ในชีวิตของเรานี้ที่สามารถเดินเข้ามาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะ “ความผิดพลาด...”
ความล้มเหลว ความชั่ว ความเลว ความร้ายกาจที่ติดอยู่ในกมลสันดานทำให้เราต้องคิด ต้องคิดกำลังเพื่อผันผ่านการกระทำอันเลวร้ายที่ก่อขึ้นด้วย “ตัวของตัวเอง”
แต่ทว่า... ความเลว ความล้มเหลวหรือความร้ายใด ๆ ที่เรากระทำผ่านมานั้นเปรียบเสมือนดั่ง “ขี้วัว” ที่ด้านหนึ่งนั้นน่ารังเกียจ เหม็น และสกปรก
แต่เหรียญอีกด้านของขี้วัวนั้นช่างเป้นปุ๋ยที่ทรงคุณค่ายิ่งเสียนี่กระไร
ปุ๋ยที่ถ้ากองไว้บนถนนก็รังแต่จะเหม็นและน่ารังเกียจ
แต่ปุ๋ยนั้น เราได้น้อมนำมาไว้ใต้ต้นไม้แห่งชีวิต
นำขี้วัวกองที่น่ารังเกียจที่อุดมอยู่ในกมลสันดานของเรานั้น นำมาขบ มาคิด ประยุกต์ใช้ในชีวิตให้เป็น “ประสบการณ์...”
ความล้มเหลวที่น่ากลัวย่อมกลายเป็นพลังที่น่ารัก
เป็นประสบการณ์ที่ก่อสร้างขึ้นโดยจริตและสามารถแก้ไข สามารถพัฒนาได้ด้วยจริตของเราเอง
ถึงแม้นว่าวันนี้ขี้วัวของเราจะเหลืออีกมาก
แต่เราก็จะค่อย ๆ พยายามนำขี้วัวทั้งหลายไปกองไว้ให้ทุกที่และถูกทาง
ใช้ความเลวร้ายทั้งหลายที่ผ่านมาในชีวิต สอนตัวเอง “บ่มอินทรีย์” ให้แก่กล้า
แล้ววันหนึ่ง วันที่ขี้วัวย่อยสลายด้วย “ศีล” ที่เปรียบเสมือนดั่งพื้นดิน
แล้ววันหนึ่ง วันที่ขี้วัวย่อยสลายด้วย “สมาธิ” ที่เปรียบเสมือนจุลินทรีย์และหมู่เพื่อนหนอนทั้งหลาย
แล้ววันหนึ่ง วันที่ขี้วัวย่อยสลายด้วย “ปัญญา” ที่เปรียบได้ดั่งน้ำที่ต้นพืชต้นนี้ใช้ดูดซึมเพื่อเลี้ยงลำต้นและใบ
แล้ววันหนึ่ง วันที่ขี้วัวย่อยสลาย ด้วย “กัลยาณมิตร” ที่เป็นผู้ให้โอกาสกับผิดพลาดทั้งหลายของเรานั้น
แล้ววันหนึ่งวันนั้น ดอกและผลจากปุ๋ยขี้วัวที่ย่อยสลายอยู่ภายใต้โคนต้น
จะผิดอก ออกผล เพื่อสรรค์สร้างประโยชน์กับผองชนและตนเอง...
อ่านแล้วนึกถึงคำสอนเพื่อนอาวุโสท่านหนึ่ง
ท่านกล่าวว่า
"สิ่งใดที่เกิดขึ้นไปแล้ว ผ่านไปแล้ว ย่อมดีเสมอ"
ยังก้องอยู่ในสำนึกนี้เลย