
อ่านแล้วทอดถอนใจคนไกลฝัน.......
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
เพลงนี้มีความหมายมากเลยคับ
ฟังเล้วดูเศร้านะคับหลายๆคนทีเวลาที่อกหักฟังแล้วกินใจนัก
ขอบคุณนะคับที่ได้ฟังเพลงนี้อิกครั้งนึงทำให้นึกถึงแฟนเก่าที่พึ้งจากกันไป
คนที่มีแฟนขอใรกษาความรักใว้ให้ดีนะคับ
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคับ เกิดแล้วจากไปเป็นธรรมชาติของคน