สำหรับความประทับใจของผู้เขียน คือ ผู้เขียนหรือแต่ละคนจะต้องเล่าว่า งานที่เราทำอยู่นั้น มันเป็น Humanized care อย่างไร (แต่ก็มีบางคนไม่ได้เล่าเรื่องหรือประสบการณ์ แต่เป็นการให้ความคิดเห็น)
โดยผู้เขียนเป็น “คนว่านอนสอนง่าย” ก่อนจะเล่า ก็จะต้องตอบโจทย์ที่เป็นคำตอบในเชิงความคิดเห็นไปก่อน แล้วต่อด้วยเรื่องเล่าหรือประสบการณ์ที่มีหรือที่เกี่ยวข้องกับความคิดเห็นนั้นๆ ของเราให้กลุ่มฟัง และผู้เขียน ได้ออกตัวกับทุกกลุ่มที่ได้เข้าไปนั่งว่า งานของผู้เขียนอาจจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับ Humanized care ในแวดวงสาธารณสุขมากนัก เพราะไม่ได้อยู่วงการสาธารณสุข แต่ทุกคนก็จะบอกว่า “ไม่เป็นไร เล่ามาเถอะ”
ผู้เขียนจึงเล่าเรื่องงานให้ในกลุ่มฟังจากประสบการณ์ที่เรามี แล้วมี อาจารย์ท่านหนึ่ง ชื่อ กำธร (จำนามสกุลไม่ได้) มาจากจังหวัดเชียงใหม่ ฟังเรื่องที่ผู้เขียนเล่าเกี่ยวกับงานที่ตัวเองและหน่วยงาน คือ สคส. ได้ทำ ท่านก็บอกกับผู้เขียนว่า “นั่นแหละ คือ Humanized care ตรงๆ เลยล่ะ เพราะเป็นการทำงานกับ ‘มนุษย์’ จริงๆ เป็นการทำให้คนทำงานได้รู้สึกว่า ตนเองมีคุณค่า มีสิ่งที่ดีภายในตัว และมองว่า ทุกๆ คนมีสิ่งดีๆ หรือมีคุณค่าเช่นเดียวกัน...โดยไม่ได้มองเพียงแค่มิติของเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรสาธารณสุขที่มี Humanized care กับคนไข้เท่านั้น แต่ต้องดูแลใส่ใจ ให้ความสำคัญไปถึงมิติทางด้านจิตใจและความรู้สึกของเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรสาธารณสุขด้วย ....”
เมื่อได้ฟังอาจารย์กำธร แล้ว ทำให้ผู้เขียนมั่นใจขึ้นมาก เพราะก่อนเข้ามาที่ห้องนี้ ผู้เขียนรู้สึกว่า ตัวเองจะมีอะไรไปแลกเปลี่ยนกับคนอื่นหรือเปล่า เพราะไม่ได้อยู่ในแวดวงสาธารณสุขเลย ประสบการณ์ของตัวเองอาจจะไม่เป็นที่น่าสนใจ หรือคนอื่นจะรู้สึกเสียเวลาไปกับเราไหม....
แต่ตอนนี้ ผู้เขียนรู้แล้วว่า KM เป็นส่วนหนึ่งที่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน และเป็นการเพิ่ม Value ให้กับงาน Humanized care หรือ Humanized Healthcare ได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง ยังไม่ได้เป็นส่วนเกินของ Humanized care หรือ Humanized Healthcare อีกด้วย
ตรงตาม Theme ของงาน HA (Lean & Seamless Healthcare) ในครั้งนี้จริงๆ คะ
หญิง สคส.
ไม่มีความเห็น