หยุดเพื่อรู้


หยุดเพื่อรู้

วันนี้ขอนำธรรมมะจากหลวงปู่ดูลย์ อตุโล มาฝากเพื่อนๆครับ

เมื่อเดือนมีนาคม 2507 มีพระสงฆ์หลายรูป ทั้งฝ่ายปริยัติ และ ปฏิบัติ ได้เข้ากราบหลวงปู่เพื่อรับโอวาท และ รับฟังการแนะแนวทางธรรมะที่จะพากันออกเผยแผ่ธรรมทูตครั้งแรก หลวงปู่แนะวิธีอธิบายธรรมขั้นปรมัตถ์ ทั้งเพื่อสอนผู้อื่นและเพื่อปฏิบัติตนเองให้เข้าถึงสัจจธรรมนั้นด้วย ลงท้ายหลวงปู่ได้กล่าวปรัชญาธรรมไว้ให้คิดด้วยว่า...

 

คิดเท่าไรๆก็ไม่รู้

ต่อเมื่อหยุดคิดได้จึงรู้

แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละจึงรู้

ที่มา-จากหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้

หมายเลขบันทึก: 250752เขียนเมื่อ 25 มีนาคม 2009 14:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • ภาคภูมิใจมากมาย (นับไม่ถ้วน) ค่ะที่พบกัลยาณมิตรที่ร่วมเผยแพร่ธรรมในสังคม G2K
  • ศิลาเคยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเห็น "การทำอย่างไรที่จะให้ธรรมะเป็นธรรมชาติ"  ไม่มองกันว่าเป็นเรื่องไกลตัว รอให้ชราจึงหันเข้าหาวัด
  • ณ วันนี้ ก็ได้พิสูจน์แล้ว ว่ามีพุทธศาสนิกชนหลายท่านเหลือเกินที่ไม่ยึดติดรูปแบบ ...โดยได้น้อมธรรมมาใส่ตนกันจริง ๆ
  • ธรรมะสวัสดีค่ะ

 

อ่านแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจคร้า

แต่ก็ชอบอ่านข้อความธรรมค่ะอ่านแล้วได้อะรัยหลายอย่าง

(หนังสือเรียนไม่ค่อยได้อ่าน)

ดีใจที่ได้พบกับผู้ที่ศรัทธาในพุทธศาสนาและศรัทธาในปฏิปทาของหลวงปู่ดูลย์อีกท่านหนึ่งครับ

ขอบคุณเช่นกันครับที่มีกัลยาณมิตรอย่างคุณ Sila คุณ Fighting nam คุณอังกุศ

ผมเริ่มเรียนธรรมะกับหลวงพ่อปราโมทย์ มาสัก 2 เดือนแล้วครับ หลวงพ่อปราโมทย์เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ ผมก็เลยได้รู้จักหลวงปู่ด้วยครับ

ช่วงนี้ผมรอเริ่มทำงานก็เลยมีเวลาไปเรียนธรรมมะกับหลวงพ่อทุกอาทิตย์ครับ ที่สวนสันติธรรมศรีราชา ถ้ามีเวลาก็ลองไปเยี่ยมที่ www.fungdham.com หรือ www.wimutti.net นะครับ

สำหรับคุณ Fighting nam ขอขยายความตามความเข้าใจของผมที่มีอันน้อยนิดนะครับ

คิดเท่าไรๆก็ไม่รู้

>> ปกติเราเคยชินกับการใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา หรือมีโมหะ (หลงอยู่เกือบตลอดเวลา) ซึ่งเป็นธรรมชาติของจิตที่ต้องคิด แต่ปัญญาทางธรรมจะไม่เกิดจากการคิด หรือ บังคับจิต

ต่อเมื่อหยุดคิดได้จึงรู้

>> แต่การที่จะรู้จักสภาวะธรรมเราต้องรู้ทันความคิด เช่น เมื่อเราโกรธ เราก็คอยตามรู้ตามดูด้วงใจที่เป็นกลาง ช่วงนั้นสติตัวจริงจะเกิด แล้วก็จะค่อยๆเห็นความโกรธดับไป เราก็จะค่อยๆเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ ความโกรธไม่เที่ยง ความโกรธเป็นทุกข์ ความโกรธบังคับไม่ได้ ถ้ามีเหตุก็จะเกิด

แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละจึงรู้

>> ก่อนที่เราจะตามรู้ตามดูอาการของจิตที่หนีไปคิด โลภ โกรธ หลง สุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ มีราคะ..ก็ต้องอาศัยธรรมชาติของจิตที่ชอบคิด แล้วถึงคอยตามรู้ ตามดู ไม่ต้องบังคับ กดข่ม พอจิตจำสภาวะธรรมได้บ่อยๆสติก็จะเกิดเองโดยอัตโนมัติ แล้วไตรลักษณ์จะแสดงให้ดู ปัญญาทางธรรมก็จะเกิดตามมา

สวัสดีค่ะแถบอีสานมีวัดที่ให้โอกาสเราไปศึกษาธรรมมะ ภูคำเป้ ภูย่าอู่ ภูฝาง ผาสามยอด ถ้ามีเวลาว่าง ลองมาศึกษายินดีนะคะ

ขอบคุณนะค่ะสำหรับข้อความเพิ่มเติม

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆๆที่นำมาเล่าสู่กันฟังคร้า

  • แวะมาเยี่ยมตามคำแนะนำครับ
  • ขอบคุณในความรู้ครับ ^^
  • ขอให้เจริญในธรรมครับ

มาทักทายและฟังธรรมดี ๆ ครับ :)

แวะมาน้อมรับธรรมะดีดีค่ะ..ขอบคุณนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท