เทคนิคการบำบัดน้ำเสียแบบต่างๆ
การกำจัดน้ำเสียโดยวิธีชีวเคมี
การกำจัดน้ำเสียโดยวิธีชีวะ หรือโดยใช้จุลินทรีย์
เป็นวิธีที่ใช้กำจัดสารอินทรีย์ในน้ำเสียโดยเฉพาะสารอินทรีย์
ซึ่งเป็นความสกปรก
จะถูกใช้เป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่เพาะเลี้ยงไว้ในถังเลี้ยงเชื้อ
ทำให้น้ำเสียมีความสกปรกลดลง จุลินทรีย์อาจเป็นแบบใช้ออกซิเจน
หรือไม่ใช้ออกซิเจนก็ได้
ระบบกำจัดน้ำเสียที่อาศัยหลักชีวะ มีหลายชนิด เช่น
- ระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจ์ (Activated Sludge)
- ระบบทริคคลิงฟิลเตอร์ (Trickling Filter)
- ระบบจานชีวะ (Bio Disc หรือ RBC)
- ระบบบ่อกำจัดน้ำเสีย
- ระบบถังกรองไร้ออกซิเจน (Anaerobic Filter)
ระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจ์ (AS)
ระบบน้ำใช้กันมากในประเทศไทย อาจกล่าวได้ว่าประมาณ 80%
หรือมากกว่าของระบบแบบชีวะเป็นระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจ์ ส่วนประกอบหลัก 2
อย่างที่เห็นได้ง่ายคือ ถังเติมอากาศที่ใช้เลี้ยงจุลินทรีย์
และถังตกตะกอนซึ่งแยกจุลินทรีย์ออกจากน้ำก่อนระบายทิ้ง
ถังเติมอากาศอาจเป็นถังสี่เหลี่ยมทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก สูงประมาณ
3-4 เมตร
ถังเติมอากาศจะมีการเติมอากาศหรือออกซิเจนให้กับน้ำด้วยอุปกรณ์กวนน้ำแบบใดแบบหนึ่ง
ระบบคูวนเวียนที่นิยมใช้กันโรงพยาบาลต่างๆ ของรัฐบาล
หรือที่ใช้กับโรงงานเก่าบางแห่ง จัดเป็นระบบ AS แบบหนึ่ง
สิ่งที่แตกต่าง
คือลักษณะรูปร่างของถังเติมอากาศและเครื่องเติมออกซิเจน
ระบบคูวนเวียนมีถังเติมอากาศทำด้วย คสล. เป็นรูปคลองวนเวียน
รูปวงรีที่มีระดับน้ำสูงเพียง 1.2-1.5 เมตร
เครื่องเติมอากาศใช้อุปกรณ์คล้ายกังหันวิดน้ำ (หมุนในแนวนอน)
จุ่มน้ำเพียง 10-20 ซม. เท่านั้น เครื่องเติมอากาศนิยมใช้ Cage Rotor
รูปร่างของถังช่วยทำให้น้ำหมุนวนเวียนตลอดเวลา
ความเร็วของน้ำทำให้ตะกอนจุลินทรีย์ลอยตัวอยู่ได้
ระบบคูวนเวียนเป็นระบบที่นิยมกันมากเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
และเหมาะสมสำหรับโรงงานขนาดเล็กที่มีน้ำเสียน้อยมาก
เนื่องจากเป็นถังที่ไม่ลึกมาก จึงอาจก่อสร้างด้วยอิฐแทน คสล. ได้
ประกอบกับเครื่องโรเตอร์ที่ใช้เติมอากาศ
สามารถสร้างได้เองโดยช่างท้องถิ่น ราคาค่าก่อสร้างจึงต่ำกว่าระบบ AS
แบบธรรมดา รูปแบบอีกอย่างหนึ่งของระบบ AS คือระบบบ่อเติมอากาศ
ซึ่งมักก่อสร้างเป็นบ่อดินดาดคอนกรีต ที่มีเวลากักน้ำประมาณ 3-5 วัน
ใช้เป็นบ่อเลี้ยงเชื้อ อุปกรณ์เติมอากาศเหมือนกับระบบของ AS ธรรมดา
ข้อแตกต่างคือ
ระบบบ่อเติมอากาศจะไม่มีการหมุนเวียนสลัดจ์มายังบ่อเลี้ยงเชื้อ
น้ำที่ออกจากบ่อเติมอากาศ จึงมีตะกอนแขวนลอยสูง
ระบบถังกรองไร้ออกซิเจน
ในกรณีที่น้ำเสียมีความเข้มข้นของสารอินทรีย์สูง (บีโอดีสูง)
มักนิยมใช้บ่อหมัก หรือถังกรองไร้ออกซิเจน เพื่อลดบีโอดีก่อน
จากนั้นจึงใช้ระบบอื่นๆ ที่กล่าวไปแล้วในการกำจัดบีโอดีก่อน จากนั้น
จึงใช้ระบบอื่นๆ ที่กล่าวไปแล้วในการกำจัดบีโอดีที่เหลือ
ระบบถังกรองไร้ออกซิเจนเป็นถัง คอนกรีตเสริมเหล็ก. สูงประมาณ 3-4 เมตร
บรรจุหินขนาด 2-4 นิ้ว ไว้เกือบเต็ม ระบบน้ำไม่ใช่ถังกรองน้ำเสีย
แต่จะเลี้ยงเชื้อแบคทีเรีย
แบบไร้ออกซิเจนให้เกาะอยู่บนก้อนหินหรือในช่องว่างของหิน
แบคทีเรียชนิดนี้กำจัดบีโอดีได้โดยไม่ต้องเติมออกซิเจนในปัจจุบัน
อาจใช้ตัวกลางพลาสติกรูปร่างต่างๆ แทนก้อนหินก็ได้
ตัวกลางพลาสติกราคาแพง (ประมาณ 5,000-10,000 บาท/ลบ.ม.)
แต่มีน้ำหนักเบา
จึงช่วยประหยัดค่าโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กได้มาก
ระบบจานชีวะ (RBC)
ระบบจานชีวะหรือ RBC เป็นระบบชีวะแบบที่เรียกว่า Fixed Film กล่าวคือ
เลี้ยงแบคทีเรียให้เกาะติดอยู่บนแผ่นจานซึ่งหมุนช้าๆ
แผ่นจานจำนวนมากจุ่มอยู่ในน้ำประมาณ 40 % ของพื้นที่แผ่น
การหมุนช่วยใช้ฟิล์มจุลินทรีย์เคลื่อนที่ไปมาระหว่างน้ำและอากาศตลอดเวลาเมื่อแผ่นจานอยู่ในน้ำ
จุลินทรีย์ก็มีโอกาสทำลายบีโอดีในน้ำและเมื่อแผ่นจานโผล่พ้นน้ำจุลินทรีย์จะได้รับออกซิเจนจากอากาศหมุนเวียนเป็นวัฏจักร
เช่นนี้ บีโอดีในน้ำเสียจึงลดลงเรื่อยๆ
ระบบบ่อกำจัดน้ำเสีย
ระบบบ่อกำจัดน้ำเสียได้รับความนิยมในประเทศไทยรองจากระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจ์
ระบบบ่อขจัดน้ำเสีย ต้องการเนื้อที่มากจึงนิยมใช้ในต่างจังหวัด
ส่วนระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจ์เป็นระบบที่ใช้ในเมืองหรือบริเวณซึ่งที่ดินมีราคาแพง
บ่อกำจัดน้ำเสียมักเป็นบ่อดินขนาดใหญ่
ซึ่งสามารถขังน้ำเสียได้นานหลายๆ วัน
การกำจัดน้ำเสียเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติโดยอาศัยแบคทีเรียและสาหร่ายสีเขียวเป็นส่วนสำคัญ
ระบบกำจัดสลัดจ์หรือตะกอนจุลินทรีย์
ระบบกำจัดน้ำเสียทุกชนิดที่อาศัยหลักชีวะ
จะมีสลัดจ์หรือตะกอนจุลินทรีย์เป็นปัญหาที่ต้องกำจัดตามมาเสมอ ดังนั้น
ระบบชีวะที่ใช้กำจัดน้ำเสียจำเป็นต้องมีระบบกำจัดสลัดจ์หรือตะกอนจุลินทรีย์ซึ่งเป็นผลจากการเจริญเติบโตของเซลล์ในระหว่างการกำจัดน้ำเสีย
การกำจัดสลัดจ์หรือตะกอนจุลินทรีย์มักนิยมใช้ถังหมัก
ซึ่งอาจเป็นแบบใช้ออกซิเจน (Aerobic Digestion) หรือแบบไม่ใช้ออกซิเจน
(Anaerobic Digestion)
ถังหมักไม่ว่าจะเป็นชนิดใดมีหน้าที่ทำลายหรือลดปริมาณสารอินทรีย์ในสลัดจ์
เพื่อให้สามารถนำไปทิ้งได้โดยไม่เน่าเหม็นในภายหลัง
สลัดจ์ที่ย่อยแล้วอาจน้ำไปใช้ถมที่หรือทำเป็นปุ๋ยสำหรับต้นไม้
แต่เนื่องจากยังมีน้ำปนอยู่มากจึงควรบีบน้ำออกจากสลัดจ์ก่อนด้วยวิธีต่างๆ
เช่น ตากบนลานทราย, กรอง, เหวี่ยงน้ำออกด้วยเครื่อง
เป็นต้น
ไม่มีความเห็น