|
โครงการประสานพลังปัญญาเพื่อการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ชุมชนเทศบาลตำบลบัวบาน
อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์
1. ชื่อโครงการ "วัฒนธรรมท้องถิ่นเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนด้วยภูมิปัญญาเทศบาลตำบลบัวบาน"
2. บริบทและความเป็นมา
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมปลูกข้าว พืชไร่ พืชสวน เลี้ยงประชากรโลกมาเป็นเวลาช้านาน ในครั้งอดีตบรรพบุรุษทำการเกษตรได้ผลดีโดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีเป็นจำนวนมากเหมือนในปัจจุบัน ทั้งนี้เป็นเพราะพื้นดินยังมีความอุดมสมบูรณ์สภาพความสมบูรณ์ตามธรรมชาติมีอยู่โดยทั่วไปและพื้นที่ป่าไม้มีมากมายฝนฟ้าตกตามฤดูกาลจึงเกิดการพึ่งพากันของสิ่งมีชีวิต ทั้งมนุษย์ในฐานะที่เป็นผู้บริโภคอันดับแรก สัตว์ป่าและพืชพันธ์อื่นๆ ในฐานะเป็นผู้ผลิต ความอุดมสมบูรณ์นี้เป็นที่กล่าวขานในนานาประเทศจึงเรียกได้ว่าประเทศไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลกเพราะในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่ในปัจจุบันความอุดมสมบูรณ์ที่เคยพบในอดีตแทบจะไม่มีหลงเหลืออีกต่อไปเป็นเพราะว่าการเกษตรในปัจจุบันได้ทำลายความสมดุลตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งสร้างความเสียหายให้กับต้นกำเนิดของแม่น้ำลำธารทำให้ฝนฟ้าไม่ตาตามฤดูกาลรวมถึงการเผาป่าเศษพืช ตอซังข้าวหลังการเก็บเกี่ยวก็ยังเป็นการทำลายธาตุอาหารที่ต้นพืชดูดซับมาจากพื้นดินเพราะโดยปกติดินจะสูญแร่ธาตุให้กับพืชในรูปของผลผลิตอยู่แล้วแต่มนุษย์และสัตว์ก็ยังเป็นผู้บริโภคอีกทอดหนึ่ง นอกจากนี้การเผาป่า เผาวัชพืชยังเป็นการทำลายจุลินทรีย์ขนาดเล็กชนิดต่าง ๆ ในดินอีกทางหนึ่งซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้เป็นตัวช่วยย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์ให้กลายเป็นปุ๋ยคืนสู่ดิน สร้างความสมดุลส่งผลให้เกิดการปลดปล่อยธาตุอาหารพืชสามารถดูดซับเอาไปใช้ต่อไปการทำการเกษตรที่ใช้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียว โดยไม่มีการบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ทำให้เกิดผลเสียหายต่อการทำการเกษตรในระยะยาวเพราะปุ๋ยเคมีเป็นสารอนินทรีย์และมีส่วนผสมของเกลือเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ดินเป็นกรดพืชจะเจริญเติบโตไม่ดีเพราะในสภาพที่เป็นกรดจะเกิดการตรึงธาตุอาหารรากพืชไม่สามารถดูดขึ้นมาใช้ได้
ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพคือปุ๋ยที่ได้จากการหมักย่อยของจุลินทรีย์ทั้งหลาย แล้วนำมาผ่านขบวนการปั้นเม็ดเพื่อให้สะดวกต่อการนำไปใช้ ประโยชน์ของปุ๋ยชนิดนี้จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน ส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ สร้างความสมดุลทางธรรมชาติทำให้เกิดการปลดปล่อยธาตุอาหารให้กับต้นพืช แต่อย่างไรก็ตามคุณสมบัติเบื้องต้นของปุ๋ยชนิดนี้เป็นตัวช่วยให้โครงสร้างดินให้ดีอยู่แล้วเมื่อใช้ควบคู่กับปุ๋ยเคมีจะทำให้ดินไม่เกิดพิษตกค้างและผลผลิตจะเพิ่มขึ้น
ตำบลบัวบานได้รับการยกฐานะจัดตั้งเป็นเทศบาลตำบลบัวบานเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2551 โดยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 23 หมู่บ้าน มีพื้นที่โดยประมาณ 82 ตารางกิโลเมตร มีประชากรจำนวน 13,264 คน จำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 3,467 ครัวเรือน ประชาการส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ โดยสังเกตได้จากจำนวนวัดในพื้นที่มีมากถึง 19 วัด
|
สภาพโดยทั่วไปของตำบลบัวบานนับว่าเป็นพื้นที่ที่ยังคงสภาพความเป็นชนบทค่อนข้างสูง ประชาชนยังดำเนินชีวิตแบบสังคมชนบท การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การดำเนินชีวิตยังยึดถือวัฒนธรรมประเพณีดังเดิมค่อนข้างจะเคร่งครัด การเคารพ และขัดเกลาจิตใจยังคงให้ความสำคัญในสถาบันครอบครัว และสถาบันทางศาสนาค่อนข้างสูง ดังนั้น ทั้งสองสถาบันนี้จึงยังคงมีส่วนเกื้อหนุนซึ่งกันและกันตลอดมา
ตำบลบัวบานตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของเขื่อนลำปาว พื้นที่เกือบทั้งหมดได้รับน้ำจากโครงการชลประทานลำปาวตลอดปี การประกอบอาชีพของประชาชนในพื้นที่ส่วนมากจึงมุ่งเน้นหนักไปทางด้านเกษตรกรรม อาชีพหลักที่ทำ ก็คือ การทำนาปลูกข้าว ซึ่งจะทำกันปีละ 2 ครั้ง และอาชีพที่สร้างรายได้ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง การปลูกผักกะเฉดน้ำ และไม้ผลทั่วไป และผลิตผลทางการเกษตรหลายชนิดของตำบลบัวบาน เป็นที่ต้องการบริโภคของชุมชนใกล้เคียง จึงทำให้เกษตรกรบางส่วนเร่งผลิตพืชผลเหล่านี้ออกมาให้ทันกับความต้องการของตลาด จนเป็นที่น่าหวั่นเกรงว่าอาจจะมีการนำปุ๋ยเคมี และสารเคมีอื่นเข้ามาเป็นตัวเร่งในการผลิตมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตในอนาคตได้
เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่ยั่งยืน เทศบาลตำบล บัวบานจึงได้ร่วมกับสถาบันทางศาสนาใช้พื้นที่ในการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต และการดำเนินกิจกรรมทางด้านการเกษตรที่ถูกต้องให้กับเกษตรกรโดยการเพิ่มกระบวนการกล่อมเกลาจิตใจ และการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรที่ต้องผ่านกระบวนการทางวัฒนธรรมวิถีชีวิตท้องถิ่น ซึ่งศูนย์รวมของประชาชนส่วนมากจะรวมกันที่วัดเป็นส่วนมาก การดำเนินกิจกรรมทางวัฒนธรรมและความเชื่อ ดังนั้น การสร้างกระบวนการกล่อมเกลาจิตใจ และพฤติกรรมการดำเนินชีวิตผ่านสถาบันทางศาสนา จึงเป็นช่องทางที่สามารถสร้างและซึมซับได้อย่างลึกซึ้งและยาวนาน อีกทั้งยังเป็นการรักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของชุมชนได้เป็นอย่างดี
เรื่องราวประวัติศาสตร์การดำรงชีวิตสืบทอดเป็นประเพณีปฏิบัติกันมาหลายชั่วอายุคนจนถึงรุ่นลูกหลานโดยอาศัยการบันทึกเป็นตำรา เป็นภาพวาด แม้ในรูปของการเล่าเป็นนิทานการร้องสรภัญญะ จะสะท้อนให้คนสมัยใหม่มองย้อนเห็นวิถีชีวิตของคนในสมัยอดีตได้และยังสามารถนำมาเป็นแรงยึดเหนี่ยวในการประกอบอาชีพอีกทางหนึ่ง เช่นเดียวกับสรภัญญะเรื่องปุ๋ยชีวภาพของโครงการวัฒนธรรมท้องถิ่นเสริมเศรษฐกิจชุมชนด้วยภูมิปัญญาจะเป็นเสมือนแรงทิพย์บันดาลใจให้เกษตรกรตำบลบัวบานประกอบอาชีพเกษตรด้วยความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อจนเกิดความสุขในการดำรงชีพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและวิสัยทัศน์ตำบลบัวบานที่ว่า "น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีรายได้ ทำให้เมืองน่าอยู่"
โครงการวัฒนธรรมท้องถิ่นเสริมเศรษฐกิจชุมชนด้วยภูมิปัญญาจะเป็นแหล่งเรียนรู้แลกเปลี่ยนของชุมชนในเขตบัวบาน โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานใน 2 ปีแรก 2 ชุมชน คือ บ้านโคกใหญ่ หมู่ที่ 1 และบ้านโคกคำ หมู่ที่ 18 ชุมชนผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ วิธีการผลิต และการใช้ที่ถูกต้อง เป็นการเพิ่มความมั่นใจและยอมรับปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ใช้ คือ ลดต้นทุนการซื้อปุ๋ยเคมี ไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากภายนอก และเป็นการสนองตอบแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย โครงการนี้จะดำเนินการต่อเนื่องในรูปแบบกองทุนปุ๋ยอินทรีย์ชุมชน โดยแปลงปลูกพืชของสมาชิกทุกคนจะเป็นแปลงสาธิตให้ชุมชนอื่นได้เรียนรู้
3. วัตถุประสงค์ของโครงการ
3.1 เพื่อส่งเสริมและใช้วัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาสุขภาวะคุณภาพชีวิต และความจำเป็นในการประกอบอาชีพ
3.2 เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้มีการใช้ปุ๋ยชีวภาพเพื่อการผลิตทางการเกษตร
4. เป้าหมายและตัวชี้วัดความสำเร็จ
4.1 ด้านปริมาณ
4.1.1 การขับร้องสรภัญญะ
1. มีผู้นำชุมชน/ผู้อำนวยการโรงเรียนเข้าร่วมโครงการร้องสรภัญญะ จำนวน...8...คน
2. มีการแข่งขันสรภัญญะด้านต่าง ๆ ดังนี้
-
ด้านศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน....1....เพลง
-
ด้านประวัติศาสตร์และวิถีชีวิต จำนวน...1....เพลง
-
ด้านการประกอบอาชีพและพึ่งตนเอง จำนวน....1.....เพลง
-
ด้านการใช้ปุ๋ยชีวภาพ จำนวน....1....เพลง
3. เกิดเครือข่ายขับร้องสรภัญญะขึ้น จำนวน....23....เครือข่าย
4.1.2 การใช้ปุ๋ยชีวภาพ
1. มีผู้เข้ารับการอบรม 3 รุ่น ๆ ละ 90 คน รวมจำนวน 270 คน
2. เกิดการรวมตัวของประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อปรึกษาหารือและจัดทำปุ๋ยชีวภาพอย่างน้อยตำบลละ 1 กลุ่ม
3. เพิ่มพื้นที่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ได้ไม่น้อยกว่า 376 ไร่
4.2 ด้านคุณภาพ
4.2.1 การขับร้องสรภัญญะ
1. นักเรียน/เยาวชน ที่ชนะการแข่งขันสวดสรภัญญะมีมากขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของปีที่ผ่านมา
2. นักเรียน เยาวชน และประชาชน ตระหนักถึงความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรม วิถีชีวิต และการประกอบอาชีพ และชอบใช้ปุ๋ยชีวภาพมากขึ้น
4.2.2 การใช้ปุ๋ยชีวภาพ
1. เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายมีทัศนคติที่ดีต่อการใช้ปุ๋ยชีวภาพมากขึ้น
2. มีการปรับโครงสร้างดินให้มีความสมดุล ตามธรรมชาติมากขึ้น
3. เกษตรมีแรงบัลดาลใจเกิดความมุ่งมั่นในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม และสามารถพึ่งตนเองได้มากขึ้น
จุดประสงค์ของกิจกรรม
|
ขั้นตอน/กิจกรรม
|
พื้นที่ดำเนินการ/ผู้รับผิดชอบ
|
ช่วงเวลา/ระยะเวลา ของแต่ละขั้นตอน
|
งบประมาณ
|
1. เพื่อเตรียมการโครงการวัฒนธรรมท้องถิ่นฯ
|
1.1 ปรึกษาหารือแกนนำและผู้รับผิดชอบเพื่อกำหนดกรรมการและแผนการทำงาน
1.2 เสนอโครงการเพื่อเป็นความคิดเห็นต่อประชาชนพื้นที่เป้าหมาย
1.3 จัดทำแผนการดำเนินงานและมอบหมายผู้รับผิดชอบ
|
สำนักงานเทศบาล
จนท.เทศบาล/ผู้นำชุมชน
สำนักงานเทศบาล /กรรมการ
สำนักงานเทศบาล/คณะกรรมการ
|
12 ม.ค. 2552
2 ชั่วโมง
15 ม.ค. 2552
3 ชั่วโมง
16 ม.ค. 2552
2 ชั่วโมง
|
100
1,000
500
|
2. เพื่อใช้บททำนองสรภัญญะเป็นสิ่งส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณี คุณธรรม และการประกอบอาชีพ
|
2.1 แกนนำปรึกษาหารือวางแผนดำเนินงานตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย
2.2 แลกเปลี่ยนเรียนรู้กลุ่มเป้าหมาย และผู้ที่สนใจจัดทำแผน กิจกรรมต่าง ๆ และเพลง และฝึกซ้อมขับร้องเพลงในระหว่างโรงเรียน ตำบล หรือเครือข่ายด้วยกระบวนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสรุปผลเป็นแนวทางการดำเนินงานในรอบ 1 ปี
2.3 จัดเวทีแข่งขันและขับร้องสรภัญญะด้ายต่างๆ มีการจัดรางวัลและกิจกรรมให้กำลังใจและความสำเร็จ
2.4 หลังจัดกิจกรรมแข่งขันและขับร้องแต่ละครั้ง ผู้รับผิดชอบจัดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความสำเร็จและถอดบทเรียนทันทีเพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการจัดครั้งต่อไป
2.5 จัดทำเอกสารสรุปบทเรียนความสำเร็จและเอกสารบทเพลงและผลงานเพื่อเผยแพร่และส่งเสริมกิจกรรมนี้ต่อไป
|
สำนักงานเทศบาล / คณะกรรมการ
โรงเรียน / วัด / บ้าน /
คณะกรรมการ
สนง. เทศบาล / คณะกรรมการ / ผู้นำชุมชน/
ผู้อำนวยการโรงเรียน
สนง. เทศบาล / คณะกรรมการ / ผู้นำชุมชน/
ผู้อำนวยการโรงเรียน
สนง. เทศบาล / คณะกรรมการ / ผู้นำชุมชน/
ผู้อำนวยการโรงเรียน
|
16 ม.ค. 2552
1 ชั่วโมง
1 ก.พ. - 27 มี.ค. 2552
28 มี.ค. 2552
6 ชั่วโมง
28 - 31 มี.ค. 2552
5 - 6 เม.ย. 2552
|
100
7,000
25,000
1,000
5,000
|
3. เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้มีการใช้ปุ๋ยชีวภาพในการผลิตการเกษตร
|
3.1 คณะแกนนำปรับแผนการอบรมจาก 5 ครั้ง เหลือ 3 ครั้ง ตามเป้าหมายเชิงปริมาณ
3.2 คณะแกนนำจัดเตรียมการฝึกอบรมหลักสูตร วิทยากรและผู้ที่มีประสบการณ์ทางด้านการใช้ปุ๋ยชีวภาพเพื่อร่วมเป็นวิทยากรอบรมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้
3.3 จัดอบรมตามแผนทีละรุ่น โดยเน้นกระบวนการจัดการความรู้ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หลักเสร็จการอบรมแต่ละรุ่นมีการทบทวนความสำเร็จและแนวทางปรับปรุงโดยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรทุกครั้ง
3.4 หลักอบรมและผู้เข้ารับการอบรมทำปุ๋ยชีวภาพไปใช้แล้ว (หรืออาจจะผลิตปุ๋ยใช้เอง)แกนนำจัดให้ผู้ที่ผ่านการอบรมกลับมารวมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความสำเร็จและแนวทางปรับปรุงมีการให้ผู้ใช้ปุ๋ยประสบความสำเร็จมาเล่าประสบการณ์ หรือไปศึกษาดูงานของกันและกัน
3.5 กลุ่มแกนนำคัดเลือกเกษตรกรที่สนใจในการใช้ปุ๋ยชีวภาพไปศึกษาดูงานการผลิตและการใช้ปุ๋ยชีวภาพตามความสนใจของกลุ่มเกษตรกรตัวอย่าง
3.6 เกษตรกรตัวอย่างและแกนนำปรึกษาหารือการผลิตและการใช้ปุ๋ยชีวภาพตามแนวใหม่ผสมผสานกับแนวเดิม
3.7 เกษตรกรตัวอย่างและแกนนำดำเนินงานผลิตและจัดกิจกรรมใช้ปุ๋ยตามธรรมชาติที่ร่วมกันผลิต
3.8 เกษตรกรตัวอย่างและแกนนำปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และถอดบทเรียนความสำเร็จเป็นกรณีศึกษาต่อไป
|
สำนักงานเทศบาล /
คณะกรรมการ
สำนักงานเทศบาล /
คณะกรรมการ
โรงปุ๋ยอินทรีย์เทศ
บาลตำบลบัวบาน
/ คณะกรรมการ/ทีมวิทยากร
ศาลากลางบ้านโคก
คำ / คณะกรรมการ
สำนักงานเทศบาล /
คณะกรรมการ
สำนักงานเทศบาล / คณะกรรมการ
โรงปุ๋ยอินทรีย์เทศ
บาลตำบลบัวบาน
คณะกรรมการ / ชาวบ้าน
สำนักงานเทศบาล / คณะกรรมการ
|
16 ม.ค. 2552
2 ชั่วโมง
16 ม.ค. 2552
1 ชั่วโมง
28 - 30 ม.ค. 2552
6 ชั่วโมง
1 - 2 เม.ย. 2552
3 ชั่วโมง
30 - 31 ส.ค. 2552
2 วัน
22 ม.ค. 2552
4 ชั่วโมง
2 - 28 ก.พ. 2552
1 - 2 ก.ย. 2552
2 วัน
|
100
2,000
40,500
1,000
30,000
1,000
82,700
3,000
|
6. ระยะเวลาการดำเนินงาน
-
เริ่มดำเนินงานโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ถึง 30 กันยายน 2552
7. งบประมาณ
-
ทุนสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ จำนวน 200,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังนี้
-
7.1 ค่าจัดซื้อวัสดุเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ จำนวน 18,800 กิโลกรัม เป็นเงิน 82,700 บาท
7.2 ค่าใช้จ่ายในส่วนวัฒนธรรมท้องถิ่น (สรภัญญะ) ข้อ 2 , 3, 4, 5 เป็นเงิน 38,000 บาท
7.3 ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการและติดตามประเมินผล เป็นเงิน 8,800 บาท
7.4 ค่าใช้จ่ายในการศึกษาดูงาน เป็นเงิน 30,000 บาท
7.5 ค่าฝึกอบรม เป็นเงิน 40,500 บาท
รวมเป็นเงิน เป็นเงิน 200,000 บาท
8. ผู้รับผิดชอบโครงการ
-
นายกเทศมนตรีตำบลบัวบาน คณะผู้บริหาร นักวิชาการเกษตรเทศบาลตำบลบัวบาน และคณะกรรมการเป็น ผู้รับผิดชอบโครงการ
9. ผู้เขียนโครงการ
..................................................................
(นายทวี ถาวงค์กลาง)
นักวิชาการเกษตรเทศบาลตำบลบัวบาน
10. ผู้เสนอโครงการ
.................................................... .......................................................
(นายเตียง ภูพานใหม่) (นายคำอุ่น ภูขยัน)
ผู้ใหญ่บ้านโคกดำหมู่ที่ 18 ผู้ใหญ่บ้านโคกใหญ่หมู่ที่ 1
11. ผู้เห็นชอบโครงการ
.................................................... .......................................................
(นางนฤมล สิงห์เงา) (นายสมยศ ยนต์ชัย)
ปลัดเทศบาลตำบลบัวบาน นายกเทศมนตรีตำบลบัวบาน
12. ผู้อนุมัติโครงการ
.............................................................
(ดร. สุวัฒน์ เงินฉ่ำ)
หัวหน้าโครงการประสานพลังปัญญาฯ
______________________________________________________________________
รูปประกอบโครงการประสานพลังปัญญาฯ ทต.บัวบาน